เจ้าภาพเดนมาร์ก เตรียมลงสู้ศึกยูโร ยู-21 รอบสุดท้าย กับอีก 7 ทีมที่แข็งแกร่งในทัวร์นาเม้นต์นี้ "โคนม จูเนียร์" ต้องอกหักไม่ได้มีส่วนร่วมทะลุเข้ามาสู่รอบแบ่งกลุ่ม เมื่อเดือนมีนาคม 2009 หรือเมื่อ 3 ปีที่แล้ว เนื่องจากพ่าย เซอร์เบียร์ ในรอบเพลย์-ออฟ ทั้งไปและกลับ
เดนมาร์ก ถูกจับให้อยู่ในกลุ่ม A มีเพื่อนร่วมสายอย่าง สวิตเซอร์แลนด์, ไอซ์แลนด์ และ เบลารุส ขณะที่กลุ่มบี ถือว่าเป็นกรุ๊ป ออฟ เด็ธ เพราะเต็มไปด้วยยอดทีมทั้งรองแชมป์ปี 2009 อังกฤษ, สาธารณรัฐเช็ก ที่ไร้พ่ายในรอบคัดเลือก, ยูเครน ดีกรีแชมป์ ยู-19 และ สเปน ยักษ์ใหญ่ของยุโรปชั่วโมงนี้
เจ้าภาพที่ถูกมองข้ามจะไปได้ไกลแค่ไหน
ส่วนสนามการแข่งขันที่จะใช้โม่แข้งในรายการนี้ มีทั้งหมด 4 สนาม ซึ่งจะกระจายอยู่ 4 เมืองคือ ออฮุส, อัลบอร์ก, เฮอร์นิ่ง และ เมือง วีบอร์ก นัดเปิดสนามจะเริ่มวันที่ 11 มิถุนายน 2011 เจ้าภาพ เดนมาร์ก จะเจอกับ สวิตเซอร์แลนด์ ต่อด้วย เบลารุส และ ไอซ์แลนด์ ตามลำดับ ขณะที่เกมชิงชนะเลิศ จะดวลเกือกกันวันที่ 25 มิถุนายน ที่เมืองออฮุส
โทมัส เพ็กฮาร์ท ดาวซัลโวในรอบคัดเลือก
ทีมที่ถูกจับตามองมากที่สุดในทัวร์นาเมนต์นี้ก็คือ สาธารณรัฐเช็ก เพราะเป็นทีมเดียวที่ผ่านเข้ารอบมาแบบไร้พ่าย แถมยังสามารถบุกไปเอาชนะ เยอรมัน ได้ถึงเมืองเบียร์ในรอบคัดเลือกกลุ่ม 5 ที่ผ่านมา พร้อมเขี่ยแชมป์เก่าตกรอบไปอย่างเจ็บแสบ ดังนั้น เช็ก ตั้งความหวังหวังไว้สูงว่าจะเป็นแชมป์รายการนี้ให้ได้นับตั้งแต่ปี 2002 นักเตะที่น่าจับตามองก็คือ โทมัส เพ็กฮาร์ท พกดีกรีดาวซัลโวในรอบคัดเลือก (9 ประตู)
อีกทีมเป็นม้ามืดที่มองข้ามไม่ได้ก็คือ ไอซ์แลนด์ รองแชมป์กลุ่มตามเช็กเข้ามา มีสถิติการยิงประตูที่น่าทึ่ง ด้วยการกดไป 29 เม็ด มากที่สุดในรอบคัดเลือก รวมทั้งผลงานชิ้นโบว์แดงในแม็ตช์ถล่มเยอรมัน 4-1 ก่อนจะทะลุเข้ารอบสุดท้ายเป็นทีมแรก
แสดงให้เห็นอีกครั้งว่า ฟุตบอลระดับเยวชนของยุโรปนั้นมาตราฐานใกล้เคียงกันมากแค่ไหน ถ้าเหลือบไปมองคะแนนในรอบคัดเลือก แต้มเบียดกันเกือบทุกกลุ่ม และที่น่าประหลาดใจก็คือ มีเพียง เบลารุส, อังกฤษ และ สเปน 3 ทีมเท่านั้นจากเมื่อปี 2009 ที่หลงเหลืออยู่ในทัวร์นาเม้นต์นี้ ส่วนบรรดา 8 ทีมในรอบสุดท้าย ก็มีแค่ 3 ทีมที่เคยสัมผัสแชมป์มาก่อน อังกฤษ (2 ครั้ง), สเปน (2 ครั้ง) และ เช็ก (ครั้งเดียว)
