พรีวิว คัด "ยูโร 2012" กลุ่ม G

พรีวิวบอลคัดยูโร "กลุ่มจี" : บัลแกเรีย -vs- อังกฤษ

 

ผลงานที่ผ่านมาในรอบแบ่งกลุ่ม

บัลแกเรีย (4)
05/06/11 เสมอ มอนเตเนโกร 1-1 เยือน
26/03/11 เสมอ สวิตเซอร์แลนด์ 0-0 เหย้า
09/10/10 ชนะ เวลส์ 1-0 เยือน
08/09/10 แพ้ มอนเตเนโกร 0-1 เหย้า
04/09/10 แพ้ อังกฤษ 0-4 เยือน

อังกฤษ (1)
04/06/11 เสมอ สวิตเซอร์แลนด์ 2-2 เหย้า
26/03/11 ชนะ เวลส์ 2-0 เยือน
13/10/10 เสมอ มอนเตเนโกร 0-0 เหย้า
08/09/10 ชนะ สวิตเซอร์แลนด์ 3-1 เยือน
04/09/10 ชนะ บัลแกเรีย 4-0 เหย้า

 

     บัลแกเรีย จะลงทำศึกคัดยูโร 2012 กลุ่มจี โดยจะเปิดรังสตาดิโอน วาซิล เลฟสกี้ รับการมาเยือนของ "สิงโตคำราม" ทีมชาติอังกฤษ ปัจจุบันลูกทีมของ โลธ่าร์ มัทเธอุส อดีตตำนานแข้งอินทรีเหล็ก รั้งอันดับ 4 มีเพียง 5 แต้ม จากการลงสนาม 5 นัด โอกาสผ่านเข้ารอบเรียกว่าน้อยเต็มที ส่วนภาพรวมของทีม "ซูเปอร์แมน" ทำการเรียกผู้เล่นหน้าเก่า อเล็กซานเดอร์ ตุนเชฟ กลับมาติดโผอีกครั้งในรอบ 2 ปี หลังจากที่ได้ลงสนามบ่อยขึ้นในฐานะตัวยืมในคริสตัล พาเลซ ทีมระดับแชมเปี้ยนชิพ ของอังกฤษ นอกจากนี้ 2 หน้าใหม่จาก เชอร์โนโมเร็ตส์ เบอร์กาส ติดโผเข้ามาเช่นกันทั้ง จอร์จี้ โบซิลอฟ และ เวโตเมียร์ ซอนคอฟ ทั้งนี้บัลแกเรีย ยังเจาะตาข่ายคู่ต่อสู้ในบ้านตัวเองไม่ได้เลย มัธเธอุส หวังว่าลูกทีมจะสู้กับอังกฤษได้บ้าง "ถ้าเราทุ่มเทความสามารถอย่างเต็มที่ เราก็มีเซอร์ไพรส์เหมือนกัน"

ผู้เล่น 23 นักเตะที่เรียกเข้ามา

ผู้รักษาประตู : นิโคไล มิไฮลอฟ (เอฟซี ทเวนเต้, ฮอลแลนด์), วลาดิสลาฟ สตอยานอฟ (เอฟซี เชอริฟฟ์, มอลโดวา)

กองหลัง : อิวาน บานดาลอฟสกี้ (ซีเอสเคเอ โซเฟีย), อิวาน อิวานอฟ (เอฟเค ปาร์ติซาน, เซอร์เบีย), อเล็กซานเดอร์ ตุนเชฟ (คริสตัล พาเลซ, อังกฤษ), วลาเลนติน ลีฟ (สตเอัวร์ บูคาเรตส์, โรมาเนีย), นิโคไล โบดูรอฟ (ลิเท็กซ์ โลเวช), ปีตาร์ ซาเนฟ (ลิเท็กซ์ โลเวช), คอสตาดิน สตอยานอฟ (ซีเอสเคเอ โซเฟีย), ซิฟโก้ มิลานอฟ (วาสลุย, โรมาเนีย)

กองกลาง : สติลิยัน เปตรอฟ (แอสตัน วิลล่า, อังกฤษ), สตานิสลาฟ มาโนเลฟ (พีเอสวี ไฮน์ดโอเฟ่น, ฮอลแลนด์), มารืติน เปตรอฟ (โบลตัน, อังกฤษ), บลากอฟ จอร์เจียฟ (เทเร็ก กรอซนี่ย์), เวโตเมียร์ ซอนคอฟ (เชอร์โนโมเร็ตส์ เบอร์กาส), จอร์จี้ ซาร์มอฟ (คาซิมปาซ่า, ตุรกี), มาร์กอส มาร์กินอส (อนอร์โธซิส, ไซปรัส)

กองหน้า : สปาส ดีเลฟ (ซีเอสเคเอ โซเฟีย), อิเวลิน โปปอฟ (กาเซียนเทปสปอร์, ตุรกี), สเวตาน เกนคอฟ (วิสล่า คราคอฟ, โปแลนด์), จอร์จี้ โบฮิลอฟ (เชอร์โนโมเร็ตส์ เบอร์กาส)

 

