ทั้ง แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด และ บาร์เซโลน่า ต่างก็กำลังเดินหน้าควานหาแชมป์ ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก สมัยที่ 4 ให้กับตัวเอง เมื่อทั้งคู่จะต้องมาห้ำหั่นกันในรอบชิงชนะเลิศ ณ นิว เวมบลีย์ สเตเดี้ยม วันเสาร์ที่กำลังจะมาถึง
เกมสุดสัปดาห์ที่จะถึงนี้นับว่าเป็นครั้งที่ 2 ในรอบ 3 ปีแล้วที่ทั้ง 2 ทีมจะพบกันในการชิงชัยถ้วยอันทรงเกียรติที่สุดในทวีปยุโรป หลังจากครั้งแรกสโมสรยักษ์ใหญ่จาก คาตาลัน เอาชนะไปได้ด้วยสกอร์ 2-0 ที่กรุงโรม ประเทศอิตาลี เมื่อปี 2009 ที่ผ่านมา
ลูกทีมของ เป็ป กวาร์ดิโอล่า ซึ่งเพิ่งจะคว้าแชมป์ ลา ลีกา สเปน มาเป็นสมัยที่ 3 ติดต่อกันหมาด ๆ แพ้เพียงแค่ 2 นัดเท่านั้นในเกมลีกที่เพิ่งจะผ่านพ้นไปในฤดูกาลนี้
ขณะที่ทีม “ปีศาจแดง” ที่คว้าแชมป์ถ้วยใบใหญ่ที่สุดประจำทวีปยุโรปครั้งล่าสุดด้วยการเอาชนะจุดโทษต่อ เชลซี เมื่อซีซั่น 2007/08 นั้น ก็สามารถคว้าแชมป์ฟุตบอลลีกภายในประเทศได้ด้วยเช่นเดียวกัน ซึ่งถือว่าเป็นสมัยที่ 19 ในประวัติศาสตร์ของพวกเขาแล้ว แม้ว่าการคว้าแชมป์หนนี้อาจจะมีข้อครหาอยู่บ้าง แต่ เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน ก็มีทีมที่คงเส้นคงวา และสามารถเก็บคะแนนได้มากมาย จนในที่สุดก็ทำแต้มทิ้งคู่แข่งอันดับที่ 2 เมื่อจบซีซั่นถึง 9 คะแนนเลยนั่นเอง
แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ชุดนี้ ถูกสร้างขึ้นโดยมีฐานอยู่ที่แนวรับอันแข็งแกร่งอย่าง เนมานย่า วิดิช เซ็นเตอร์ฮาล์ฟ กับ ริโอ เฟอร์ดินานด์ คู่หูในตำแหน่งเดียวกัน นอกจากนี้ด้วยความที่มีแบ็คอัพหน้าประตูที่ยอดเยี่ยมอย่าง เอ็ดวิน ฟาน เดอร์ ซาร์ อีกต่างหาก ก็ส่งผลให้สโมสรเบอร์ 1 ของเมืองผู้ดีทีมนี้ ถือว่ามี 3 ประสานในการเล่นดีเฟนซ์อันยอดเยี่ยมที่สุดทีมหนึ่งในโลกเลยทีเดียว
กระนั้นพวกเขาที่ว่ามาทั้งหมดต้องเล่นได้อย่างท็อปฟอร์มเท่านั้นถึงจะหยุดทีมที่มีผู้เล่นเกมรุกดีที่สุดในโลกได้ ซึ่งในจำนวนนั้นก็คือนักเตะอย่าง ลิโอเนล เมสซี่ , ดาบิด บีย่า รวมไปถึง อันเดรียส อิเนียสต้า ที่มีความสามารถในการพรากเกมไปจากคู่แข่ง ซึ่งกำลังมีช่วงเวลาดี ๆ อยู่ได้นั่นเอง
