


ฟุตบอล ชิงแชมป์แห่งชาติยุโรป 2012
ฟุตบอล ชิงแชมป์แห่งชาติยุโรป 2012 รอบรองชนะเลิศ
ทีมชาติเยอรมัน -vs- ทีมชาติอิตาลี ... (01.45 น.)
สนาม : นาโรโดวี่, วอร์ซอว์
ราคาบอล : เยอรมัน ต่อ ครึ่งลูกลบสิบ
ผลการพบกันของสองทีม
10/02/11 เยอรมัน เสมอ อิตาลี 1 - 1
05/07/06 เยอรมัน แพ้ อิตาลี 0 - 2
01/03/06 อิตาลี ชนะ เยอรมัน 4 - 1
20/08/03 เยอรมัน แพ้ อิตาลี 0 - 1
20/06/96 อิตาลี เสมอ เยอรมัน 0 - 0
21/06/95 เยอรมัน ชนะ อิตาลี 2 - 0
23/03/94 เยอรมัน ชนะ อิตาลี 2 - 1
25/03/92 อิตาลี ชนะ เยอรมัน 1 - 0
05/05/40 อิตาลี ชนะ เยอรมัน 3 - 2
26/11/39 เยอรมัน ชนะ อิตาลี 5 - 2
ฟอร์ม 5 นัดล่าสุด : ทีมชาติเยอรมัน
23/06/12 ชนะ กรีซ 4-2 (กลาง) ยูโร 2012 / ต่อ 1.5 ... บวก
18/06/12 ชนะ เดนมาร์ก 2-1 (กลาง) ยูโร 2012 / ต่อ 0.75 ... ได้ครึ่ง
14/06/12 ชนะ ฮอลแลนด์ 2-1 (กลาง) ยูโร 2012 / เสมอ ... ได้
10/06/12 ชนะ โปรตุเกส 1-0 (กลาง) ยูโร 2012 / ต่อ 0.5 ... ได้
01/06/12 ชนะ อิสราเอล 2-0 (เหย้า) อุ่นเครื่อง / ต่อ 2.5 ... เสีย
ฟอร์ม 5 นัดหลังสุดในรายการนี้ของ ทีมชาติเยอรมัน
23/06/12 ชนะ กรีซ 4-2
18/06/12 ชนะ เดนมาร์ก 2-1
14/06/12 ชนะ ฮอลแลนด์ 2-1
10/06/12 ชนะ โปรตุเกส 1-0
12/06/08 แพ้ โครเอเชีย 1-2
ฟอร์ม 5 นัดล่าสุด : ทีมชาติอิตาลี
25/06/12 เสมอ อังกฤษ 0-0 (กลาง) ยูโร 2012 / เสมอ ... เจ๊า
19/06/12 ชนะ ไอร์แลนด์ 2-0 กลาง / ต่อ 1.5 ... บวก
19/06/12 เสมอ โครเอเชีย 1-1 กลาง / ต่อ 0.25 ... เสียครึ่ง
10/06/12 เสมอ สเปน 1-1 กลาง / รอง 0.5 ... บวก
02/06/12 แพ้ รัสเซีย 0-3 กลาง กระชับมิตร / ต่อ 0.25 ... เสีย
ฟอร์ม 5 นัดหลังสุดในรายการนี้ของ ทีมชาติอิตาลี
25/06/12 เสมอ อังกฤษ 0-0
19/06/12 ชนะ ไอร์แลนด์ 2-0
19/06/12 เสมอ โครเอเชีย 1-1
10/06/12 เสมอ สเปน 1-1
23/06/08 เสมอ สเปน 0-0 (อิตาลีแพ้จุดโทษ)
ความพร้อมก่อนการแข่งขัน
ข่าวดีปราการแรกของ เยอรมัน ก่อนลงหวดเกมรอบตัดเชือกกับ อิตาลี ก็คือ การคัมแบ็กด้วยความฟิตเต็มร้อยของมิดฟิลด์จอมทัพ บาสเตียน ชไวน์สไตเกอร์ โดยแมตช์นี้ตัวบงการเกมจาก บาเยิร์น จะลงคุมสมดุลย์รุก-รับกับ ซามี เคดิร่า ผู้เล่นทรงคุณค่าเจ้าของตำแหน่ง "แมน อ๊อฟ เดอะ แมตช์" ในรอบก่อนกับ กรีซ
ส่วนตัวรุกกราบขวามีแนวโน้มว่าเจ้าของตำแหน่งเดิมอย่าง โธมัส มุลเลอร์ จะต้องชมเกมจากข้างสนามก่อน เนื่องจากตัวสำรองอย่าง มาร์โก รอยส์ ดันโชว์ฟอร์มประเดิมศึกยูโรได้อย่างโดดเด่นและได้รับเครดิตจากสื่อดัง "คิกเกอร์ส" ว่าผลงานบนสนามในรอบ 8 ทีมสุดท้ายเป็นรอง เคดิร่า เพียงรายเดียวเท่านั้น
