หากไม่มีอะไรผิดพลาด หลังจบบ็อกซิ่ง เดย์ แมนฯ ยูไนเต็ด จะเป็นผู้นำพรีเมียร์ลีก ด้วยคะแนนที่มากกว่าหรือเท่ากับ 6 แต้ม อย่างที่คาดไว้ในภาคแรก เพราะทันทีที่สิ้นเสียงนกหวีดยาวณ.สนามสเตเดี้ยม ออฟ ไลท์ พร้อมกับบทสรุป "แมวดำ" เปิดรังขย้ำ "เรือใบสีฟ้า" 1-0 ผนวกกับที่เซนต์ เจมส์ ปาร์ค "ปิศาจแดง" ได้ประตูสำคัญในช่วงทดเวลาบาดเจ็บจาก ชิชาริโต้ ทันใดนั้นเด็กผีทะยานนำห่างอริร่วมเมืองออกไปไกลถึง 7 คะแนน และก็ทำให้ถ้วยแชมป์บาร์เคลย์ พรีเมียร์ลีก อาจต้องย้ายข้ามวิกจากทีมสีฟ้า มาสู่ทีมสีแดง
ในยุคทุนนิยมแบบนี้อะไรก็เกิดขึ้นได้ ซึ่งต้องวัดใจ ชีค มานชูร์ เจ้าของทีม ซิตี้ ว่าจะหว่านเม็ดเงินช่วงมกราคม เพื่อคว้าสตาร์ดังแลกกับความหวังอันน้อยนิดที่จะพลิกกลับมาป้องกันแชมป์เลยหรือไม่ หรือจะยอมถอยหนึ่งก้าวเพื่อตั้งหลักไปนับหนึ่งใหม่ในซีซั่นหน้าถ้าเป็นอย่างแรก แสดงว่าเครดิตในตัว โรแบร์โต้ มันชินี่ ยังคงน่าเชื่อถือ แต่หากเลือกอย่างหลังอาจหมายถึงสถานะของ "มันโช่" อาจเปลี่ยนไปหลังจบฤดูกาล
"มันโช่"ช่วงนี้เครียดหนักกับสถานะของทีมซึ่งเริ่มแกว่ง
อย่างไรก็ตามด้วยศักดิ์ศรีของความเป็นอริร่วมเมืองในเกมฟุตบอล เชื่อว่า แมนฯ ซิตี้ คงไม่ยอมนิ่งดูดาย ปล่อยให้ ยูไนเต็ด คว้าแชมป์ไปครองง่ายๆ ไม่ว่ายังไงคงต้องสู้ให้ถึงที่สุดไว้ก่อน ถึงแม้บั้นปลาย เด็กผีจะเข้าป้ายทวงแชมป์คืน แต่ก็ไม่ควรให้คะแนนทิ้งขาดจนน่าเกลียด ซึ่งมันเป็นเรื่องของศักดิ์ศรีอย่างที่บอก เพราะฉะนั้นจึงไม่แปลกที่เราจะเห็นแข้งระดับ 5 ดาวสักรายสองราย พาเหรดเข้ามาสวมเสื้อสีฟ้าในช่วงตลาดซื้อขายฤดูหนาว แต่จะเป็นใครและตำแหน่งไหน ลองมาวิเคราะห์ดู
ข้อแตกต่างของแชมป์เก่าที่ดร็อปลงมาอย่างเห็นได้ชัดจากซีซั่นก่อนก็คือจังหวะปิดสกอร์ และลูกสวนกลับ นักเตะแกนรุกบางรายฟอร์มตก ไม่ว่าจะเป็น กุน อเกวโร่, ดาบิด ซิลบา หรือแม้แต่ คาร์ลอส เตเบซ ยิ่ง มาริโอ บาโลเตลลี่ ไม่ต้องพูดถึง ไม่ผ่านทั้งผลงาน และความประพฤติ
คู่หูดูโอ อเกวโร่ กับ ซิลบา นัดกันฟอร์มตก
อย่างปีก่อน พวกเขาใช้โอกาสไม่เปลือง และหาจังหวะเข้าทำได้เกือบตลอด แต่มาปีนี้ ขุนพล "เรือใบ" ได้แต่ต่อบอลกันไปมาอยู่หน้าเขตโทษคู่ข่ง จนแล้วจนรอดก็หมดไอเดีย จนถูกกองหลังฝั่งตรงข้ามดักทางไว้ได้หมด จะไปหวังการถล่มประตูจาก เอดิน เชโก้ คนเดียว คงไม่พอ เพราะรู้กันอยู่ว่าวิญญาณเพชฌฆาตของดาวยิงบอสเนีย ถูกพรากไปตั้งแต่ย้ายออกจากโวล์ฟบวร์ก
