วิเคราะห์บอล ยูโร 2012 นัดชิงชนะเลิศ : สเปน -vs- อิตาลี
สเปน (อันดับฟีฟ่า, 1) -vs- อิตาลี (อันดับฟีฟ่า, 11) ... (01.45 น.)
สนาม : โอลิมปิก สเตเดี้ยม, เมือง เคียฟ ประเทศ ยูเครน
ราคาบอล : สเปน ต่อ ปป
การพบกันล่าสุด
10/06/12 สเปน เสมอ อิตาลี 1-1 ยูโร
11/08/11 อิตาลี ชนะ สเปน 2-1 กระชับมิตร
23/06/08 สเปน ชนะ อิตาลี 0-0 ยูโร (จุดโทษ)
27/03/08 สเปน ชนะ อิตาลี 1-0 กระชับมิตร
28/04/04 อิตาลี เสมอ สเปน 1-1 กระชับมิตร
29/03/00 สเปน ชนะ อิตาลี 2-0 กระชับมิตร
18/11/98 อิตาลี เสมอ สเปน 2-2 กระชับมิตร
09/07/94 อิตาลี ชนะ สเปน 2-1 ฟุตบอลโลก
15/06/88 อิตาลี ชนะ สเปน 1-0 ยูโร
13/06/80 สเปน เสมอ อิตาลี 0-0 ยูโร
ฟอร์ม 5 นัดหลังสุดในรายการนี้
สเปน
28/06/12 ชนะ โปรตุเกส 0-0 (กลาง) * จุดโทษ
24/06/12 ชนะ ฝรั่งเศส 2-0 (กลาง)
19/06/12 ชนะ โครเอเชีย 1-0 (กลาง)
15/06/12 ชนะ ไอร์แลนด์ 4-0 (กลาง)
10/06/12 เสมอ อิตาลี 1-1 (กลาง)
อิตาลี
29/06/12 ชนะ เยอรมัน 2-1 (กลาง)
25/06/12 เสมอ อังกฤษ 0-0 (กลาง) * จุดโทษ
19/06/12 ชนะ ไอร์แลนด์ 2-0 (กลาง)
19/06/12 เสมอ โครเอเชีย 1-1 (กลาง)
10/06/12 เสมอ สเปน 1-1 (กลาง)
ฟอร์ม 5 นัดหลังของทั้งสองทีม
สเปน
28/06/12 ชนะ โปรตุเกส 0-0 (กลาง) (จุดโทษ) ยูโร 2012 / ต่อ 0.5 ... เสีย
24/06/12 ชนะ ฝรั่งเศส 2-0 (กลาง) ยูโร 2012 / ต่อ 0.75 ... ได้
19/06/12 ชนะ โครเอเชีย 1-0 (กลาง) ยูโร 2012 / ต่อ 1 ... เจ๊า
15/06/12 ชนะ ไอร์แลนด์ 4-0 (กลาง) ยูโร 2012 / ต่อ 1.5 ... ได้
10/06/12 เสมอ อิตาลี 1-1 (กลาง) ยูโร 2012 / ต่อ 0.5 ... เสีย
อิตาลี
29/06/12 ชนะ เยอรมัน 2-1 (กลาง) ยูโร 2012 / รอง 0.5 ... ได้
25/06/12 ชนะ อังกฤษ 0-0 (กลาง) (จุดโทษ) ยูโร 2012 / เสมอ ... เจ๊า
19/06/12 ชนะ ไอร์แลนด์ 2-0 (กลาง) ยูโร 2012 / ต่อ 1.5 ... ได้
19/06/12 เสมอ โครเอเชีย 1-1 (กลาง) ยูโร 2012 / ต่อ 0.25 ... เสียครึ่ง
10/06/12 เสมอ สเปน 1-1 (กลาง) ยูโร 2012 / รอง 0.5 ... ได้
สภาพทีมล่าสุดของทั้งสองทีม
สเปน ของเทรนเนอร์ บิเซนเต้ เดล บอสเก้ ผ่าน โปรุตเกส คู่มือในรอบรองชนะเลิศมาแบบหืดจับ ภายหลังทำอะไรกันไม่ได้ใน 120 นาที ต้องตัดสินด้วยการดวลจุดโทษ ทว่ายังเป็นเคราะห์ดีของพลพรรค "กระทิงดุ" ที่แม่นเป้ากว่าเอาชนะมาได้ด้วยสกอร์ 4-2 อย่างไรก็ตามงานในนัดชิงนี้ไม่ง่ายแน่ เมื่อต้องกลับมาเจอกับ อิตาลี เพื่อนร่วมสายในรอบแบ่งกลุ่ม กลุ่ม ซี ซึ่งเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นได้ยาก หลังจากประวัติศาสตร์เคยเกิดกรณีแบบนี้ในศึกชิงแชมป์แห่งชาติยุโรปแค่สามหนเท่านั้น