ทางด้าน อิลคาย กุนโดแกน มิดฟิลด์ค่าย ดอร์ทมุนด์ โชคร้ายกระดูกข้อเท้าเคลื่อนระหว่างฝึกซ้อมทั้ง ๆ ที่ยังไม่ได้ลงสัมผัสบรรยากาศการแข่งขันของทัวร์นาเมนต์นี้เลยและส่อแววว่าจะไม่มีเอี่ยวกับนัดนี้ ขณะที่แผงรับของ เยอรมัน ยังเป็นเซตเดิม เช่นเดียวกับแดนหน้าที่บุนเดสเทรนเนอร์ต้องการประสบการณ์ของ โคลเซ่ เหนือความสดของ มาริโอ โกเมซ
เชซาเร่ ปรันเดลลี่ เทรนเนอร์ทีมชาติอิตาลีประกาศชัดเจนว่าจะเล่นในเกมของตัวเอง ซึ่งนั่นหมายความว่างานนี้แฟนบอลอาจได้เห็นแข้งอัซซูร์รี่เปิดเกมรุกแลกกับ เยอรมัน คู่แข่งที่ อิตาลี ยังไม่เคยเพลี่ยงพล้ำตลอดการประจัญหน้ากัน 5 ครั้งล่าสุดในช่วงเวลาเกือบ 20 ปีที่ผ่านมา แถมสถิติน่าสนใจคือบนเส้นทางสายยูโร 18 นัดท้ายตั้งแต่ปี 1996 เป็นต้นมามีเพียง ฮอลแลนด์ ทีมเดียวที่สามารถปราบทีมจากแดนมะกะโรนีลงได้ในเวลา 90 นาที
ด้านความพร้อมเกมนี้ ปรันเดลลี่ ได้ จอร์โจ้ คิเอลลินี่ สลัดคราบเดี้ยงบริเวณเอ็นหลังหัวเข่าและพร้อมกลับมาเป็นตัวจริงอีกครั้ง แต่กองหลังพันธ์ดุอาจต้องถ่างออกไปยืนแบ็กซ้ายแทน บัลซาเรตติ เนื่องจากบอสใหญ่ไม่อยากเปลี่ยนคู่เซนเตอร์ฮาล์ฟที่ไม่เสียประตูในนัดพบ อังกฤษ ทำให้คู่ปราการหลังตัวกลางน่าจะเป็น เลโอนาร์โด้ โบนุชชี่กับ อันเดรีย บาร์ซาญี่
ส่วนสองตัวจักรสำคัญในเชิงรับทั้งแบ็กขวา อิ๊กนาชิโอ อบาเต้และตัวตัดเกม ดานิเอเล่ เด รอสซี่ บาดเจ็บกล้ามเนื้อมาจากเกมมาราธอนกับ "สิงโตคำราม" ทว่าล่าสุดเริ่มฟื้นตัวและคาดว่าจะควงแขนกันลงสนามได้ตามปกติ ขณะที่ ธิอาโก้ ม็อตต้า ก็หายเจ็บต้นขาแล้วเช่นกัน แต่แข้งเก๋าจาก เปแอสเช อาจยังไม่มีพื้นที่ให้สอดแทรกเป็น 11 คนแรก เพราะ ริคคาร์โด้ มอนโตลิโว่ ดูมีภาษีดีกว่า โดย คริสเตียน มาจโจ้ เป็นรายเดียวที่หมดสิทธิ์บู๊ให้ทีมเนื่องจากโดนแบน
รายชื่อนักเตะที่คาดว่าจะลงสนาม
ทีมชาติเยอรมัน (4-2-3-1) : มานูเอล นอยเออร์ - เจอโรม บัวเต็ง, มัทส์ ฮุมเมิลส์, โฮลเกอร์ บาดสตูเบอร์, ฟิลิปป์ ลาห์ม - บาสเตียน ชไวน์สไตเกอร์, ซามี เคดิรา - มาร์โก รอยส์ (โธมัส มุลเลอร์), เมซุต โอซิล, ลูคัส โพดอลสกี้ - มิโรสลาฟ โคลเซ่ (มาริโอ โกเมซ)
ทีมชาติอิตาลี (4-3-1-2) : จานลุยจิ บุฟฟ่อน - อิ๊กนาซิโอ้ อบาเต้, เลโอนาร์โด้ โบนุชชี่, อันเดรีย บาร์ซาญี่, จอร์โจ้ คิเอลลินี่ - เคลาดิโอ มาร์คิซิโอ, อันเดรีย ปีร์โล่, ดานิเอเล่ เด รอสซี่ - ริคคาร์โด้ มอนโตลิโว่ - มาริโอ บาโลเตลลี่, อันโตนิโอ คาสซาโน่
