นาโปลี เคยมีส่วนในการเขี่ย แมนฯ ซิตี้ ทีมจากอังกฤษ ตกรอบแบ่งกลุ่มรายการนี้มาแล้วในฤดูกาลปัจจุบัน ก่อนที่จะโคจรมาเจอกับ เชลซี อีกหนึ่งยักษ์ใหญ่แห่งเกาะอังกฤษ ในรอบ 16 ทีมสุดท้าย โดยเลกแรกจะโม่แข้งกันที่เนเปิ้ลส์ ก่อนจะไปดวลเกือกเลกสองที่ลอนดอน
ปูมหลังที่น่าสนใจ
* นี่เป็นครั้งที่สาม สำหรับนาโปลีที่จะพบกับทีมจากเกาะอังกฤษ ครั้งแรกพวกเขาเจ๊า ลิเวอร์พูล 0-0 ในศึกยูโรป้า ลีก รอบแบ่งกลุ่ม ซีซั่น 2010/11 ส่วนเกมถัดมา คู่ต่อสู้ก็คือ "เรือใบสีฟ้า" ซึ่งเจอกันเมื่อวันที่ 22 พฤศจิกายน ปีที่แล้ว เอดิสัน คาวานี่ รับบทฮีโร่เหมา 2 ประตู ให้ตัวแทนจากอิตาลี เข้าวิน 2-1 พร้อมกับดับความหวังลูกทีมของมันชินี่ในการผ่านเข้ารอบไปในตัว
* อย่างไรก็ตาม นัดเจ๊า บาเยิร์น 1-1 ในเนเปิ้ลส์ ซึ่งประตูขึ้นนำจาก โทนี่ โครส จอมทัพเสือใต้ เป็นการหยุดสถิติไม่เสียประตูในบ้านรายการยุโรปของนาโปลีที่ 573 นาที
* ขณะที่ เชลซี ผ่านเข้ารอบน็อกเอาต์ เป็นครั้งที่ 9 ติดต่อกัน อย่างไรก็ตาม "สิงห์บลูส์" บุกมาเก็บชัยที่ดินแดนรองเท้าบูธ ได้เพียงครั้งเดียวตลอด 7 นัดหลัง คือนัดยกพลถล่ม ลาซิโอ 4-0 เมื่อฤดูกาล 2003/04 รอบแบ่งกลุ่มรายการนี้ ส่วน 6 เกมที่เหลือ แบ่งเป็นแพ้กับเสมออย่างละครึ่ง
* ครั้งล่าสุด ทีมจากลอนดอน บุกมาพ่าย อินเตอร์ฯ 1-2 เมื่อ 2 ปีก่อนในรอบนี้ ซึ่งครั้งนั้น มูรินโญ่ อดีตเฮดโค้ชเชลซี กุมบังเหียน "งูใหญ่"
* อย่างไรก็ดี เชลซี มีเรื่องดีๆให้น่าจดจำอยู่บ้างในการเจอกับทีมจากแดนมะกะโรนี พวกเขาเคยปราย ยูเวนตุส ด้วยประตูรวม 3-2 ในรอบ 16 ทีมชปล. เมื่อซีซั่น 2008/09 ถ้าย้อนไปไกลกว่านั้น "สิงห์บลูส์" เฉือน วิเซนซ่า 3-2 รอบรองคัพ วินเนอร์ส คัพ 1997/98 ด้วยสกอร์เดียวกัน
* ส่วนผลงานของ เชลซี เมื่อปีก่อน พวกเขาปราบ โคเปนฮาเก้น ด้วยสกอร์รวม 2-0 ในรอบนี้ ก่อนที่จะจบอยู่รอบ 8 ทีมด้วยน้ำมือของอริร่วมลีก แมนฯ ยูไนเต็ด (แพ้ในบ้าน 0-1 และบุกไปพ่าย 1-2 ที่โอลด์ แทร็ฟฟอร์ด)
* รองแชมป์พรีเมียร์ลีก จบด้วยการเป็นแชมป์กลุ่ม ทว่าเก็บชัยเกมเยือนไม่ได้เลย ทั้งเจ๊า 2 นัดกับ บาเลนเซีย และ เกนท์ ตามด้วยบุกไปพ่าย เลเวอร์คูเซ่น ที่ไบ อารีน่า