หลังจากพักเบรกกันไป 2 สัปดาห์เต็มๆ ศึกพรีเมียร์ลีก อังกฤษ จะกลับมาฟาดแข้งกันเต็มอิ่มอีกครั้ง โดยวันเสาร์นี้มีการดวลเกือนกันถึง 7 คู่ 7 สนาม อีกทั้งบรรดาทีมใหญ่อย่าง อาร์เซน่อล, แมนฯ ซิตี้, ลิเวอร์พูล, เชลซี และแชมปเก่า แมนฯ ยูไนเต็ด นัดกันลงสนามครบไม่ขาดตกบกพร่อง มาดูกันที่คู่แรกกันก่อน "เดอะนิว กันเนอร์ส" อาร์เซน่อลโฉมใหม่ที่เพิ่งไปลงเครื่องมาสดๆร้อนๆ จะเปิดบ้านต้อนรับสมันน้อยอย่าง สวอนซี
ซึ่งนัดนี้ได้รับความสนใจจากแฟนบอลมากเป็นพิเศษ เพราะจำนวนเงินกว่า 30 ล้านปอนด์ ที่ถูกหว่านลงไปในเวลาไม่กีวันก่อนตลาดนักเตะปิดตัวลงของ อาร์แซน เวงเกอร์ จะออกดอกออกผลให้เห็นทันตาเลยหรือไม่ ซึ่งถ้าทุกอย่างเป็นไปตามสคริป 3 แต้มแรกของทีมจากลอนดอนคงไม่ใช่ปัญหา เพราะสถานการณ์หลายๆอย่างมันเป็นใจเหลือเกิน แต่ถ้าเกิดไคลแม็กซ์พลิกล็อกขึ้นมาอีก ก็ตัวใครตัวมันล่ะทีนี้
"ทอฟฟี่เมน" เอฟเวอร์ตัน ปัญหาภายในมากมาย ทั้งผลงานที่ยังไม่เข้าตา ถึงแม้ล่าสุดอาจจะยกพลไปขโมย 3 แต้มออกจากรัง "กุหลาบไฟ" แต่ต้องยอมรับว่ามีโชคช่วยอยู่ไม่น้อย (เยอะ) เพราะเจ้าบ้านดันบู่โทษ 2 ครั้งติด ก่อนกรรมการเจ้ากรรม จะมาแก้ตัวให้ทีมเยือนได้คืนบ้างในช่วงทดเจ็บ จนกลายเป็นเกมสุดพิลึกเกมหนึ่ง
มิเกล อาร์เตต้า จอมทัพคนใหม่ "เดอะ กันเนอร์ส"
นอกจากนี้สาวกเอฟเวอร์โตเนี่ยนต้องหนาวๆร้อน หลังจากทีมรักต้องเสียแข้งหลักอย่าง มิเกล อาร์เตต้า ออกไป ได้เงินมา แต่ไม่มีโอกาสใช้ เพราะดันไปขายเอาในช่วงวันสุดท้ายของตลาด ซึ่งก็ไม่รู้ว่าผู้บริหารของทีมจากเมืองลิเวอร์พูลมัวไปทำอะไรกันอยู่ เพราะฉะนั้นการรับมือกับทีมแกร่งอย่าง แอสตัน วิลล่า ที่กำลังมาแรงจึงเป็นปัญหาให้ เดวิด มอยส์ กุนซือคนเก่ง ต้องใช้สมองหนักหน่อยในช่วงนี้ แถมภาพรวมช่วง 4-5 ปีหลัง "สิงห์ผงาด"มักจะบุกมาหยิบแต้มออกจากถิ่นกูดิสัน ปาร์ค ได้บ่อยเสียด้วยสิ
ข้ามฟากมาที่แมนเชสเตอร์กันบ้าง สาวก "เรือใบสีฟ้า" ได้เริงร่ากันสุดเหวี่ยงกับผลงานที่กำลังแล่นฉิว สตาร์สพันล้านแย่งกันโชว์ออฟสนุกเท้า แถมโปรแกรมยังเป็นใจอีกด้วย เพราะ 2-3 เกมแรก ดันจับติ้วเจอแต่ทีมรองบ่อน (สเปอร์สทีมเดียวที่ชื่อชั้นดีหน่อย) วันนี้เปิดรังรับมือ "ม้ามืด" วีแกน ที่บอกม้ามืดก็เพราะว่า ก่อนซีซั่นใหม่จะระเบิดขึ้น สื่อทุกสำนักต่างฟันธงว่า "เดอะ ลาติกส์" จะได้ลงไปวาดลวดลายในเดอะ แชมเปี้ยนชิพ ฤดูกาลหน้าค่อนข้างแน่