อย่างไรก็ตาม หาก สเปน สามารถเอาชนะ อิตาลี ได้ในเกมหยุดโลกแมตช์นี้ จะทำให้ทีมแชมป์เก่าและแชมป์โลกสมัยล่าสุด สร้างประวัติหน้าใหม่ให้วงการฟุตบอล ด้วยการซิวแชมป์สามรายการเมเจอร์ใหญ่ติดต่อกัน อย่างที่ไม่มีใครเคยทำได้ โดยทีมทีใกล้เคียงกับสถิตินี้ทีมเดียว คือเยอรมัน ปี 1972-76 ที่มี ฟร้าน เบ็คเคนเบาเออร์, เซปป์ ไมเออร์ และ แกร์ด มุลเลอร์ เป็นตัวชูโรง ทว่าแพ้ต่อ เช็กโกสโลวาเกีย ด้วยการดวลจุดโทษในปี 1976 ไปอย่างน่าเสียดาย
ก่อนเริ่มเกมยังมีข้อสงสัยในการจัดทัพของ เดล บอสเก้ ที่นัดชนะ "ฝอยทอง" ส่ง อัลบาโร่ เนเกรโด้ ลงสนามมาแบบเกินความคาดหมาย ทว่าเกมในนัดชิงดำหนนี้ หากไม่มีอะไรผิดพลาด เจ้าตัวน่าจะส่ง เชส ฟาเบรกาส เป็นมือวางอันดับหนึ่งในตำแหน่งกองหน้าตัวเป้า โดยมี เฟร์นานโด ตอร์เรส ดาวยิงจากสโมสร เชลซี เป็นตัวสอดแทรกลงสนาม ในแทคติก 4-3-3 ขนชุดเดียวกับแมตช์ชน "เลี่ยน" นัดเปิดสนามทั้ง 11 ตัว โดยมีกำลังหลักจากสโมสร บาร์เซโลน่า และ เรอัล มาดริด รวมทั้งหมด 9 ราย
ฝั่ง อิตาลี แชมป์โลกสี่สมัย ภายใต้การคุมทีมของ เชซาเร่ ปรันเดลลี่ โดนปัญหารุมเร้าตั้งแต่ยังไม่เริ่มทัวนาเมนต์ไม่ว่าจะเป็นข่าวล้มบอล และ ปัญหาอาการบาดเจ็บของนักเตะ ทว่าเจ้าตัวก็ยังจัดการกับปัญหาได้อย่างไร้ที่ติ พร้อมกับยกระดับความมุ่งมั่นให้กับสาวก "อัซซูรี่" กลับโชว์ฟอร์มร้อนอัด เยอรมัน เต็งหนึ่งตกรอบรองไปก่อนหน้านี้ และยังลบคำครหาว่าเป็นทีมจอมอุดเหมือนสมัยก่อน ด้วยการสร้างจังหวะยิงเข้ากรอบมากที่สุดในทัวร์นาเมนต์ จาก 5 แมตช์ ล่อเป้าคู่แข่งถึง 55 หนด้วยกัน
เกมนัดชิง อดีต "อิล เทคนิโก้" สังกัด ฟิออเรนติน่า จะมีการปรับโฉมตัวผู้เล่นและระบบ จากเกมเจอ สเปน ในรอบแบ่งกลุ่ม แม้ว่าจะได้ คริสเตียน มาจโจ้ ฟูลแบ็กจาก นาโปลี กลับมาจากโทษแบน ทว่าโอกาสที่จะได้ลงสนามในค่อนข้างเลือนลาง เพราะระหว่างทาง ปรันเดลลี่ ได้ค้นพบสูตรสำเร็จในการทำทีมว่า 4-3-1-2 น่าจะเป็นแทคติกที่เหมาะสมมากที่สุดสำหรับ "อัซซูรี่" หลังจากที่แผนนี้เคยสำแดงเดชขยี้ เยอรมัน มาแบบไม่ยากเย็น ถือเป็นการริบบทบาทของ มาจโจ้ ไปโดยปริยาย
ขณะที่แผงมิดฟิลด์ ธิอาโก้ ม็อตต้า มิดฟิลด์ตัวตัดเกมจาก เปแอสเช ก็จะเป็นอีกราย ที่ชวดลงสนามในเกมนี้ เพราะต้องหลีกทางให้กับ ริคคาร์โด้ มอนโตลิโว่ ว่าที่นักเตะ เอซี มิลาน ที่เข้ามาเติมเต็มเกมให้ อิตาลี มีความสมดุลย์ในเกมรุก เมื่อร่วมงานกับ อันโตนิโอ คาสซาโน่ ได้อย่างลื่นไหล เป็นตัวสนับสนุนเกมรุกที่แถวสอง ป้อนบอลให้ "เกรียนตัวพ่อ" มาริโอ บาโลเตลลี่ ที่ฟอร์มกำลังเข้าฝัก เหมาสองในเกมกับ เยอรมัน เป็นตัวปิดสกอร์
