ได้เวลาอีกครั้งสำหรับบรรดาแข้งแอฟริกัน ซึ่งต้องนัดกันอพยพออกจากศึกพรีเมียร์ลีกชั่วคราว เพื่อแยกย้ายกันไปรับใช้ชาติ ในการลงทำศึกแอฟริกัน เนชั่น คัพ ถึงแม้ว่ารายการดังกล่าวจะเป็นระยะเวลาไม่นานนัก แต่ก็มีไม่ผลกระทบพอสมควร โดยเฉพาะอันดับในตารางคะแนนซึ่งช่วงนี้เป็นหัวเลี้ยวหัวต่อในการทำอันดับทีเดียว เรามาดูกันดีกว่าว่าสโมสรไหนเจองานเข้ากันบ้าง?
จ่าฝูง แมนฯ ซิตี้ แน่นอนว่าจะต้องเสียพี่น้องตูเร่ (ยาย่า กับ โคโล่) ไปให้กับไอวอรี่ โคสต์ ในรายของ โคโล่ ยังไม่เจ็บเท่าไร เพราะ "เรือใบสีฟ้า" เคยชินไปแล้ว หลังจากเจ้าตัวเคยติดโทษแบนจากสมาคมฟุตบอลนานกว่า 6 เดือนฐานไม่ผ่านตรวจโด๊ป ทว่าในรายของ ยาย่า คนน้อง นี่ต้องเรียกว่า "งานเข้า" เพราะแข้งร่างโย่งแสดงให้เห็นว่าเป็นหัวใจในแดนกลางสนามมาตลอดตั้งแต่ต้นซีซั่น ซึ่งไม่ใช่เรื่องง่ายเลยกับการหาคนมาทดแทน ใครล่ะ แบร์รี่ ช่วงหลังตกไปเยอะ, เด ยองก์ หรอ? ดีแต่ทำฟาล์วคู่แข่ง นาสรี่ ล่ะ? เก่งแต่อย่างไม่ครบเครื่อง และอย่าบอกนะว่า ฮากรีฟส์!!
สองพี่น้องตูเร่กอดคอกันไปสู้ศึกแอฟริกัน
ทั้งนี้ทั้งนั้น การหายไปของสองพี่น้อง ตูเร่ ส่งผลไม่มากก็น้อย เมื่อเทียบเทียบกับ อริร่วมเมืองและคู่แข่งแย่งแชมป์อย่าง ยูไนเต็ด ซึ่งไม่มีนักเตะแอฟริกัน แม้แต่รายเดียว เช่นเดียวกับ สเปอร์ส ที่ถอนหายใจได้เฮือกใหญ่ เพราะจะไม่เสียทั้ง เอ็มมานูเอล อเดบายอร์ ซึ่งประกาศเลิกเล่นทีมชาติโตโก และ อัสซู เอก็อตโต้ แบ็กแคเมอรูน ที่ตกรอบคัดเลือก
ขณะที่สองทีมจากลอนดอนอย่าง อาร์เซน่อล และ เชลซี เจองานเข้าเต็มๆ โดยเฉพาะ ดิดิเย่ร์ ดร็อกบา ที่กำลังกลับมาเล่นได้อย่างแข็งแกร่งอีกครั้งกับ เชลซี การเสีย "พี่ถึก" กระทบต่อการจบสกอร์แน่นอน เพราะดาวยิงที่เหลืออยู่อย่าง เฟร์นานโด ตอร์เรส มีสภาพไม่ต่างจาก "ไม้ตีพริก" เช่นเดียวกับคู่แข่งอย่าง "เดอะ กันเนอร์ส" ต้องเสียหอกไปสองด้ามทั้ง แชร์วินโญ่ (ไอวอรี่ โคสต์) ซึ่งเป็นกำลังหลังประสานงานกับ ฟาน เพอร์ซี่ย์ ได้อย่างเข้าขา และ มารูยาน ชามัคห์ (โมร็อคโก) อะไล่สำรองชั้นดี
แชร์วินโญ่ต้องหายหน้าไปพักหนึ่ง
สำหรับทีมขวัญใจมวลชน "หงส์แดง" ลิเวอร์พูล โชคดีหน่อย ที่ไม่เจอพิษแอฟริกัน เนชั่น คัพ เข้าทำร้าย เพราะช่วงซัมเมอร์ที่ผ่านมา เคนนี่ ดัลกลิช นิยมนำเข้าแข้งท้องถิ่นซะเป็นส่วนใหญ่ จึงเป็นนาทีทองของทีมจากเมอร์ซี่ย์ไซด์ในการกวาดแต้มให้มากที่สุด เพื่อทำอันดับไปชปล. ขณะที่คู่แข่งหลายๆทีมในระดับเดียวกันอยู่ในสภาพไม่เต็มร้อย