ซอคเกอรูส์ ชี้ช่องรวย
เห็นประวัติคู่นี้แล้วแอบเสียวสันหลังแทน "ท่านต่อ" กับราคาที่หยิบยกให้ เยอรมัน ข่มฝั่ง "อัซซูรี่" แรงถึง "ครึ่งลูก" เพราะดวลกันมา 5 หนในช่วงเกือบ 2 ทศวรรษที่ผ่านมาปรากฏว่าขุนพล "อินทรีเหล็ก" ยังไม่เคยลิ้มรสของชัยชนะเลยแม้แต่ครั้งเดียว ขณะที่ อิตาลี ปูมาตรฐานในรายการนี้มาดีมาก เนื่องจากไล่เรียงดูแล้ว 18 เกมหลังสุดในศึกยูโร ปรากฏว่านักเตะแดนมะกะโรนีเพิ่งพลาดท่าให้ ฮอลแลนด์ แค่ทีมเดียวหากนับเฉพาะเวลาปกติ 90 นาที
ที่สำคัญในครั้งนี้ทีมของ ปรันเดลลี่ ลบภาพบอลเชิงรับและกล้าเปิดเกมรุกดวลคู่แข่งแบบได้-เสีย ซึ่งในรอบก่อนขนาด อังกฤษ ยังถูกพับสนามใส่จนแทบโงหัวไม่ขึ้น ดูทรงแล้วนาทีนี้ถึง อิตาลี จะฟอร์มไม่หวือหวาเท่า เยอรมัน ที่กวาดชัยมาร้อยเปอร์เซนต์ แต่ก็น่าจะต่อกรได้ไม่ห่าง เพราะแม้เกมรุกของ "อินทรีเหล็ก" จะปั้นเกมดี ทว่ายังใช้โอกาสเปลืองอยู่ ที่สำคัญแนวรับสมาธิไม่ดี ขนาดนัดก่อน กรีซ ใช้ตัวบุก 2-3 ตัวก็ยังได้ประตูปลอบใจไปถึง 2 ลูก ซึ่งหาก เลิฟ ยังแก้ปัญหาตรงจุดนี้ไม่ได้ งานนี้มองว่า อัซซูรี่ จะยื้อผลเสมอในเวลาปกติได้เป็นอย่างน้อย
เดิมพันน่าสนใจ : "รอง อิตาลี ครึ่งลูก"
ระดับความมั่นใจ : "8/10"
ผลบอลที่คาด : เยอรมัน 1-1 อิตาลี
ปัญหาหลักของ อิตาลี ก็คือสภาพร่างกายซึ่งค่อนข้างล้า หลังจากบดหนักกับอังกฤษจนถึงฏีกา แถมนักเตะชุดนี้อายุเฉลี่ยค่อนข้างเยอะ จึงน่าห่วงว่าหากเจอลูกหนักสไตล์ "อินทรีเหล็ก" อาจทำให้กองทัพ "อัซซูรี่" มียุบในช่วงท้าย นอกจากนี้กำลังหลักบางรายยังเจออาการบาดเจ็บเล่นงาน ดังนั้นพูดง่ายๆว่าความพร้อม เยอรมัน เป็นต่ออย่างชัดเจน จะมีอย่างเดียว ที่ อิตาลี พอจะข่มขวัญคู่แข่งก็คือ "สถิติ" เพราะทัพจากเมืองเบียร์ไม่เคยเอาชนะทีมจากแดนมะกะโรนีได้เลยในรายการระดับเมเจอร์ แต่ต้องยอมรับว่าชั่วโมงนี้ เยอรมัน อยู่ในช่วงพีค ความมั่นใจสูงลิบ และเป็นหนึ่งในไม่กี่ครั้ง ซึ่งพวกเขาถูกยกให้เป็นต่อคู่ต่อสู้ห่างขนาดนี้ ต่างกับเมื่อก่อนที่ดวลเกือกกันเมื่อไหร่ ขุนพล "รองเท้าบู๊ต" มักได้รับเครดิตเหนือกว่า เพราะฉะนั้นหักลบกันแล้ว โมเมนตั้ม จึงเป็นอดีตแชมป์ปี 1996 ซึ่งน่าถือหางกว่า จึงน่าจะอาศัยความมั่นใจ และแนวรุกอันดุดันบวกความสด บดเอาชนะอริตัวฉกาจเข้าวินไปได้ใน 90 นาที
ผลบอลที่คาด : เยอรมัน ล้างอาถรรพ์ 1-0
-------------------------------------------------------------