ผู้เล่นที่คาดว่าจะเป็น 11 ตัวจริง
สเปน (4-3-3) : อีเกร์ กาซิยาส - อัลบาโร่ อาร์เบลัว, เกราร์ด ปีเก้, เซร์กิโอ รามอส, ฆอร์ดี้ อัลบา - ชาบี เอร์นานเดซ, เซร์กิโอ บุสเกวตส์, ชาบี อลอนโช่ - ดาบิด ซิลบา, เชส ฟาเบรกาส, อันเดรส อีเนียสต้า
อิตาลี (4-3-1-2) : จานลุยจิ บุฟฟ่อน - อิ๊กนาซิโอ้ อบาเต้, อันเดรีย บาร์ซาญี่, จอร์โจ้ คิเอลลินี่, เฟเดริโก้ บัลซาเร็ตติ- เคลาดิโอ มาร์คิซิโอ, อันเดรีย ปีร์โล่, ดานิเอเล่ เด รอสซี่ - ริคคาร์โด้ มอนโตลิโว่ - มาริโอ บาโลเตลลี่, อันโตนิโอ คาสซาโน่
ทรรศนะ
หากวัดกันที่ฟอร์มการเล่นนาทีนี้คงต้องยกให้แข้งจากเมืองมักกะโรนี ที่ทำผลงานได้เข้าตากว่าทีมไหนๆนับตั้งแต่รอบน็อคเอาท์เรื่อยมา สิ่งที่ทำให้ อิตาลี กลายเป็นทีมที่เหนือคาดหมายในปัจจุบัน ต้องยกเครดิตให้กับ เชซาเร่ ปรันเดลลี่ ที่ไม่ใช่แค่ปรับ แต่ถือเป็นการพลิกโฉมรูปแบบฟุตบอลเลี่ยนไปโดยสิ้นเชิง ด้วยการกล้าปฎิวัติให้ทัพเลี่ยนเล่นเกมรุกมากขึ้น เมื่อเอามารวมกับข้อดีมีอยู่แล้วอย่างการจัดระเบียบในแผงรับ ส่งผลให้ แชมป์โลกสี่สมัยกลายเป็นทีมที่เข้าขั้นเฟอเฟ็กหากเทียบนาทีต่อนาทีกับ สเปน
ทว่าจุดหนึ่งที่ยังมองว่า อิตาลี ดูดีกว่า สเปน อย่างชัดเจน คือเรื่องของความมุ่งมั่นตามสไตล์ทีมที่ไม่มีอะไรจะเสีย เพราะพวกเขาไม่ได้ถูกหมายหัวให้เป็นทีมเต็ง หากเทียบกับทัพ "กระทิงดุ" ที่มาทัวร์นาเมนต์นี้ในฐานะเต็งแชมป์ร่วมกับ เยอรมัน ส่งผลให้ สเปน ทุกนัด เล่นแบบกลัวแพ้ ยกเว้นแมตช์เจอ ไอร์แลนด์ ที่เป็นกลับมาเป็น สเปน แบบที่เรารู้จัก จากเกมรุกที่เคยเจาะเข้าสู่แผงหลังคู่แข่งแบบไม่ยากเย็น ได้แต่ขึ้นบอลแบบกล้าๆกลัวๆ เพราะหวั่นจะแพ้และเสียสถิติที่สร้างมาตลอด 6 ปี และเกมนี้มีความหมายถึงประวัติศาสตร์หน้าใหม่ ที่จะหาผู้ทำลายได้ก็ไม่รู้จะต้องรออีกกี่ทศวรรษ น่าจะทำให้พวกเขาต้องเผชิญหน้ากับความกดดัน ไปพร้อมๆกับรับมือคู่แข่งที่แพ้ทางมาตลอดอย่าง อิตาลี จนเสียความเป็นตัวของตัวเอง เชื่อเหลือเกินว่าปัจจัยทั้งหมด และสถิติเป็นใจให้กับ "อัซซูรี่" อย่างน่าเกลียดก็ไม่น่าจะแพ้ สเปน ใน 90 นาที
ฟันธง : รอง อิตาลี เสมอ 1-1, ชนะ 2-1
อัตราความมั่นใจ : 8/10
