ศึกฟุตบอลหญิงชิงแชมป์โลก 2011 ระเบิดขึ้นที่ประเทศเยอรมัน ซึ่งมีดีกรีเป็นถึงแชมป์เก่าและแชมป์ 2 สมัยล่าสุด โดยมีทีมจากยุโรปทะลุตาม "อินทรีสาว" เข้ามารอบสุดท้ายอีก 5 ทีม จากทั้งหมด 16 ชาติ ได้แก่ ฝรั่งเศส, อังกฤษ, สวีเดน และ นอร์เวย์ ทั้งนี้เจ้าภาพลงสนามไปแล้วเมื่อคืนที่ผ่านมา ซึ่งเฉือนแคนาดา หวุดหวิด 2-1 ส่วนอีกคู่ ฝรั่งเศส ชนะ ไนจีเรีย 1-0 ขณะที่ตั๋วนัดเปิดสนามถูกขายหมดเกลี้ยงที่ 75,000 ใบ ทีนี้มาดูกันดีกว่าว่าทีมจากยุโรปมีความเคลื่อนไหวแต่ละกลุ่มอย่างไรบ้าง
เยอรมัน (เจ้าภาพ)
กลุ่ม เอ : พบแคนาดา (23.00, 26 มิถุนายน, เบอร์ลิน), พบไนจีเรีย (01.45, 30 มิถุนายน, แฟร้งเฟิร์ต), ฝรั่งเศส (01.45, 5 กรกฎาคม กลัดบัค)
ผลงานที่ดีที่สุดในรายการนี้ : แชมป์ปี 2003, 2007
ผลงานที่ดีที่สุดในศึกชิงแชมป์ยุโรป : แชมป์ปี 1989, 1991, 1995, 1997, 2001, 2005, 2009
ถูกคาดหวังไว้สูงลิบจากแฟนบอลเมืองเบียร์ เพราะจากดีกรีแชมป์เก่า อีกทั้งยังได้เล่นในบ้านของตัวเองเป็นครั้งแรก นอกจากนี้ตั๋วกว่า 700000 ถูกขายหมดเกลี้ยงตลอด 32 เกม สำหรับทัวร์นาเมนต์นี้ ขณะที่ความพร้อมของทีม ถือว่าดีมาก มีการผสมผสานกันระหว่างตัวเก๋าและดาวรุ่งทั้ง นาดิเน่ อังเกเรอร์ ผู้รักษาประตูมากประสบการณ์, อิงกา กริงส์ ดาวยิงตัวเก๋า และ ดาวยิงสูงสุดตลอดกาลในฟุตบอลโลก บิร์กิต ปรินซ์ ขณะที่หน้าใหม่ที่พุ่งขึ้นมาก็มี บาเบ็ตต์ ปีเตอร์, คิม คูลิก และ อเล็กซานเดอร์ โป๊ป ส่วนฟอร์มของเยอรมันในช่วงอุ่นเครื่อง สามารถทำได้อย่างยอดเยี่ยม ชนะ 7 เกมติด เสียแค่ลูกเดียว
ฝรั่งเศส
บินี่ เฮดโค้ชคนเก่งของสาวตราไก่
กลุ่มเอ : พบไนจีเรีย (20.00, 26 มิถุนายน, ซินชีม), พบแคนาดา (23.00, 30 มิถุนายน, โบคุม), พบเยอรมัน (20.45, 5 กรกฎาคม กลัดบัค)
ผลงานที่ดีที่สุดในรายการนี้ : รอบแบ่งกลุ่มปี 2003
ผลงานที่ดีที่สุดในศึกชิงแชมป์ยุโรป : รอบแบ่งกลุ่ม 1997, 2001, 2005, 2009 ; รอบ 5 ทีม 2009
บรูโน่ บินี่ กุนซือของสาวตราไก่ สามารถพาทัพแม่เนื้อนิ่มทำผลงานได้อย่างยอดเยี่ยมในรอบคัดเลือก ด้วยผลงานยิงไปถึง 50 ลูก พร้อมกับสถิติชนะ 10 เกมติดต่อกัน ก่อนที่จะมาเสียประตู จากชัยชนะเหนืออิตาลี 3-2 ฝรั่งเศส จัดการดึงนักเตะจากสโมสรโอลิมปิก ลียง ดีกรีแชมป์เปี้ยนส์ ลีก แชมเปี้ยน โดยมีดาวเด่นอย่าง คามิลเล่ อบิลี, เวนดี้ เรน็อง, ซอนย่า บอมปาสเตอร์, หลุยส์ซ่า เนซิด และ อูเยนี่ เลอ ซอมแมร์ เป็นตัวชูโรง
อังกฤษ
เคลลี่ สมิธ หอกตัวความหวังของสิงโตสาว
กลุ่มบี : พบเม็กซิโก (23.00, 27 มิถุนายน, โวล์ฟบวร์ก), พบนิวซีแลนด์ (23.15, 1 กรกฎาคม, เดรสเดน), ญี่ปุ่น (23.15, 5 กรกฎาคม)
ผลงานที่ดีที่สุดในรายการนี้ : รอบ 8 ทีมสุดท้าย 1995, 2007
ผลงานที่ดีที่สุดในศึกชิงแชมป์ยุโรป : รองแชมป์ 1984 และ 2009
