* หากเชลซี ชนะ พวกเขาจะผ่านเข้ารอบต่อไปทันที และจะเป็นครั้งที่ 9 ติดต่อกัน
* ครั้งที่แล้ว เชลซี เป็นฝ่ายเก็บชัยเอาไว้ได้ ด้วยการเปิดเดอะ บริดจ์ ต้อนไปสบาย 2-0 ดาวิด ลุยซ์ กับ ฆวน มาตา ช่วยกันซัดคนละลูก
* เลเวอร์คูเซ่น สะกดชัยเจอครั้งแรกในรอบนี้ในนัดเปิดบ้านเชือดเกนท์ 2-0 ตามด้วยปราบ บาเลนเซีย 2-1 ในบ้าน ก่อนที่จะออกไปพ่าย 1-3 ที่สเปนก็ตาม
* ขณะที่เชลซี เสมอ บาเลนเซีย 1-1 ในแม็ตช์ที่ 2 ก่อนจะกลับมาเปิดบ้านถล่ม เกนต์ 5-0 ทว่าทำได้แค่เจ๊า 1-1 ในทริปบุกเยือน เบลเยียม
Previous meetings
* ครั้งสุดท้ายที่ เลเวอร์คูเซ่น เจอกับทีมจากอังกฤษในบ้าน คือเกมเฉือน แบล็คเบิร์น 3-2 ศึกยูฟ่า คัพ รอบ 32 ทีม ฤดูกาล 2006/2007 หยุดสถิติ แพ้ทีมจากพรีเมียร์ลีก อยู่ที่ 4 เกมติดต่อกัน
* 16 ครั้งที่หางยา พบกับทีมจากอังกฤษ ปรากฏว่าฉวยโอกาสเก็บชัยไปได้แค่ 2 แพ้ไป 10 ส่วนสถิติในบ้านอยู่ที่ ชนะ 2 เสมอ 2 แพ้ 4 ส่วนเชลซี มีผลงานที่หน้าพอใจในการรับมือกับ ทีมจากบุนเดสลีก้า เพราะจาก 12 ครั้งที่ผ่านมา พวกเขาแพ้แค่ 3 เท่านั้น
* ครั้งสุดท้ายที่ เชลซี ยกพลไปเยือนเยอรมัน คือเกมบุกไปชนะสตุ๊ตการ์ต 1-0 ในศึกชปล. รอบ 16 ทีมสุดท้าย ฤดูกาล 2003/2004
* พวกเขา พ่าย บาเยิร์น 2-3 ในรอบ 8 ทีมสุดท้าย ชปล. 2004-2005 แต่สกอร์วมเป็นเชลซี ที่ผ่านเข้ารอบ เพราะชนะมาก่อนในบ้าน 4-2
Match background
* เชลซี ครองสถิติยอดเยี่ยมในเกมเปิดตัวรอบแบ่งกลุ่ม เพราะสามารถเก็บชัยชนะประเดิมรอบนี้ได้ถึง 7 จาก 9 ครั้งที่ผ่านมา โดยหนล่าสุดเกิดขึ้นเมื่อฤดูกาลก่อนที่แข้งลอนดอนเนอร์สไล่ถล่ม เอ็มเอสเค ซิลิน่า 4-1 ซึ่งท้ายที่สุด คาร์โล อันเชล็อตติ พาทีมเข้าป้ายเป็นแชมป์กลุ่มด้วยการเก็บ 9 คะแนนเต็มในบ้านและมีแต้มเหนือทีมอันดับ 2 โอลิมปิก มาร์กเซย 3 คะแนน
* ครั้งสุดท้ายที่ เลเวอร์คูเซ่น ตีตั๋วเข้ามาโชว์ฝีเท้าในรอบแบ่งกลุ่มรายการนี้ต้องนับย้อนไปถึง 7 ปี ซึ่งในฤดูกาลดังกล่าวขุนพล "ห้างขายยา" ประกาศศักดาหักปากกาเซียนด้วยการคว้าแชมป์กลุ่มเหนือ เรอัล มาดริดและ โรม่า โดยเก็บไปถึง 11 แต้ม แต่สุดท้ายตัวแทนจากเมืองเบียร์ก็ต้องหยุดความสำเร็จไว้ที่รอบ 16 ทีมสุดท้าย เพราะแพ้ ลิเวอร์พูล แบบหมดทางสู้ ด้วยสกอร์รวม 2-6