มันชินี่ กำลังพาเรือใบไปได้สวย
ทว่าลูกทีมของ มาร์ติเนซ กลับโชว์ผลงานเข็มขัดยาว (เกินคาด) ฟาดไป 7 จาก 9 แต้มแรก และยังไม่เสียท่าให้ใคร เรียกว่าตีแสกหน้าบรรดากูรูทั้งหลายกันเลย และเกมนี้จะเป็นบททดสอบของบรรดาแข้งจอมถึกทั้งหลายว่ายกพลมาเยือนอัลอิติฮัด จะงัดไม้ไหนมาสู้ เพราะประสิทธิภาพห่างกันราวฟ้ากับเหว หากวีแกน กล้าๆมีแต้มกลับบ้าน กุนซือชาวสแปนิช น่าจะถูกยกย่องให้เป็นฮีโร่ของเมืองไปโดยปริยาย
มาถึงคิวของ "ขวัญใจมหาชนรวมพลคนโม้" ลิเวอร์พูล ซึ่งออกตัวในพรีเมียร์ลีกได้ร้อนแรงแบบเข็มขัดสั้น (คาดไม่ถึง) กว่าหลายๆรอบปีที่ผ่านมา ทำเอาสาวกแท้เทียมดี๊ด๊ากันเป็นแถบๆว่า "หงส์แดง" มีลุ้นแชมป์เต็มตัว แต่ถ้าได้ดูฟอร์มสอนบอล โบลตัน เมื่อสองสัปดสห์ก่อน ก็พอจะฝันได้อยู่ และเกมนี้จะเป็นด่านทดสอบที่แท้จริงของทีมจากเมอร์ซี่ย์ไซด์ เพราะเจ้าถิ่นอย่าง สโต๊ค น่ากลัวจริงๆ
"ช่างปั้นหม้อ" ยังมีพัฒนาการอย่างต่อเนื่องทั้งผลงานในสนาม และการจัดการภายนอก ล่าสุดไปดึง 2 แข้งระดับชาติอย่าง ปีเตอร์ เคราซ์ กับ วิลสัน พาลาซิออส เข้ามาร่วมทีมได้ ต้องซูฮกเลยว่าฝ่ายบริหารของสโต๊ค ทำงานอย่ามืออาชีพจริงๆ ซึ่งน่าสนใจมากว่า ลิเวอร์พูล จะมีปัญญาเอาชนะหรือไม่? ถ้าทำได้ ก็ได้ลุ้นกันยาวๆสำหรับเดอะ ค็อป
ความหวังสูงสุดของ เดอะ ค็อป ในเกมบุกเยือนสโต๊ค
"แมวดำ" ซันเดอร์แลนด์ ท่าดีทีเหลว เสริมทัพช่วงปรีซีซั่นอุตลุด และเกือบจะดีเมื่อประเดิมเกมลีกด้วยการบุกไปแชร์แต้มกับ "หงส์แดง" ทว่าหลังจากนั้นอาการ "ผีออก" ถามหา เริ่มจากโดนอริร่วมเมืองนิวคาสเซิ่ล บุกมาลูบคม 0-1 ก่อนจะออกไปพ่ายไบรจ์ตั้น ทีมระดับแชมเปี้ยนชิพ 0-1 ตกรอบลีก คัพ ตั้งแต่ไก่โห่ และปิดท้ายด้วยการออกไปเจ๊าสอนซีน้องใหม่อย่างจืดชืด ในเกมลีก บรู๊ซ เลยกลายเป็นแพะพร้อมกับตำแหน่งตัวเต็งอันดับต้นๆที่จะโดนปลดตามระเบียบ ยิ่งวันนี้คู่มือเป็นถึง "สิงห์โตน้ำเงินคราม" เชลซี ที่จัดการเซ็น ราอูล เมยเรเลส เข้ามาในช่วงนาทีสุดท้ายของวันที่ 31 สิงหา ไปผสมโรงกับแข้งระดับโลกที่ซื้อเข้ามาก่อนหน้าอย่าง ฆวน มาตา จอมทัพร่างเล็ก น่าหวาดเสียวแทนเจ้าบ้านไม่น้อย เพราะอย่างที่รู้ว่าซันเดอร์แลนด์ฟอร์มตก บวกกับปูมหลัง 6 ปีที่ผ่านมา "สิงบลูส์" ยกพลมาเก็บ 3 แต้มได้ตลอด!!!
