ผู้รักษาประตู - ชูลิโอ เซซ่าร์ (คิวพีอาร์)
นายด่านบราซิเลี่ยนเค้นฟอร์มหนึบออกมาได้อย่างน่าทึ่งในเกมเจ๊า สเปอร์ส 0-0 โดย เซซ่าร์ ป้องกันประตูที่ไม่น่าจะเซฟได้จากการยิงของ เจอร์เมน เดโฟ ในช่วงต้นเกม ตามด้วยการหยุดลูกยิงจ่อๆของ เอ็มมานูเอล อเดบายอร์ ในช่วงเวลาต่อมา หลังจบเกมดังกล่าว เพื่อนร่วมทีมควรจะมอบโบนัสพิเศษให้กับมือกาวรายนี้อีกต่างหาก!!
คุณรู้หรือไม่? เซซ่าร์ เซฟประตูถึง 7 ครั้ง ในเกมเสมอสเปอร์ส เมื่อวันเสาร์ ซึ่งกลายเป็นสถิติสูงที่สุดของเกมพรีเมียร์ลีกประจำสัปดาห์ที่ผ่านมา
แบ็กขวา - ปาโบล ซาบาเลต้า (แมนฯ ซิตี้)
อังเดร วิสดอม แบ็กลิเวอร์พูล ก็ทำหน้าที่ได้อย่างยอดเยี่ยม แต่ทุกๆครั้งที่ผมเห็นแบ็ก "เรือใบสีฟ้า" รายนี้ บุกโจมตีทางฝั่งซ้ายของ อาร์เซน่อล มันเหมือนกับ "เดอะ กันเนอร์ส" จะถูกฉีกเป็นวิ่นๆเลยทีเดียว ผมยอมรับว่าการที่ ไมค์ ดีน ไล่คอสเซียลนี่ ออกจากสนาม มีส่วนทำให้เด็กปืนพังอย่างไม่เป็นท่า แต่ฟุตบอลก็คือฟุตบอล อะไรจะเกิดก็ต้องก้มหน้ายอมรับ ถ้า มาร์ค ฮัลซี่ย์ ตัดสินผิดพลาดในกรณีเป่าจุดโทษให้กับ เซาท์แฮมป์ตัน ด้าน ดีน ก็ตัดสินใจได้อย่างถูกต้องที่ให้จุดโทษกับ ซิตี้ เพราะนี่คือเกมลูกหนังปัจจุบัน
คุณรู้หรือไม่ : ซาบาเลต้า ขนะในการเข้าสกัดคู่แข่งได้ถึง 52 จาก 67 ครั้ง เป็นสถิติที่ดีที่สุดเป็นอันดับ 4 ในลีกซีซั่นนี้
เซ็นเตอร์ฮาล์ฟ - แอชลี่ย์ วิลเลี่ยมส์ (สวอนซี)
เขาดูดีมากในเกมที่พบกับเชลซี ในศึกลีก คัพ เมื่อกลางสัปดาห์ และดีมากขึ้นไปอีกในแมตช์เจ๊าเอฟเวอร์ตัน 0-0 ถึงขนาด มาร์ติน คีโอว์น อดีตปราการหลังทีมชาติอังกฤษ ยังออกมาเอ่ยปากชมด้วยตัวเองระหว่างรายการไฟนั่ล สกอร์
คุณรู้หรือไม่? วิลเลี่ยมส์ เคลียร์บอลได้ถึง 17 ครั้ง ระหว่างเกมกับ เอฟเวอร์ตัน และกลายเป็นสถิติที่ดีที่สุดของพรีเมียร์ลีก ประจำสัปดาห์ที่ผ่านมา
เซ็นเตอร์ฮาล์ฟ - เนมานย่า วิดิช (แมนฯ ยูไนเต็ด)
"เซอร์บิเนอเตอร์" กลับมาคุมหลังบ้านให้กับ "ปิศาจแดง" อีกครั้ง และยังคงไว้ใจได้เสมอ ช่วงที่ ลิเวอร์พูล กำลังได้ใจ ด้วยการบุกเข้าใส่เป็นชุด พร้อมกับมี แดเนี่ยล สเตอร์ริดจ์ ลงมาจับคู่กับ หลุยส์ ซัวเรซ บวกกับ มาร์ติน สเคอร์เทล ขึ้นมาแจมจากการโจมตีด้วยลูกตั้งเตะ จึงไม่ต้องสงสัยเลยว่า วิดิช ต้องรับภาระหนักแค่ไหน แต่เจ้าตัวก็สามารถเป็นหัวใจในการตั้งรับ และยืนหยัดพาทีมหยิบ 3 คะแนนไปแบบหวุดหวิด