     ฝั่งทีมเยือนทีมชาติอังกฤษ พกดีกรีจ่าฝูงกลุ่ม จี มาเยือนสนาม สตาดิโอน วาซิล เลฟสกี้ รังเหย้าของบัลแกเรีย ปัจจุบันลูกทีมของ ฟาบิโอ คาเปลโล่ มีอยู่ 11 แต้ม จากการลงสนาม 5 นัด ส่วนการประกาศโผก่อนลงทำศึกคืนวันศุกร์ "บิ๊กดอน" ทำการเรียก 3 แข้งดาวรุ่งฟอร์มแรงจากแมนฯ ยูไนเต็ดทั้ง คริส สมอล์ลิ่ง, ฟิล โจนส์ และ ทอม เคลฟเวอร์ลี่ย์ เข้าติดธงทั้งหมด หลังจากทั้ง 3 รายเคยมีประสบการณ์ จากศึกยูโร ยู-21 ที่เดนมาร์ก มาแล้ว นอกจากนี้รุ่นพี่จาก "ปิศาจแดง" อย่าง แอชลี่ย์ ยัง และ เวน์ย รูนี่ย์ ก็อยู่ในทีมตามคาด

     อย่างไรก็ตาม แม้เทรนเนอร์เลือดอิตาเลียน จะประกาศใช้นักเตะจากรั้วโอลด์ แทร็ฟฟอร์ด เป็นแกนหลัก แต่กลับกลายเป็น แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ที่มีนักเตะในสังกัดพาเหรดกันติดทัพเข้ามามากที่สุดถึง 6 ราย คือ โจ ฮาร์ท, ไมกาห์ ริชาร์ดส์, โจลีออน เลสค็อตต์, แกเร็ธ แบร์รี่, อดัม จอห์นสัน และ เจมส์ มิลเนอร์

ผู้เล่น 23 นักเตะที่เรียกเข้ามา

ผู้รักษาประตู : โจ ฮาร์ท (แมนฯ ซิตี้), โรเบิร์ต กรีน (เวสต์แฮม), เดวิด สต็อคเดล (อิปสวิช)

กองหลัง : แอชลี่ย์ โคล, จอห์น เทอร์รี่ (เชลซี), แกรี่ เคฮิลล์ (โบลตัน), เลห์ตัน เบนส์, ฟิล จากีลก้า (เอฟเวอร์ตัน), คริส สมอลลิ่ง, ฟิล โจนส์ (แมนฯ ยูไนเต็ด), ไมกาห์ ริชาร์ดส์, โจลีออน เลสค็อตต์ (แมนฯ ซิตี้)

กองกลาง : สจ๊วร์ต ดาวนิ่ง (ลิเวอร์พูล) แกเร็ธ แบร์รี่, อดัม จอห์นสัน, เจมส์ มิลเนอร์ (แมนฯ ซิตี้), แฟร้งค์ แลมพาร์ด (เชลซี), ทอม เคลฟเวอร์ลี่ย์, แอชลี่ย์ ยัง (แมนฯ ยูไนเต็ด), สกอตต์ พาร์เกอร์ (เวสต์แฮม), ธีโอ วัลค็อตต์ (อาร์เซน่อล)

กองหน้า : ดาร์เรน เบนท์ (แอสตัน วิลล่า), แอนดี้ คาร์โรลล์ (ลิเวอร์พูล), เวย์น รูนี่ย์ (แมนฯ ยูไนเต็ด), เจอร์เมน เดโฟ (สเปอร์ส)

สถิติที่น่าสนใจ

 * อังกฤษ และ มอนเตเนโกร กอดคอนำเป็นจ่าฝูงกลุ่มจี โดยทิ้งห่างอันดับ 2 อยู่ถึง 6 คะแนน ทั้งนี้บัลแกเรีย ยังพอมีความหวังลุ้นตั๋วเพลย์-ออฟ แต่จะต้องเอาชนะอังกฤษ ให้ได้ในสกอร์เดียวกับที่พวกเขาเคยแพ้มาในเลกแรก 0-4 เมื่อวันที่ 3 กันยายน ปีที่แล้ว

 * เกมดังกล่าว เจอร์เมน เดโฟ กดแฮตทริกให้ "สิงโตคำราม" ส่วนอีกลูกมาจาก เวย์น รูนี่ย์
 * บัลแกเรีย ยังยิงประตูคู่แข่งในบ้านตัวเองไม่ได้ ตั้งแต่ลงเล่นในกลุ่มจี ส่วนปูมหลังก็เป็นรองอังกฤษเยอะ ชนะ 0 เสมอ 4 แพ้ 5 (ชนะ 0 เสมอ 2 แพ้ 1 ในโซเฟีย) ยิงได้แค่ 2 เสียไปถึง 13
 * ครั้งแรกที่ทั้งสองทีมพบกัน ต้องย้อนไปถึงวันที่ 7 มิถุนายน 1962 ในศึกเวิล์ด คัพ ที่ชิลี ผลจบที่ 0-0 หลังเกมนั้น อังกฤษ ผ่านเข้ารอบต่อไป ส่วนบัลแกเรีย เก็บกระเป๋ากลับบ้าน
 * ขณะที่ผลงานของ โลธ่าร์ มัทเธอุส สมัยรับใช้ทีมชาติเยอรมัน เจอกับอังกฤษ ทั้งหมด 6 ครั้ง ชนะ 2 เสมอ 1 แพ้ 3 (ชนะ 2 เสมอ 0 แพ้ 2 ในอังกฤษ) เจ้าตัวเป็นหนึ่งใน 5 คน ที่อาสายิงจุดโทษ ช่วยให้ "อินทรีเหล็ก" เฉือน "สิงโตคำราม" 4-3 หลังจากที่เสมอในเวลา 1-1 ในศึกเวิล์ด คัพ 1990 รอบรองชนะเลืศ ที่ อิตาลี่

 

---