ขณะที่"หมาป่า" วูล์ฟส์ คงได้บทเรียนจากฤดูกาลก่อน ที่รอดตายเอาในช่วงนาทีสุดท้าย ทำเอาเปิดซีซั่นใหม่มากลัวจะเข้าอีหรอบเดิมหรือไงไม่ทรบ จึงเริ่มเก็บแต้มตุนตั้งแต่หัววัน เพราะลงโม่แข้งมา 3 นัด โกยไปแล้ว 7 แต้ม ยังไม่แพ้ใคร ความแตกต่างที่เห้นได้ชัดกว่าขวบปีที่ผ่านมาก็คือ "เกมรับ" ซึ่งเคยเป็นจุดอ่อนถูกลบไปแล้ว ทำให้ไปรวมกับจุดแข็งเดิมก็คือเกมรุก วูล์ฟส์ จึงกลายเป็นหมาป่าที่ดุดัน และลงตังไปอย่างไม่น่าเชื่อ เหตุผลหลักน่าจะเป็นการเข้ามาอุดแนวรับของ สกอตต์ แดนน์ อดีตปราการหลังเบอร์มิงแฮม เรียกว่าเข้ามาปุ๊บก็ปรับตัวได้ปั๊บ
ทิศทางของสเปอร์ส จะเป็นอย่างไรหลังเก็บ โมดริช ไว้ได้
ส่วนคู่แข่งอย่างสเปอร์ส ก็น่าสนใจว่าจะฟื้นตัวจากอาการ "ไก่ป่วย" ได้หรือยัง หลังจากออกตัวอย่างหงอยๆ ต้นตอคงเป็นปัญหาภายใน ลูก้า โมดริช คีย์แมนชาวโครแอต เต้นเร่าๆอยากย้ายทีม ส่งผลให้ลงเล่นแบบไม่เต็มใจซะงั้น ทว่าไม่มีใครใหญ่กว่าสโมสร เพราะในที่สุด จอมทัพร่างเล็กจำต้องค้าแข้งในไวท์ ฮาร์ท เลน ต่อไป ไม่รู้ว่าเป็นข่าวดีหรือร้ายสำหรับสาวก "ไก่เดือยทอง" แต่ข่าวน่ายินดีแน่ๆก็คือ การเข้ามาของ สกอตต์ พาร์เกอร์ อย่างน้อยน่าจะช่วยเติมสปิริตให้ทีมได้เยอะแน่นอน อย่างไรก็ตามเชื่อว่าการบุกเยือนรังหมาป่าหนนี้จะเป็นงานหนักกว่าทุกครั้งที่ผ่านๆมาอย่างไม่ต้องสงสัย
ปิดท้ายกันที่สนามรีบอค สเตเดี้ยม โบลตัน จะเปิดบ้านรับมือกับ "ปิศาจแดง" แมนฯ ยูไนเต็ด จ่าฝูงและเต็งแชมป์ "เดอะ ทร็อตเตอร์ส" เริ่มต้นได้อย่างยอดเยี่ยม บุกไปถล่มควีนส์ปาร์คฯ 4-0 แต่ผลงานแผ่วลงมาเรื่อยๆ เปิดบ้านแพ้แมนฯ ซิตี้ ตามด้วยบุกไปโดน "หงส์แดง" สอนเชิง จะว่าไปก็น่าเห็นใจ เพราะเจอโปนแกรมโหดตั้งแต่ออกสตาร์ทวันนี้มีคิวหนักอีกเหมือนเดิม เพราะนอกจากชื่อชั้นจะเป็นรองเยอะแล้ว สถิติยังโดนข่มอยู่เยอะเลย (13 เกมหลังชนะแค่ครั้งเดียว) แมนฯ ยูไนเต็ด ทีมลงตัวดีแล้ว ไม่มีแข้งดังเข้ามาเสริมในช่วงนาทีสุดท้ายของตลาดอย่างที่หลายๆคนคาดไว้ เกมนี้น่าสนใจทีเดียวเพราะ ซิตี้ จะลงสนามก่อน และมีแนวโน้มจะชนะ ถ้าผีสะดุดก็เป็นเรื่องแน่
เซอร์ อเล็กซ์ จะนำอสูรแดงบุกรังโบลตัน