ที่เป็นกังวลมากที่สุดคงหนีไม่พ้น นิวคาสเซิ่ล กับโอกาสในการลุ้นพื้นที่ยุโรป ดูยากขึ้นมาทันตา เพราะเสียใครไม่เสีย ดันเป็น 2 หัวใจในแดนกลางและหน้าทั้ง ชีค ติโอเต้ (ไอวอรี่ โคสต์) และ เด็มบา บา (เซเนกัล) ตามลำดับ
"สาลิกา"งานเข้าเมื่อเสียท้้ง ติโอเต้ กับ บา ในเวลาเดียวกัน
โดยเฉพาะการหายไปของ บา ต้องฝากความหวังไว้กับ ลีออน เบสต์ และ โชล่า อเมโอบี้ ซึ่งแน่นอนว่าปิดช่องโหว่ของดาวยิงเซเนกัลไม่มิดแน่ นอกนั้น บา ยังมีดีกรี 15 ลูกในพรีเมียร์ลีก มากกว่าครึ่งของจำนวนประตูทั้งหมดที่ "เดอะ แม็กพายส์" ทำได้เสียอีก ส่วนบรรดาทีมกลางตารางซึ่งเมื่อเทียบกับนิวคาสเซิ่ลแล้ว เรียกว่าถือไพ่เหนือกว่า อย่างสโต๊ค ไม่ต่างจาก ยูไนเต็ด และ ลิเวอร์พูล คือไม่มีแข้งแอฟริกันอยู่ในทีม
เช่นเดียวกับ ซันเดอร์แลนด์ ที่ฟอร์มไฉไลขึ้นมามาก ก็จะไม่เจอหางเลขกับรายการนี้ เพราะสเตฟาน เซสเซยอง แข้งกาฬทวีปหนึ่งเดียวไม่ต้องไปเหนื่อยข้ามน้ำข้ามทะเล เนื่องจากเบนิน ชาติบ้านเกิดไม่ผ่านการตัดตัว ที่เหลืออย่าง เอฟเวอร์ตัน, แอสตัน วิลล่า และ ฟูแล่ม ไม่เจอเรื่องหนักใจตรงนี้เช่นกัน เพราะฉะนั้นความกดดันจึงโถมเข้าใส่ อลัน พาร์ดิว นายใหญ่ "สาลิกา" อย่างไม่ต้องสงสัยกับความหวังในการลุ้นอันดับยุโรปที่ดูหนักหนาทีเดียว
ส่วนกลุ่มหนีตกชั้น ควีนส์ปาร์ค เรนเจอร์ส ฟอร์มทรุดลงมาเรื่อยๆ ล่าสุดเพิ่งปลด นีล วอร์น็อค เฮดโค้ชจอมวีน ทั้งนี้ "เดอะ ฮู๊บส์" ต้องจำใจเสีย สองแข้งแกนหลัก อาร์กม็อง ตราโอเร่ (เซเนกัล) และ อเดล ตารับท์ (โมร็อคโก) จอมทัพประเภทมันสมอง ขณะที่ วีแกน จะเสีย โมฮาเหม็ด ดิยาเม่ (เซเนกัล) มิดฟิลด์ตัวกลางซึ่งถือเป็นเสาหลักของทีม
ตารับท์ จอมทัพ "คิวพีอาร์"
อย่างไรก็ตามจากการที่ "เดอะ ลาติกส์" พ่ายมา 2 นัดรวดให้กับ ซันเดอร์แลนด์ และ สวินดอน บางทีการไม่มี ดิยาเม่ อาจเป็นแรงกระตุ้นชั้นดีให้พวกที่เหลือเค้นฟอร์มเก่งออกมาก็ได้ ปิดท้ายกันที่ แบล็คเบิร์น, โบลตัน และ วูล์ฟส์ ทั้งสามไม่เจอผลกระทบ ทีมแรกโชคดีที่ชาติบ้านเกิดของ คริส แซมบา (คองโก) กับ ยาคูบู (ไนจีเรีย) ชิงตกรอบคัดเลือกไปก่อน ส่วนสองทีมหลังไม่มีนักเตะสัญชาติแอฟริกันอยู่ในทีม