เป็นคู่ชิงที่น่าจะเดาแนวทางการเล่นได้ไม่ยาก เพราะเคยดวลเกือกกันมาแล้วในนัดเปิดสนาม จึงมีความเป็นไปได้สูงที่จะเห็นหนังม้วนเดิมฉายซ้ำอีกครั้ง นอกจากนี้หากอิงจากสถิติที่เคยพบกันในทัวร์นาเมนต์ใหญ่ ทั้งสองทีมยังหนักไปทางเสมอ ล่าสุดในยูโร 2008 ก็จบ 0-0 แถมคราวนี้สไตล์การเล่นของ สเปน ไม่เร้าใจเหมือนเดิม เน้นครองบอล เพลย์เซฟเป็นหลัก เช่นเดียวกับอิตาลี หากไม่นับเกมผีเข้ากับเยอรมัน พวกเขาก็ไม่ได้มีจุดเด่นอยู่ที่เกมรุก ประกอบกับเป็นเกมนัดชิง ความรัดกุมจึงต้องสูงกว่าเดิมเป็นเท่าตัว ซึ่งก็ไม่แปลกหากคู่นี้จะกอดคอเจ๊าใน 90 นาที เรท "ปป" วางเสมอน่าจะเป็นทางออกที่สมเหตุสมผล ถึงแม้จะได้แค่หูเดียวก็ตาม เพราะจะให้เลือกผู้ชนะในเวลาปกติมันนึกภาพไม่ออกจริงๆ ... ใครต่อรอง
ผลบอลที่คาด : เจ๊า 0-0 หรือ 1-1 / สกอร์ต่ำ
อิตาลีทีมนี้เล่นเหมือนยุคที่ได้แชมป์โลกปี 2006 คือมาตรฐานค่อยๆยกขึ้นมาเรื่อยๆจนถึงรอบชิง อิตาลีชุดนี้ไม่มีใครเล่นโดดเด่นลอยขึ้นมา แต่เป็นทั้งทีมที่ฉายแสงขึ้นมาโดยมี ปีร์โล่ เป็นหัวใจ นักเตะอัซซูร์รี่ช่วยงานกันได้ดีมาก แต่ละคนรู้หน้าที่ว่าต้องทำอะไร ไม่มีคำว่าส่วนเกินในทีมชุดนี้ และที่อิตาลีแสดงให้เห็นชัดเลยคือเรื่องของใจที่สู้ สเปนอาจจะดีกว่าในเรื่องของเกมรุก แต่แนวรับก็แสดงให้เห็นแล้วว่าไม่เท่าไหร่ และการที่เคยเสมอกันมาทำให้ไม่ใช่งานง่ายของแชมป์เก่า คู่นี้สูสีมองยากว่าใครจะชนะ เกมมีโอกาสจบที่ผลเสมอในเวลา
สกอร์ที่คาด : เสมอ 1-1
---------------------------------------------------------------------------
ทัพกระทิงดุชุดนี้คว้าแชมป์รายการระดับเมเจอร์ติดต่อกันมาได้แล้วถึงสองครั้งสองครา และหากวันนี้ลูกทีมของ บิเซนเต้ เดล บอสเก้ ทำสำเร็จอีกครั้งจะทำให้พวกเขากลายเป็นทีมแรกในประวัติศาสตร์ที่คว้าแชมป์รายการระดับบิ๊กได้ถึงสามครั้งซ้อน เรียกได้ว่ามีแรงจูงใจในการเล่นสูงมาก แต่ในขณะเดียวกัน อัซซูรี่ คือปราการด่านสุดท้ายที่ต้องตีให้แตก แต่ดูๆแล้วไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะขนาดนัดแรกที่พบกันยังต้องลุ้นหนักกว่าจะตามตีเสมอสำเร็จ ที่สำคัญ "เลี่ยน" ชุดนี้ไม่ได้มีดีแต่เกมรับ แต่ยังสามารถเล่นเกมรุกได้อย่างไม่มีขัดเขิน และที่น่าจับตามองเป็นพิเศษคือ "ซุปเปอร์ มาริโอ" มาริโอ บาโลเตลลี่ ที่รับบทซาตานเหมาสองประตูส่งทีมเต็งอย่าง เยอรมัน กลับบ้านในรอบที่แล้ว เชื่อเหลือเกินว่าวันนี้ "โอ้" กะปล่อยของเต็มที่ มองภาพรวมแล้ว มีเปอร์เซ็นต์สูงที่เกมจะลากยาวไปถึง 120 นาที... แนะนำให้รองครับ
เสมอ 1-1
---------------------------------------------------------------------------