นอกจากนี้ก็ยังมีแข้งฝีเท้าเยี่ยมอย่าง ชาบี เอร์นานเดซ คอยควบคุมจังหวะของเกมให้ อีกทั้ง เซร์คิโอ บุสเกวตส์ ก็จะเป็นอีกคนที่จะคอยจัดการเรื่องราวต่าง ๆ ในแดนกลางด้วยอีกแรง อย่างไรก็ตามประเด็นหลักที่ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ควรจะต้องจับตามองที่สุดคงจะหนีไม่พ้น ลิโอเนล เมสซี่ แน่นอน
ตัวรุกทีมชาติอาร์เจนติน่ารายนี้สามารถทำประตูให้กับทีมได้ด้วยในเกมที่ทั้งคู่พบกันครั้งรอบชิงชนะเลิศรายการนี้เมื่อปี 2009 ณ กรุงโรม และในฟุตบอล ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ปีนี้ ว่ากันว่าเขาดูจะดีขึ้นกว่าตอนนั้นเสียอีกด้วยซ้ำ
ในถ้วยใบใหญ่ที่สุดของยุโรปฤดูกาลนี้ เมสซี่ ซัลโวไปแล้ว 11 ลูกจาก 12 นัดที่ลงสนาม ซึ่งดูดีขึ้นอย่างยิ่งเมื่อเทียบกับ 2 ปีที่แล้ว ที่เขากระหน่ำ 9 เม็ดจากจำนวนแมตช์ที่เท่ากัน
เมื่อ 2 ปีที่แล้ว บาร์ซ่า ดูเหมือนจะควบคุมเกมเอาไว้ได้ แม้ว่า แมน ฯ ยูไนเต็ด ดูจะไม่ยอมแพ้เลยนับตั้งแต่เสียประตูไปก่อนตั้งแต่นาทีที่ 10 เลยก็ตาม
ทีมของ กวาร์ดิโอล่า ครองบอลเอาไว้กับตัวได้ทั้งหมด หลังจากที่ยิงประตูขึ้นนำไปแล้ว และพวกเขาอาจจะเล่นในแบบเดิมด้วย ถ้าลูกทีมของ เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน ยังยอมให้พวกเขายิงประตูขึ้นนำไปอีก
ไม่มีใครรู้ว่า แมน ฯ ยูไนเต็ด จะเดินหน้าเปิดเกมรุกเข้าใส่หรือไม่ในเกมที่กำลังจะมาถึง ทว่าพวกเขาต้องคิดให้รอบคอบในการบุกของพวกเขาแต่ละครั้ง ยามเมื่อพวกเขาเลือกที่จะเดินหน้า
อย่างไรก็ตามอาวุธของ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ก็ใช่ว่าจะไม่รุนแรงเสียเมื่อไหร่ เมื่อ เวย์น รูนี่ย์ สามารถสร้างสิ่งตัดสินเกมให้เกิดขึ้นได้ในสถานการณ์ที่ทีมกำลังวิกฤติ ขณะที่ ฆาเบียร์ เอร์นานเดซ ซึ่งซัดไปแล้ว 4 เม็ดในรายการ ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ซีซั่นนี้นั้น ก็พร้อมที่จะสร้างเรื่องราวน่าจดจำให้กับตัวเขาเองในฤดูกาลแรกกับทีม “ปีศาจแดง” ด้วยการมีชื่ออยู่บนสกอร์บอร์ดด้วยเช่นเดียวกัน นอกจากนี้การเผชิญหน้ากันระหว่าง ดานี่ อัลเวส ฟูลแบ็คจอมบุกของ บาร์เซโลน่า กับปีกพ่อมดของรั้ว โอลด์ แทร็ฟฟอร์ด อย่าง ไรอัน กิ๊กส์ ก็เป็นอะไรที่น่าจับตามองไม่แพ้กันด้วย
โดยสรุป บาร์เซโลน่า มีโอกาสที่จะสลักชื่อของตัวเองว่าเป็นหนึ่งในทีมที่ดีที่สุดในประวิตศาสตร์ได้ ขณะที่ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด จะลงสนามไปเพื่อทำให้ผู้สันทัดกรณีทั้งหลายรู้ว่า พวกเขานั้นมีดีกว่าที่ใครหลายคนคาดคิดกันเอาไว้
