เอฟซี บาร์เซโลน่า และ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด จะเคลื่อนทัพสู่เวมบลีย์ สังเวียนศักดิ์สิทธิ์ 28 พฤษภาคม มหานครลอนดอน ต่างฝ่ายต่างหวังโทรฟี่ไว้เสริมบารมีที่สั่งสมไว้มหาศาล
ที่ลอนดอน 2 มหาอำนาจของฟุตบอลยุคใหม่ ต้องการถ้วยที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของสโมสรยุโรป เหมือนเมื่อ 2 ปีที่แล้ว ที่ซามูเอล เอโต้ และลิโอเนล เมสซี่ ทำคนละประตูให้บาร์เซโลน่าชนะแมนฯ ยูไนเต็ดที่โรม กระนั้นย้อนกลับไปดูประวัติศาสตร์ของสโมสรที่ผ่านมา ชัดเจนว่า 2 ทีมที่จะเจอกันนัดชิงคราวนี้มีหลายอย่างคล้ายกันแทบจะแยกกันไม่ออก
1. สถิติการเจอกันก่อนหน้า
ยูไนเต็ด และบาร์เซโลน่า เจอกันมา 10 ครั้ง ชนะกันฝ่ายละ 3 และเสมออีก 4 นัดที่เหลือ นับตั้งแต่การต่อสู้ของทั้งสองเริ่มขึ้นในคัพวินเนอร์ส คัพ 1983/84 รอบก่อนรองชนะเลิศ นอกจากนั้นยังได้เจอกันในนัดชิงบอลถ้วยยุโรปอีก 2 ครั้ง นั่นคือนัดชิงชนะเลิศปี 2009 และคัพวินเนอร์ส คัพ ปี 1991 ที่ร็อตเตอร์ดัม ที่แมนฯ ยูไนเต็ดชนะ 2-1 เซอร์อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน คว้าแชมป์ยุโรปถ้วยแรกกับแมนฯ ยูไนเต็ด เกมนี้มาร์ค ฮิวจ์ส (ในภาพ หมายเลข 10) อดีตกองหน้าบาร์เซโลน่า ยิงคนเดียว 2 ประตูให้แมนฯ ยูไนเต็ด ชนะคาร์ลอส บุสเก็ตส์ พ่อของเซร์คิโอ บุสเก็ตส์
ทั้งสองทีมจับสลากอยู่สายเดียวกันในแชมเปี้ยนส์ ลีก รอบแบ่งกลุ่มฤดูกาล 1994/95 และ 1998/99 ผลเสมอกัน 3 ครั้ง และบาร์เซโลน่า ชนะ 1 ครั้ง อีก 2 ครั้งเป็นการพบกันในรอบรองชนะเลิศแชมเปี้ยนส์ ลีก 2007/08 ที่แมนฯ ยูไนเต็ด เป็นฝ่ายคว้าชัยชนะ ปีต่อมานัดชิงชนะเลิศ 2009 ที่โรม บาร์เซโลน่า ทวงบัลลังก์แชมป์คืน (ในภาพเมสซี่ โหม่งพังประตูให้บาร์เซโลน่าชนะแมนฯ ยูไนเต็ดที่โรม 2-0) กระนั้นย้อนกลับไปดูสถิติการเจอกันที่ผ่านมา ไม่มีฝ่ายไหนชนะ 2 นัดติดได้เลย
2. ประสบการณ์ที่เวมบลีย์
ยูไนเต็ด คุ้นเคยกับเวมบลีย์เป็นอย่างดี เนื่องจากคว้าแชมป์ที่นี่ถึง 9 ครั้ง อย่างไรก็ตาม สังเวียนแห่งลอนดอนเหนือ เป็นที่ที่บาร์เซโลน่า มีความทรงจำที่ดีเช่นกัน ครั้งนี้เวมบลีย์จะเป็นสังเวียนชิงถ้วยใหญ่สุดของยุโรปเป็นครั้งที่ 6 และครั้งแรกในยุคของยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ทั้งสองทีมมีประวัติศาสตร์เหมือนกันนั่นคือมาคว้าแชมป์ยูโรเปี้ยน คัพ ที่นี่เป็นครั้งแรก
ปี 1968 แมนฯ ยูไนเต็ดเป็นทีมอังกฤษทีมแรกที่คว้ายูโรเปี้ยน คัพ จากการชนะเบนฟิก้า ของยูเซบิโอช่วงต่อเวลาพิเศษ 4-1 (ในภาพบ๊อบบี้ ชาร์ลตันชูโทรฟี่ที่เวมบลีย์ ปี1968) ขณะที่ยักษ์ใหญ่แห่งคาตาลัน ต้องต่อเวลา 30 นาทีเช่นกัน เมื่อครั้งเจอซามพ์โดเรีย 24 ปีต่อมา นัดชิงชนะเลิศปีสุดท้าย ก่อนยูโรเปี้ยน คัพ จะเข้าสู่ยุคของยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก คราวนั้นเป๊ป กวาร์ดิโอล่า อยู่ใน 11 ตัวแรก และโรนัลด์ คูมัน (ในภาพแถวหน้าที่ 5 จากขวา) ตัวทีมชาติฮอลแลนด์ ซัดลูกฟรีคิกลูกทีเด็ดช่วงต่อเวลาพิเศษครึ่งหลังให้ทีมเอาชนะ 1-0