ซ้ำร้ายแนวรับยังมีรอยรั่วให้เห็นค่อนข้างเยอะ ผลกระทบจากสภาพร่างกายทำให้ กอมปานี ไม่แข็งแกร่งเหมือนเดิม ส่วนคู่หูอย่าง เลสค็อตต์ ก็ช้าลงไป จึงต้องไปหวังพึ่งกับ มาติย่า นาสตาซิช ปราการหลัง 19 ก็ดูจะไม่ใช่เรื่องดีนัก เพราะดาวรุ่งเซิร์บ ยังต้องใช้เวลาขัดเกลาอีกมาก หากจะยืนระยะกับเกมระดับนี้ จุดเดียวที่คงอยู่ในมาตรฐานเดิมเห็นจะเป็นแดนกลาง ทั้ง ยาย่า, นาสรี และ แกเร็ธ แบร์รี่ ยังประสานงานกันได้ลงตัวอยู่ เพราะฉะนั้นจุดที่ต้องรีบแก้ไขโดยเร็วของมหาเศรษฐีจากแมนเชสเตอร์ ก็เห็นจะอยู่ตรงตัวปิดสกอร์ กับเซ็นเตอร์ฮาล์ฟ
ทั้งนี้ทั้งนั้น โมเมนตั้ม และความมั่นใจเอนมาทางฝั่ง แมนฯ ยูไนเต็ด เกือบหมดแล้ว ด้วยความห่าง 7 แต้ม กับอีกครึ่งฤดูกาลหลังที่เหลือ บอกคำเดียวว่ายากที่ "อสูรแดง" จะปล่อยให้ถ้วยแชมป์หลุดมือไป เพราะจากอดีตที่ผ่านมา ถ้าปีไหน ยูไนเต็ด ทิ้งห่างคู่แข่งไกลขนาดนี้ พวกเขามักไม่พลาด
"เฟอร์กี้"ยิ้มแฉ่งกับผลงานของลูกทีม
หากมองในแง่ดี มุมที่จะพลิกกลับมาป้องกันแชมป์ของ ซิตี้ ก็ยังไม่หมดไปเสียทีเดียว เพราะเมื่อไหร่ลูกทีมของ เฟอร์กูสัน หลุดฟอร์มพ่าย 2 นัด และเด็กในคาถาของ "มันโช่" ชนะในส่วนต่างดังกล่าว ช่องว่างจะบีบเหลือ 1 แต้มทันที อย่างไรก็ตามข้อแม้เดียวที่ทัพ "โคตรมิลเลียมแนร์" จะกลับมาได้คือพวกเขาจะพลาดไม่ได้อีกแล้วนั่นเอง ซึ่งดูจากแนวโน้ม คงเป็นไปได้ยากมาก
ดังนั้นเจ้าของทีมจะทำอะไรก็รีบทำ ซื้อใครได้ก็ซื้อไว้ก่อน อุดรอยรั่วที่เป็นบ่อ พร้อมกับขยายขนาดของทีมไปในตัว ซึ่งอย่าลืมว่า พวกเขาไม่มีบอลยุโรปให้ต้องพะวง ผิดกับอริร่วมเมืองที่ยังต้องเตะสัปดาห์ละ 2-3 แมตช์ทั้งในลีก และยูซีแอล คงต้องมีบ้างสักเกมที่ ยูไนเต็ด จะทำคะแนนหลุดมือ ก็ขึ้นอยู่กับ "เรือใบ" ว่าจะฉวยโอกาสจากความได้เปรียบดังกล่าวไว้ได้หรือไม่ ถ้าหากพวกเขาเสริมทีมได้อย่างถูกจุด ลงล็อก กอปรกับเรียกความมั่นใจเก่าๆคืนมา ตามด้วยเก็บชัยอย่างต่อเนื่อง เพื่อกดดันจ่าฝูง เมื่อถึงตอนนั้น เชื่อว่าแมนฯ ซิตี้ ยังพอมีลมหายใจเฮือกสุดท้ายเหลืออยู่
