กลุ่มนี้เซอร์ไพรส์แฟนบอลพอสมควร เพราะเปิดฉากมา 2 เกม ทีมเต็งอย่าง แมนฯ ยูไนเต็ด ยังสะกดชัยชนะไม่เจอแม้แต่เกมเดียว โดยมีเพียง 2 แต้ม เท่านั้น รั้งอันดับ 3 กลุ่มซี เท่านั้น นัดนี้ ยูไนเต็ด ไม่มีทางเลือก ต้องเก็บ 3 คะแนนเท่านั้น เพื่อหนทางทะลุสู่รอบต่อไป
* ครั้งสุดท้ายที่ ยูไนเต็ด สะดุดไม่ชนะคู่แข่ง 2 เกมแรก ของรอบแบ่งกลุ่ม ต้องย้อนไปเมื่อฤดูกาล 1998/99 ทว่าสุดท้าย "ปิศาจแดง" คว้าแชมป์มาครองได้ในบั้นปลาย ทั้งนี้ฤดูกาลล่าสุดแทบจะลอกมาจากปี 99 เพราะเกมที่ 2 ปีดังกล่าวพวกเขาเจ๊า บาร์ซ่า 3-3 เช่นเดียวกับซีซั่นนี้้เสมอเดือด บาเซิ่ล ในสกอร์เดียวกัน
* ขณะที่ โอเตลุล ประสบการณ์ต่างกับคู่แข่งราวฟ้ากับดิน ซึ่งทัวร์นาเมนต์นี้เป็นครั้งแรกสำหรับทีมจากโรมาเนีย ที่หลุดเข้ามาร่วมวงชปล.เป็นครั้งแรก ซึ่งเวลานี้กาลาติ กำลังลุ้นเก็บแต้มแรก หลังจากออกตัวมา 2 นัด แพ้รวด (แพ้ บาเซิ่ล 1-2 , แพ้ เบนฟิก้า 0-1)
ต้อง 3 คะแนนเท่านั้นสำหรับ "ปิศาจแดง"
ปูมหลังที่น่าสนใจ
* ภายหลังที่ เสียถึง 4 ประตูจาก 2 นัดแรก ยูไนเต็ด มีผลงานป้องกันประตูที่แย่ลงจากซีซั่นก่อนอย่างชัดเจน เพราะเด็กผีไม่เสียประตูเกมเยือนแม้แต่ลูกเดียวรวมแล้วถึง 540 นาที จนถึงรอบชิงชนะเลิศ ก่อนจะมาพ่ายบาร์ซ่า 1-3 ได้รองแชมป์
* ส่วน กาลาติ พวกเขาจะลงสนามเจอกับทีมจากอังกฤษเป็นครั้งแรก ขณะที่ แมนฯ ยูไนเต็ด ผ่านทีมจากโรมาเนีย มาครั้งหนึ่ง ด้วยการเอาชนะ ดินาโม บูคาเรสต์ ในศึกชปล. รอบคัดเลือกรอบ 3 เมื่อปี 2004-05
* ไรอัน กิ๊กส์ เป็นฮีโร่ให้ยูไนเต็ด ด้วยการยิงประตูชัยดับ ดินาโม บูคารเสต์ 2-1 ในเลกแรกรอบคัดเลือกแชมเปี้ยนส์ ลีก รอบ 3 วันที่ 11 สิงหาคม 2004 ที่โรมาเนีย ต่อมาในโอลด์ แทร็ฟฟอร์ด ในเลก 2 "เร้ด อาร์มี่" ย้ำแค้นชนะไปได้อีก 3-1 อลัน สมิธ 2 ลูก และ ดาวิด แบลิยง อีกหนึ่งลูก