ผลสำรวจจาก NPD Group รายงานว่าระหว่างการระบาดของไวรัส COVID-19 ชาวสหรัฐฯ เริ่มมีพฤติกรรมการเล่นเกมที่เพิ่มสูงขึ้น และนักวิเคราะห์ระบุว่าประชากรสหรัฐฯ ถึง 3 ใน 4 ที่เป็นเกมเมอร์ ได้ใช้เวลาเล่นเกมกับใช้จ่ายเงินที่เกี่ยวข้องกับสื่อบันเทิง Interactive มากขึ้น พร้อมชี้ว่าประชาชนกว่า 48 ล้านคน ใช้เวลาเล่นเกมมากกว่า 15 ชั่วโมงต่อสัปดาห์
นอกจากนี้ การใช้จ่ายในเกมของประเทศสหรัฐฯ ได้เพิ่มขึ้นเป็น 1.2 พันล้านเหรียญฯ เฉพาะในเดือนมิถุนายน หรือเพิ่มขึ้นถึง 26% จากปี 2019 ซึ่งนับเป็นการใช้จ่ายในเดือนมิถุนายนที่สูงที่สุดนับตั้งแต่ 10 ปีที่ผ่านมา โดยแหล่งข่าว ‘Newzoo‘ คาดว่าตลาดเกมทั่วโลกจะสามารถสร้างรายได้อยู่ที่ 159.3 พันล้านเหรียญฯ ในปี 2020 ซึ่งเพิ่มขึ้น 10% จากสถิติของปี 2019
หากเจาะรายละเอียดลึกกว่านี้ นักเล่นเกม 34% รายงานว่าพวกเขาเชื่อว่าใช้เวลาเล่นเกมในช่วงการระบาด COVID-19 สูงกว่าเวลาเล่นเกมจากช่วงต้นปีที่ผ่านมา และเกมเมอร์จำนวน 94% ได้มองหาแพลตฟอร์มสำหรับการเล่นเกมตัวใหม่ ก่อนที่จะมีการระบาด COVID-19 โดยมีเพียง 6% เท่านั้นที่มองหาแพลตฟอร์มสำหรับเล่นเกมตัวใหม่ ระหว่างการระบาดของไวรัส
Mat Piscatella นักวิเคราะห์ตลาดวิดีโอเกมใน NPD Groups แสดงความคิดเห็นหลังจากเผยผลสำรวจว่า วิดีโอเกมถือว่าเป็นสื่อบันเทิงหลักที่ช่วยให้เพื่อนกับครอบครัวสามารถติดต่อร่วมกัน ท่ามกลางสถานการณ์ความยากลำบากได้ดีที่สุด
ขอขอบคุณข้อมูลจาก gamingdose.com