คุณรู้หรือไม่? ประตูที่ วิดิช ทำได้ในเกมชนะ ลิเวอร์พูล นับเป็นลูกแรกของปราการหลังจอมแกร่งในรอบกว่าปีครึ่ง หรือนับตั้งแต่เดือนพฤษภาคม 2011 ซึ่งยิงประตูชนะเชลซี 2-1
แบ็กซ้าย - ลุค ชอว์ (เซาท์แฮมป์ตัน)
เขาไว้ใจได้ในเกมรับ และอันตรายเมื่อเติมเกมรุก ในเกมที่ยกพลชนะแอสตัน วิลล่า แต่น่าเห็นใจ ที่ฟอร์มการเล่นของแบ็กดาวรุ่งต้องมาถูกกลบด้วยข่าวด้านลบของทีมซึ่งได้มาด้วยจุดโทษอันน่ากังขา หลังจาก เจย์ โรดริเกซ กองหน้า "นักบุญ" พุ่งล้มอย่างชัดเจน
คุณรู้หรือไม่? เซาท์แฮมป์ตัน ชนะถึง 33 % หากเกมไหนมี ชอว์ ลงสนาม และถ้าวันไหน ทีมลงสนามโดยปราศจากแบ็กรายดังกล่าว ปรากฏว่า "นักบุญ" เข้าวินแค่ 11 เปอร์เซนต์ เท่านั้น
กองกลาง - เจมส์ มิลเนอร์ (แมนฯ ซิตี้)
ทุกคนรู้ว่า เจมส์ มิลเนอร์ ทำงานหนักแค่ไหน ในเกมที่ผ่านมา ซึ่งมันนานมาแล้วที่ไม่ได้เห็นเจ้าตัวโชว์ฟอร์มออกมาในแง่บวก ซึ่งประตูที่ มิลเนอร์ ทำได้ในเกมดับ "ปืนใหญ่" เป็นอะไรที่เกินบรรยาย และหลังจากนั้น ดาวเตะทีมชาติอังกฤษก็เค้นฟอร์มเก่งออกมาได้ตลอดทั้งเกม
คุณรู้หรือไม่? นอกจาก มิลเนอร์ จะซัดประตูให้ทีมขึ้นนำได้แล้ว กองกลาางหน้าเหลี่ยมยังป้อนบอลให้เพื่อนมีโอกาสกระทุ้งตาข่ายอีกถึง 4 ครั้ง ในเกมที่เอมิเรตส์ สเตเดี้ยม
กองกลาง - จอร์จอส คารากูนิส (ฟูแล่ม)
อายุอาจจะปาเข้าไป 35 ปี แต่เขาก็ยังมีดพอที่จะยิงลูกสุดสวยในเกมเสมอ วีแกน ทั้งนี้ คารากูนิส กดประตูให้กับต้นสังกัดมาแล้วในแมตข์เอฟเอ คัพ เมื่อสุดสัปดาห์ที่แล้ว ก่อนจะมาบวกเพิ่มให้กับตัวเองอีกหนึ่งตุง ด้วยลูกยิงสุดมหัศจรรย์ กับ "เดอะ ลาติกส์"
คุณรู้หรือไม่? : คารากูนิส เป็นผู้เล่นกรีซ คนที่ 8 ที่ยิงประตูได้ในเกมพรีเมียร์ ลีก
กองกลาง - แฟร้งค์ แลมพาร์ด (เชลซี)
แฟนบอล เชลซี เรียกร้องให้ แลมพาร์ด อยู่ช่วยทีมต่อไป แต่ดูเหมือนเจ้าตัวจะออกมาปฏิเสธความต้องการดังกล่าว มิดฟิลด์สัญชาติอังกฤษ เพิ่งซัดประตูที่ 194 ของตัวเองในนัดถล่มสโต๊ค 4-1 และเกมดังกล่าว ดาวเตะแห่งตำนานน่าจะทำแฮตทริกได้ด้วยซ้ำ จึงไม่มีข้อสงสัยเลยว่าทำไมเขาจึงเป็นหนึ่งในนักเตะยอดเยี่ยมประจำสัปดาห์นี้