อิตาลี แสดงให้เห็นถึงความนิ่งในเกมที่เอาชนะจุดโทษอังกฤษ แทบจะตลอดทั้งเกมที่ทีมของ เซซาเร่ ปรันเดลลี่ เป็นฝ่ายบุกเข้าใส่โดยยิงเข้ากรอบถึง 20 ครั้ง ผิดกับทางฝั่ง อังกฤษ ที่แทบจะหาจังหวะทำประตูไม่ได้ ดูๆแล้ว "อัซซูรี่" ชุดนี้ครบเครื่องเรื่องต้มยำยิ่งกว่าสมัยก่อนที่มักจะเน้นอุดเป็นหลัก การเข้าทำมีความหลากหลาย โดยเฉพาะหัวหอกเกรียนบรรลือโลกอย่าง มาริโอ บาโลเตลลี่ ถือเป็นนักเตะที่จับทางยาก ไม่มีใครรู้ว่าภายใจจิตใจอันงดงามของ "โอ้" กำลังคิดอะไรอยู่ ขณะเดียวกันแผงหลังอินทรีเหล็กไม่ได้แข็งแกร่งอย่างที่คิด แม้จะชนะรวดมาก็จริง แต่มีแค่เกมแรกเกมเดียวที่ไม่เสียประตู หากเล่นทื่อๆมีสิทธิเสียท่าให้ อิตาลี ได้เช่นกัน ดูทรงแล้ว มีเปอร์เซ็นต์สูงที่เกมจะยื้อไปจนถึงช่วงต่อเวลาพิเศษ...
เสมอ 1-1
-------------------------------------------------------------
ทีมของ เซซาเร่ ปรันเดลลี่ มีวงจรชีวิตที่ค่อนข้างดีในศึกชิงแชมป์แห่งชาติยุโรป ภายหลังทีมยังไม่เคยเล่นเป็น
รองคู่แข่งตลอดในสี่เกมที่ผ่านมา ทว่านัดล่าสุดถือว่าเสียหายไม่น้อยที่ต้องเล่นกับ อังกฤษ ถึง 120 นาที ในขณะที่
เยอรมัน นั่งกระดิกเท้ารอในรอบรองชนะเลิศแบบชิลล์ๆ ถึงสองวัน ทำให้สภาพความฟิตพลพรรค "อินทรีย์เหล็ก" น่าจะดูดีกว่าหลายเท่า แม้ว่าที่ผ่านมา อัซซูร์รี่ จะมีสถิติในการเจอกับ เยอรมัน จะอยู่ในระดับพรีเมี่ยม ถึงกระนั้น เยอรมัน ในเวอร์ชั่น โยอาคิม เลิฟ ได้เปลี่ยนไปจากยุคโบราณค่อนข้างเยอะ เดี๋ยวนี้มีทั้งบุ๋นทั้งบู๊ และลูกสดที่มีผลกับบอลทัวร์นาเมนต์สั้นๆแบบ ยูโร หากไม่เกร็งหรือเล่นต่ำกว่ามาตราฐานไปเอง เยอรมัน ก็น่าจะน็อค เลี่ยน ได้ใน 90 นาที
ผลบอลที่คาด : เยอรมัน ชนะ 1-0
------------------------------------------------------------
เกมนี้น้ำหนักเทไปที่เยอรมันกันหมด ก็สมควรแล้วที่จะเป็นแบบนั้นเพราะฟอร์มในรายการนี้เยี่ยมเหลือเกิน อีกทั้งได้พักมามากกว่าคู่แข่ง 48 ชม. แถมไม่ต้องเจอเกมหนักเหมือนอิตาลี ลูกทีมของ เลิฟ มีศักยภาพเหลือๆในการเข้าทำ แต่นิวอัซซูร์รี่ชุดนี้มองข้ามไม่ได้ คนมักจะให้น้ำหนักไปที่สภาพร่างกาย แต่เกมระดับนี้แล้วเรื่องสภาพความฟิตมาตฐานต้องถึง ทีมคงซ้อมหนักเพื่อมาเจอเหตุการณ์แบบที่ว่า อีกทั้งตัวสำรองก็ระดับชั้นไม่ได้ต่างกันพร้อมทดแทน หากวัดกันตัวๆอิตาลีคงดีกว่าที่เกมรับ แต่ความเหนียวแน่นที่ว่าเนี่ยแหละที่พาทีมมาถึงจุดนี้ ประกอบกับใจผู้เล่นอิตาลีชุดนี้มีเลือดนักสู้ไหลเวียนอยู่อย่างเห็นได้ชัด คำว่ายอมแพ้คงไม่มี เกมนี้มาตรฐานสูสีกว่าคู่เมื่อวานซะอีก โอกาสจบ 90 นาทีที่ผลเสมอมีสูง
ผลที่คาด : เสมอ 0-0