เวลาประมาณ 14.39 น. พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ออกโทรทัศน์รวมการเฉพาะกิจแห่งประเทศ ประกาศสถานการณ์ฉุกเฉิน เพื่อควบคุมการระบาดของโรคติดต่อร้ายแรง ไวรัสโควิด-19 ตั้งแต่วันที่ 26 มีนาคม เป็นต้นไป และยกระดับศูนย์โควิด-19 เดิมเป็นหน่วยงานพิเศษ "ศูนย์บริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉินในการแก้ปัญหาการแพร่ระบาดโรคติดเชื้อไวรัสโควิด-19 (ศอฉ.โควิด-19)"
แต่งตั้ง ปลัดกระทรวงสาธารณสุข เป็นหัวหน้าผู้รับผิดชอบในการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉิน ด้านสาธารณสุข
ปลัดกระทรวงมหาดไทย เป็นหัวหน้าฯ ด้านการสั่งการผู้ว่าราชการจังหวัดและผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร
ปลัดกระทรวงพาณิชย์ เป็นหัวหน้าฯ ด้านการควบคุมสินค้าและเวชภัณฑ์
ปลัดกระทรวงการต่างประเทศ เป็นหัวหน้าฯ ด้านการต่างประเทศ และการคุ้มครองช่วยเหลือคนไทยในต่างประเทศ
และผู้บัญชาการทหารสูงสุด (ผบ.สส.) เป็นหัวหน้าฯ ด้านความมั่นคง การปราบปรามอาชญากรรมทุกประเภท การปฏิบัติงานของทหารและตำรวจ
นายกรัฐมนตรี ระบุว่า ตนจะเป็นผู้รายงานสถานการณ์กับประชาชน หรือผู้ที่ตนมอบหมายให้เท่านั้น โดยการแถลงข่าวจากนี้จะมีวันละ 1 ครั้ง จากแหล่งเดียวเท่านั้น พร้อมขอความร่วมมือสื่อมวลชน ใช้ข้อมูลในการแถลงข่าวเป็นหลัก แทนการสัมภาษณ์เจ้าหน้าที่ และบุคลากรทางการแพทย์ต่างๆ เพื่อให้เจ้าหน้าที่ได้ปฏิบัติงาน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภายหลังนายกรัฐมนตรีประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินแล้ว ได้มีการอ่านประกาศ 2 ฉบับ คือ
1. ประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินในทุกเขตท้องที่ทั่วราชอาณาจักร มีผล 26 มีนาคม-26 เมษายน 2563 โดยประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินที่มีความร้ายแรงใน 3 จว.ชายแดนใต้ ให้คงบังคับใช้ต่อไปคู่กัน
2. แถลงการณ์สำนักนายกรัฐมนตรี ซึ่งมีรายละเอียดเกี่ยวกับเหตุผลที่นายกรัฐมนตรีจะต้องประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินเพื่อควบคุมการระบาดของโรคติดต่อร้ายแรง
พร้อมทั้งระบุว่า เมื่อประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินแล้วจะมีการโอนกฎหมายบางฉบับจากอำนาจของรัฐมนตรีแต่ มาเป็นนายกรัฐมนตรีเท่าที่จำเป็น จะมีการออกข้อกำหนด เช่นการ ห้ามเข้าออกสถานที่, ห้ามหรือเข้าออกนอกราชอาณาจักร, ห้ามเดินทางข้ามจังหวัด, ควบคุมสินค้าและเวชภัณฑ์
ขอบคุณข่าวจาก : Workpoint News