วลาดิเมียร์ ยูร์เชนโก้ ดาวเด่นที่ถูกจับตามอง
ไอซ์แลนด์ อาจจะเป็นทีมที่ถูกมองว่าผ่านเข้ารอบมาอย่างน่าเซอร์ไพรส์ แต่ที่น่าเซอร์ไพรส์ยิ่งกว่าก็คือ เบลารุส โดยเฉพาะผลงานมาสเตอร์พีซรอบเพลย์-ออฟ ที่ปราบแชมป์ 5 สมัยอย่าง อิตาลี่ มาได้อย่างเหลือเชื่อ หลัจากเลกแรกแพ้แบบหมดทางสู้ 0-2 แต่พวกเขากลับมาได้ในบอริซอฟ (เบลารุส) บ้านตัวเอง ด้วยการชนะคืน 3-0 วลาดิเมียร์ ยูร์เชนโก้ ซัด 2 ลูกใน 5 นาที จนเป็นที่มาให้ทีมชนะประตูรวมในท้ายที่สุด นอกจากนี้จากฟอร์มที่ยอดเยี่ยมของ ยูร์เชนโก้ เจ้าตัวจึงถูกจับตามองมากที่สุดคนหนึ่งในทัวร์นาเม้นต์นี้อีกด้วย
ขณะทีดาวดังที่ถูกคาดหมายว่าจะเป็นสตาร์ในช่วงหน้าร้อน ก็มีหลายรายโดยเฉพาะทีมใหญ่อย่าง สเปน แชมป์เวิร์ด คัพ 2010 หนีบเอา 2 ดาวรุ่งชื่อดัง ฆาบี มาร์ติเนซ กับ ฆวน มาตา มาโม่แข้งด้วย ส่วน "สิงโตคำราม จูเนียร์" ที่หลุดเข้ามาเล่นรอบสุดท้าย 3 ปีติดต่อกัน มี แจ๊ค วิลเชียร์ เพลย์เมเกอร์จากอาร์เซน่อล เป็นดาราชูโรง ขณะที่ สวิตเซอร์แลนด์ นำทัพโดย เชอร์แดน ชาคิรี่ สตาร์จากเวิร์ด คัพ 2010
แจ๊ค วิลเชียร์ ซูเปอร์สตาร์ประจำทัวร์เม้นต์
ด้าน ยูเครน รองแชมป์ปี 2006 ต้องการจะสานต่อความสำเร็จจากชุด ยู-19 ที่ผงาดเป็นแชมป์เมื่อ 2 ปีที่แล้ว ซึ่งเป็นอีกหนึ่งทีมที่มองข้ามไม่ได้ เพราะขนชุดแชมป์ 2009 มาเกือบทั้งเซ็ต ทั้งนี้เจ้าภาพเดนมาร์ก อาจถูกสบประมาทในเรื่องฝีเท้าเพราะถูกมองว่าเป็นทีมเจ้าภาพจึงได้สิทธิ์แบบอัตโนมัติ รวมทั้งกว่า 2 ปีแล้วที่พวกเขาไม่ได้ลงสนามอย่างเป็นทางการ
อย่างไรก็ตาม มีตัวอย่างให้เห็นมามาก ว่าเจ้าภาพในแต่ละทัวร์นาเม้นต์ มักจะเค้นฟอร์มเก่งออกมา อย่าง ฮอลแลนด์ 2007 ก้าวถึงแชมป์ และ สวีเดน 2009 ผ่านเข้าถึงรอบรองชนะเลิศ ซึ่งแฟนบอลมีส่วนสำคัญมาก ดังนั้น เคลด์ บอร์ดิงการ์ดส์ ดุนซือโคนมน้อย หวังอยู่ลึกๆว่าลูกทีมจะทะลุเข้าสู่รอบลึกได้