3. ผลงานในยุโรป
ทั้งสองทีมคว้าแชมป์มา 3 ครั้งเท่ากัน และหวังจะทำให้ได้เป็นสมัยที่ 4 เทียบเท่าอาแจ๊กซ์ และบาเยิร์น มิวนิค ที่มากกว่าพวกเขาจะมีแค่ลิเวอร์พูล, มิลาน และเรอัล มาดริด แมนฯ ยูไนเต็ด มีสถิติชนะนัดชิง 100 เปอร์เซ็นต์ ก่อนนัดชิงที่โรม ปี 2009 จากการชนะเบนฟิก้า (1968), บาเยิร์น (1999) และเชลซี (2008)
บาร์เซโลน่า คว้าแชมป์มา 3 ครั้งจากการเข้าชิง 6 ครั้ง ที่ชนะคือชนะ ซามพ์โดเรีย (1992), อาร์เซนอล (2006) และแมนฯ ยูไนเต็ด ที่แพ้ 3 นัดคือแพ้ เบนฟิก้า (1961), สเตอัว บูคาเรสต์ (1986) และเอซี มิลาน (1994) สำหรับบาร์เซโลน่า แชมป์ปี 2011 จะเป็นแชมป์ยูโรเปี้ยน คัพ สมัยที่ 3 ในรอบ 6 ปี ที่จะทำให้พวกเขาเป็นทีมแรกที่คว้าแชมป์ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก 3 สมัยในศตวรรษนี้
4. เซอร์อเล็กซ์ v กวาร์ดิโอล่า
กวาร์ดิโอล่า อายุแค่ 7 ขวบตอนเซอร์อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน ที่ตอนนั้น 36 ปี คว้าแชมป์ยุโรปรายการแรกนั่นคือคัพวินเนอร์ คัพ กับอเบอร์ดีนปี 1978/79 ก่อนที่ทั้งสองจะสร้างความยิ่งใหญ่ สำหรับเฟอร์กูสัน ชัยชนะที่เวมบลีย์คราวนี้จะทำให้เขาคว้าแชมป์ยูโรเปี้ยน คัพ สมัยที่ 3 ซึ่งจะเป็นสถิติเทียบเท่าบ๊อบ เพสลีย์ กุนซือสกอตต์เพื่อนร่วมชาติ ที่พาลิเวอร์พูลคว้าแชมป์ปี 1977, 1978 และ 1981
ขณะที่กวาร์ดิโอล่า คือ 1 ใน 6 เท่านั้นที่คว้าแชมป์ยูโรเปี้ยน คัพ ในฐานะผู้เล่น และโค้ช อีก 5 ที่ทำได้คือมิเกล มูญอซ, โจวานนี่ ตราปัตโตนี่, โยฮัน ครัฟฟ์, คาร์โล อันเชล็อตติ และแฟรงค์ ไรจ์การ์ด ในจำนวนนี้มีเพียงมูญอซ และอันเชล็อตติ ที่คุมทีมได้แชมป์ 2 ครั้ง
5 นัดชิงอังกฤษ-สเปน
อังกฤษ และสเปน เจอกันในนัดชิงถ้วยยุโรป 15 ครั้ง ผลทีมจากสเปน ชนะ 7 อังกฤษชนะ 8 ตั้งแต่ที่สเปอร์ส ถล่มแอต. มาดริด ในคัพวินเนอร์ส คัพปี 1962/63 รวมแล้วการเจอกัน 8 ครั้งแรก ทีมจากอังกฤษชนะได้ถึง 6 รวมการที่ลิเวอร์พูล ชนะเรอัล มาดริด 1-0 นัดชิงชนะเลิศยูโรเปี้ยน คัพ ปี 1980/81
ขณะที่ในช่วงหลังสเปนมีสถิติที่ดีกว่า ปี 2005/06 ยูฟ่า คัพนัดชิงชนะเลิศ เซบีญ่า ถล่มมิดเดิลสโบรห์ 4-0 หลังจากนั้น 1 สัปดาห์ที่ปารีส บาร์เซโลน่า เอาชนะอาร์เซนอลที่เหลือแค่ 10 คน 2-1 จากนั้น 3 ปียักษ์ใหญ่คาตาลันเอาชนะแมนฯ ยูไนเต็ด คว้าแชมป์ยูโรเปี้ยน คัพ มาครอง ขณะที่แอต. มาดริด ชนะฟูแล่ม ในยูโรป้า ลีก นัดชิงชนะเลิศที่ฮัมบวร์กเมื่อเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา
