เก็บตกฉากประทับใจลูกหนังเยอรมันส่งท้าย 2012
เพื่อน ๆ วิ่งมาดีใจกับ อีวาน เพริซิช เพราะคิดว่าน่าจะเป็นประตูชัยปราบพยศ "ม้าขาว" ได้แล้ว
ความเข้มข้นของเกมระหว่าง ดอร์ทมุนด์ - สตุ๊ตการ์ต ที่ ซิกนัล อิดูน่า ถ้าเป็นภาพยนตร์ก็คงเปรียบดั่งหนังฟอร์มยักษ์ ซึ่งผู้ชมได้รับอรรถรสอย่างเต็มที่ เพราะเนื้อเรื่องเต็มไปด้วยฉากบู๊ล้างผลาญ แถมมีหักมุมตอนอวสาน
"เสือเหลือง" เริ่มต้นด้วยการออกนำตามฟอร์ม 2-0 จนความสนุกของเกมเปิดฉากขึ้นในนาทีที่ 71 เมื่อ สตุ๊ตการ์ต ใช้เวลาแค่ 8 นาที ยิงสามเม็ดรวมบุกแซงนำ "แชมป์เก่า" ถึงถิ่น 3-2 (นาที 71, 77 และ 79) แต่กระนั้นเจ้าบ้านไม่ยอมแพ้ เพราะให้หลังอีก 3 นาที ก็ตามทวงคืนสำเร็จจาก มัทส์ ฮุมเมิ่ลส์ ... สกอร์มาเท่ากันที่ 3-3
เข้าสู่ช่วง 3 นาทีสุดท้ายของเกม เหมือนฟ้า-ฝนจะเป็นใจกับการเดินออกจากสนามแบบแฮปปี้เอนดิ้งของสาวก "เสือเหลือง" เมื่อได้ทีเด็ดจาก อีวาน เพริซิช สิงห์อีซ้ายชาวโครแอตซัดประตูพาทีมฉีกนำอีกครั้งในช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อของ การแข่งขัน
สุดท้าย คริสเตียน เกนท์เนอร์ ก็ทำร้ายจิตใจสาวก "เสือเหลือง" เมื่อยิงให้เกมจบลงแบบดราม่า 4-4
ถึงตอนนี้สถานการณ์ทั้งหมดอยู่ในความควบคุมของ เจอร์เก้น คล็อปป์ แอนด์ โค แล้ว ... ถ้าไม่มีหนามยอกอกที่ชื่อ คริสเตียน เกนท์เนอร์ มิดฟิลด์ตัวปิดทองหลังพระที่ยิงกู้ชีพให้ สตุ๊ตการ์ต ตามตีเสมอช่วงทดเวลาบาดเจ็บนาทีที่ 2 ก่อนแชร์แต้มกันไปด้วยสกอร์สุดเดือด 4-4
ทว่าเกมดังกล่าวไม่มีผลต่อเส้นทางการป้องกันแชมป์ของ ดอร์ทมุนด์ สักเท่าไร เนื่องจากคะแนนบนตารางของพวกเขา ณ ตอนนั้นทิ้งห่าง บาเยิร์น 8 แต้มแต่ถ้าในเรื่องของการให้คะแนนความมันส์ คู่นี้น่าจะเป็นอีกหนึ่งความทรงจำสุดประทับใจและคงต้องให้คะแนน 5 ดาว แบบไร้ข้อกังขา
หลังจบการแข่งขัน คาดว่า คล็อปป์ คงพ่นไฟใส่ลูกทีมชุดใหญ่และไม่ว่าจะด้วยวิธีใด ต้องบอกว่าการแก้ปัญหาของกุนซือหนุ่มรายนี้ได้ผล เพราะนัดถัดมาแข้ง ดอร์ทมุนด์ แก้ตัวทันควันด้วยการบุกขย้ำ โวล์ฟสบวร์ก 3-1 ก่อนรัวชัยชนะติดต่อกันอีก 6 เกมรวด จนกลายเป็นสถิติใหม่ของสโมสรหลังจากกวาดความสำเร็จในลีกต่อเนื่องสูงสุด 7 นัด!!!
ผู้เล่น เลเวอร์ฯ ร่วมกันฉลองอย่างสะใจกับชัยชนะแรกเหนือ บาเยิร์น ในรอบกว่า 8 ปี
"ห้างขายยา" ไม่ใช่อาหารว่างให้ บาเยิร์น กินเล่นอีกต่อไป เพราะหลังจากตกอยู่ใต้ร่มเงาของ "เสือใต้" มากว่าเกือบเต็มทศวรรษ (ไม่ชนะ บาเยิร์น 14 เกมติดในช่วง 8 ปี) ในที่สุด เลเวอร์คูเซ่น ก็สามารถแก้อาถรรพ์ได้ เมื่อเป็นฝ่ายเปิดรั้ว ไบ อารีน่า กระชากวิญญาณยักษ์ใหญ่จาก มิวนิค 2-0 (03-03-12)
ประตูของ สเตฟาน คิสลิงค์กับ คาริม เบลลาราบี นอกจากจะช่วยพารอยยิ้มมาเปื้อนหน้ากองเชียร์แล้ว สามแต้มที่เกิดขึ้นยังเป็นตัวแปรสำคัญจุดประกายความหวังให้ทีมสิงโตคู่แห่ง นอร์ธ ไรห์น เวสต์ฟาเลีย กลับมามีลุ้นตั๋วยุโรปและสอยโควต้า ยูโรป้า ลีก เข้ากระเป๋าสำเร็จในบั้นปลายด้วย
ทางด้าน บาเยิร์น หลังจากสะดุดพ่าย เลเวอร์คูเซ่น ก็สวมบทขาโหดระบายแค้นใส่ ฮอฟเฟ่นไฮม์และ แฮร์ธ่า เบอร์ลิน ด้วยสกอร์ 7-1 และ 6-0 ทว่าสุดท้ายก็กลายเป็นการคืนชีพเมื่อสาย เพราะไล่ ดอร์ทมุนด์ ไม่จนแต้มและต้องปล่อยให้ "เสือเหลือง" ฉลองความสำเร็จกันอีกปี
การรับงานที่ ไกเซอร์ฯ ทำให้ คราสซิเมียร์ บาลาคอฟ รู้ว่างานคุมทีมไม่ง่ายเหมือนการเล่นเองในสนาม
ปิดท้ายฟากทีมท้ายตาราง ดูเหมือนการเริ่มต้นบทบาทกุนซือของ คราสซิเมียร์ บาลาคอฟ จะไม่สดใสเหมือนตอนเจ้าตัวค้าแข้ง เพราะอดีตเพลย์เมคเกอร์ สตุ๊ตการ์ต ตัดสินใจเข้ารับงานกุมบังเหียน ไกเซอร์ฯ ต่อจาก มาร์โก ควร์ธ ในช่วงที่สถานการณ์ของทีมกำลังเข้าตาจน ซึ่งท้ายสุดตอนอวสานของพวกเขาก็เดาไม่ยากหลังจากเทรนเนอร์ชาวบัลแกเรียพาต้น สังกัดแพ้ 5 เกมรวดและหล่นไปเล่น ลีกา 2 ตามระเบียบ
เรื่องราวทั้งหมดข้างต้นอาจจะล่วงเลยมาพักใหญ่แล้ว แต่ก็ถือว่ามีเหตุการณ์น่ารำลึกถึง โดยเฉพาะสาวก "เสือเหลือง" ที่สามารถตักตวงความสุขบนความผิดพลาดของ บาเยิร์น มาได้ถึงสองปี ทว่าสำหรับซีซั่นใหม่นี้หลังจากผ่านมาครึ่งทาง หากไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง เชื่อว่าถาดแชมป์บุนเดสฯ คงต้องเตรียมโอนถ่ายสำมะโนครัวจาก ซิกนัล อิดูน่า สู่ อัลลิอันซ์ อารีน่า ...
จนกว่าจะพบกันใหม่ ... สวัสดีปีงูเล็กครับ