4 ปีที่แล้ว พวกเขาหลุดเข้าไปถึงรอบ 8 ทีมสุดท้ายนับตั้งแต่ปี 1995 จะเรียกได้ว่าประสบความสำเร็จเกินความคาดหมายก็ไม่ผิดนัก หลังจากนั้นพวกเขาก็เป็นรองแชมป์ยุโรปด้วยการเอาชนะทีมแกร่งอย่าง สหรัฐ และ สวีเดน ก่อนที่จะมาพ่าย เยอรมัน ในรอบชิงปี 2009 เพราะฉะนั้นความคาดหวังในคราวนี้จึงสุงขึ้น มีดาวดังอย่าง เคลลี่ สมิธ เป็นหัวใจในแนวรุก ส่วน เอลเลน ไวท์ เป็นคู่หู ขณะที่ เอนิโอล่า อลูโก กับ คาเร็น คารืนีย์ รอโกาสอยู่บนม้านั่งสำรอง ด่านแรกของสิงโตสาวก็คือ เม็กซิโก ที่เอาชนะทั้งสหรัฐ และ นิวซีแลนด์ ซึ่งอังกฤษจะประมาทไม่ได้ แต่ที่น่ากลัวที่สุดน่าจะเป็น ญี่ปุ่น ดีกรีเข้าถึงรอบรองโอลิมปิก 2008
สวีเดน
กลุ่มซี : พบโคลอมเบีย (20.00, 28 มิถุนายน, เลเวอร์คูเซ่น), เกาหลีเหนือ (2 กรกฎาคม, 19.00, เอ๊าส์บวร์ก), พบสหรัฐ (01.45, 6 กรกฎาคม, โวล์ฟส์บวร์ก)
ผลงานที่ดีที่สุดในรายการนี้ : รองแชมป์ 2003
ผลงานที่ดีที่สุดในศึกชิงแชมป์ยุโรป : แชมป์ 1984
นับตั้งแต่โชว์ฟอร์มได้อย่างสุดยอดในปี 2003 สวีเดนไม่เคยเล่นได้ในระดับท็อปอีกเลย เพาะ 4 ปีให้หลัง (2007) พวกเธอหยุดอยู่แค่รอบแบ่งกลุ่ม ส่วนในรายการยุโรป ตกรอบ 8 ทีม ด้วยการพ่าย นอร์เวย์ ในปี 2009 คู่แข่งสำคัญสำหรับ "ไวกิ้สาว" ในรอบแบ่งกลุ่มครั้งนี้ก็คือ เกาหลีเหนือ และ สหรัฐ ดาวเด่นของทีมได้แก่ ล็อตต้า ชีลิน (ลียง), เจสสิก้า แลนด์สตอร์ม (แฟร้งเฟิร์ต)
นอร์เวย์
กลุ่มดี : พบกินี (20.00, 29 มิถุนายน, เอ๊าส์บวร์ก), บราซิล (23.15, 3 กรกฎาคม, โวล์ฟสบวร์ก, ออสเตรเลีย (23.00, 6 กรกฎาคม, เลเวอร์คูเซ่น)
ผลงานที่ดีที่สุดในรายการนี้ : แชมป์ 1995
ผลงานที่ดีที่สุดในศึกชิงแชมป์ยุโรป : แชมป์ 1987, 1993
นอร์เวย์ มักจะทำผลงานในรายการใหญ่ๆได้ดีทุกครั้ง พวกเธอทะลุเข้าถึงรอบรองในฟุตบอลโลก และ ยูโร ได้ทุกครั้งนับตั้งแต่ปี 2005 อย่างไรก็ตาม กลุ่มนี้ถูกยกให้เป็นกลุ่มแห่งความตาย พวกเธอจะต้องเจอกับ ออสเตรเลีย แชมป์เอเชีย, รองแชมป์โลก ปี 2007 บราซิล ซึ่งนำทัพโดย มาร์ตา ทั้งนี้ แข้งดังอย่าง อีลี่ แลนด์เซ็ม ที่เคยอยู่ในชุดรองแชมป์ ยูโร 2009 ผันตัวเองมาเป็นโค้ชทีมชาติชุดนี้แล้ว เช่นเดียวกับสตาร์อย่าง โซลเวียก กุลบรานด์เซ่น ที่แขวนสตั๊ดไปแล้ว แต่ก็ยังมีดาวรุ่ง เซซิลี่ พีเดอร์เซ่น พุ่งขึ้นมาเป็นตัวตายตัวแทน (ล่าสุดมีอาการบาดเจ็บ แต่คาดว่าน่าจะฟิตทันลงเล่นนัดแรก)
เส้นทางสู่เส้นชัย
*รอบ 8 ทีมสุดท้าย
1 : B1 vs A2, 23.00, 9 กรกฎาคม, เลเวอร์คูเซ่น
2 : A1 vs B2, 01.45, 9 กรกฎาคม, โวล์ฟสบวร์ก
3 : C1 vs D2, 18.00, 10 กรกฎาคม, เอ๊าส์บวร์ก
4 : D1 vs C2, 22.30, 10 กรกฎาคม, เดรสเดน
*รอบรองชนะเลิศ
1 : ผู้ชนะโถ 1 vs ผู้ชนะโถ 4, 23.00, 13 กรกฎาคม, กลัดบัค
2 : ผู้ชนะโถ 2 vs ผู้ชนะโถ 3, 01.45, แฟร้งเฟิร์ต
*ชิงที่ 3 : 22.30, 16 กรกฎาคม, ซินชีม
*ชิงชนะเลิศ : 20.45, 17 กรกฎาคม, แฟร้งเฟิร์ต