ผลนัดแรกของทั้งสองทีมจบ ลงที่สกอร์ 2-1 เหมือนกัน เพียงแต่คนละอารมณ์ เพราะ ชาลเก้ ปิดฉากเกมที่ กรีซ ด้วยชัยชนะ ทว่า มงต์เปลลิเย่ร์ เริ่มต้นเศร้าด้วยการเสียท่า อาร์เซน่อล คารังด้วยสกอร์ดังกล่าว
ชาลเก้ครองสถิติสุดเฉียบในการบู๊รอบแบ่งกลุ่ม ชปล. และกวาดชัยที่ เฟลตินส์ มา 6 นัดรวดก่อนมาถูก แมนฯยุ ดับห้าวในรอบน๊อคเอ๊าท์
Match background
- ชาลเก้ กุมสถิติสุดหรูในการเปิดบ้านหวดเกมยุโรปกับแขกรับเชิญจากแดนน้ำหอม เพราะขุนพล "ราชันสีน้ำเงิน" ส่งตัวแทนสัญชาติฝรั่งเศสกลับบ้านมือเปล่าทั้ง 3 ครั้ง ทั้งในรายของ น็องซี่, ปารีส แซงต์ แชร์กแมง (ยูฟ่า คัพ) และ โอลิมปิก ลียง (ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก) แต่ในทางกลับกันเมื่อต้องเป็นฝ่ายไปเยือน ชาลเก้ ก็แพ้เรียบทั้งสองหน
- มงต์เปลลิเย่ร์เข้ามามีเอี่ยวกับฟุตบอลรายการใหญ่สุดของยุโรปเป็นครั้งแรกใน ฐานะแชมป์ลีก เอิง ประจำฤดูกาล 2011/12 แต่พลิกประวัติย้อนหลังสโมสรแดนแฟชั่นรายนี้ก็เคยผ่านชั่วโมงบินในรายการ แข่งขันของ ยูฟ่า มาพอสมควร ทว่าเกิดขึ้นรายการรองอย่าง อินเตอร์โตโต้ คัพ ทั้งหมดรวม 6 นัด
- ปี 1997 มงต์เปลฯ บุกแพ้ โคโลญจน์ 1-2 ในรอบรองชนะเลิศ นัดแรก ที่เยอรมัน แต่สามารถกลับไปทวงคืนที่บ้านด้วยสกอร์ 1-0 พร้อมกับตีตั๋วเข้ารอบชิงดำด้วยกฏประตูทีมเยือนและไปพลาดท่าต่อบิ๊กเนมร่วม ลีกอย่าง ลียง ด้วยสกอร์ขาดลอย 2-4
- สองปีถัดมา มงต์เปลลิเย่ร์ จับติ้วมาประจัญหน้ากับสโมสรบุนเดสลีก้าอีกครั้ง ซึ่งพวกเขาสามารถปราบ ดุ๊ยส์บวร์ก ด้วยสกอร์รวม 2 นัด 4-1 (เสมอ 1-1 (เยือน), ชนะ 3-0 (เหย้า) และผ่านเข้าไปชิงชนะเลิศกับ ฮัมบูร์ก โดยบทสรุปทั้งสองเลกกินกันไม่ลงที่สกอร์ 1-1 แต่ท้ายที่สุด มงต์เปลฯ อาศัยการดวลจุดโทษที่แม่นกว่าเป็นฝ่ายสร้างประวัติฟาดแชมป์ระดับนานาชาติ สมัยแรกไปประดับตู้โชว์ที่ เดอ ลา มอสซง แบบพลิกความคาดหมาย
- ชาลเก้ มีสถิติการเล่นรอบแบ่งกลุ่มที่ยอดเยี่ยม เพราะนับตั้งแต่ที่บุกแพ้ ลียง 0-1 ช่วงปลายปี 2010 แล้ว ถัดจากนั้นมาอีก 9 เกมในรอบนี้ ปรากฏว่าแข้ง "รอยัล บลูส์" ไร้พ่าย จากสถิติชนะ 7 เสมอ 2 แถมยังเข้ารอบน๊อคเอาท์หนก่อนในฐานะแชมป์กลุ่มของสายหินที่มีคู่แข่งระดับ อินเตอร์ มิลานและ บาเลนเซีย รวมอยู่ด้วย