คุณรู้หรือไม่? : แลมพาร์ด ซัดไปถึง 7 ลูก ในรอบ 8 เกมลีกที่เขาลงสนาม มีเพียง ฮาเวียร์ เอร์นานเดซ และ เอดิน เชโก้ ที่ทำได้หนือกว่าในการวัดเรทนาทีต่อนาทีในซีซั่นนี้เท่านั้น ทั้งนี้มิดฟิลด์ "สิงห์บลูส์" ยังมีค่าเฉลี่ยในการทำประตูทุก 99 นาทีอีกด้วย
กองกลาง - สเตฟาน แซสเซญง (ซันเดอร์แลนด์)
มาร์ติน โอนีล เคยพูดไว้ก่อนคริสมาสต์ว่า เมื่อไหร่ที่ แซสเซญง เค้นฟอร์มเก่งออกมา เมื่อนั้น "แมวดำ" ก็จะเดินหน้าเก็บชัยอย่างต่อเนื่อง ก็โอเค ถึงแม้เจ้าตัวยังไม่อาจขยับผลงานโดยรวมไปใกล้กับคำกล่าวของ โอนีล แต่จากเกมเมื่อสุดสัปดาห์ ดูเหมือนคำพูดของเฮดโค้ชไอร์แลนด์เหนือเริ่มมาถูกจุด เมื่อมิดฟิลด์ฝรั่งเศสโชว์ฟอร์มดุจเทพ พร้อมกับพาทีมไล่ถล่ม เวสต์แฮม 3-0
คุณรู้หรือไม่ ? - สเตฟาน แซสเซญง เป็นผู้เล่นที่ทำฟาล์วคู่แข่งมากเป็นอันดับสองในพรีเมียร์ลีก(51 ครั้ง) รองจาก สตีเว่น พีนาร์ (53 ครั้ง)
กองกลาง - ฆาบี การ์เซีย (แมนฯ ซิตี้)
น่าเสียดายที่ดาวเตะสแปนิช ถูก ยาย่า ตูเร่ คู่หูในแดนกลางบดบังรัศมีจนมิด อย่างไรก็ตามมิดฟิลด์ไอวอเรี่ยน เดินทางไปช่วยชาติทำศึกแอฟริกัน เนชั่นส์ คัพ จึงเป็นโอกาสทองของ การ์เซีย ในการปล่อยของอย่างเต็มที่ และเจ้าตัวก็แสดงมันออกมาแล้ว ในช่วงครึ่งเวลาแรกของเกมลีกล่าสุดทียกพลทุบอาร์เซน่อล ถึงแม้คู่แข่งจะเหลือ 10 ตัว แต่ใครจะไปสนใจล่ะ ในเมื่อไม่ใช่ความผิดของเขา
คุณรู้หรือไม่? : เขาลงสนามครบ 90 นาทีเต็มแค่ 2 เกมในรอบ 9 นัดหลังที่เล่นให้กับ ซิตี้ ในลีกเท่านั้น โดย 2 เกมดังกล่าว คือนัดชนะอาร์เซน่อล เมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา และแมตช์ที่พบกับ นิวคาสเซิ่ล
กองหน้า - โรเมลู ลูกากู (เวสต์บรอมวิช)
เป็นอีกเกมที่ยอดเยี่ยมของดาวยิงวัยรุ่น ถึงแม้ท้ายที่สุด "เดอะ แบ็กกี้ส์" จะกลับออกมาด้วยความพ่ายแพ้ แต่เจ้าตัวก็จัดการเหมาคนเดียว 2 ตุง จะว่าไปก็น่าเสียดายจากความผิดพลาดแบบบ้าๆของ โจนัส โอลส์สัน ปราการหลังเวสต์บรอมวิช จนเป็นที่มาของความหายนะของทีมในบั้นปลาย ถึงกระนั้นก็ยังมีคนพูดถึงฟอร์มอันร้อนแรงของ โรเมอู มากอยู่ดี
คุณรู้หรือไม่? : ดาวยิงเบลเยียม เป็นเพียงแข้งรายเดียวที่สามารถกดประตูได้สองตุง เมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา เท่ากับว่า ลูกากู ยิงไปแล้วถึง 6 จาก 8 เกมลีกที่ลงเล่นให้ "เดอะ แบ็กกี้ส์"