ผบก.ปอท.แถลงข่าวจับกุมผู้ต้องหาแบล็กเมล์รีดทรัพย์ 3 หมื่นบาทโดยการโพสต์รูปซั่มแฟนเก่าลงเฟซบุ๊ก
เมื่อวันที่ 6 มี.ค.ที่ผ่านมา เวลา 17.00 น. พล.ต.ต.พิสิษฐ์ เปาอินทร์ ผบก.ปอท.(กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี) พ.ต.อ.ศิริพงษ์ ติมุลา รอง ผบก.ปอท. พ.ต.อ.โอฬาร เอี่ยมประภาส ผกก.3 บก.ปอท. พร้อมเจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.3 บก.ปอท. ร่วมแถลงข่าวจับกุมผู้ต้องหาคือ นายไมตรี ชูวีระเดช อายุ 37 ปี อาชีพเซลส์ขายกระดาษยี่ห้อหนึ่ง อยู่บ้านเลขที่ 316 ถ.มไหสวรรย์ แขวงสำเหร่ เขตธนบุรี กรุงเทพฯ ตามหมายจับ ศาลอาญาธนบุรี ที่ 154/2556 ลงวันที่ 5 มีนาคม 2556 ซึ่งถูกจับกุมตัวในข้อหากรรโชก,รีดทรัพย์,หมิ่นประมาทด้วยการโฆษณา และความผิดฐานนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ปลอมหรือเป็นเท็จและมีลักษณะอันลามก และเผยแพร่หรือส่งต่อข้อมูลคอมพิวเตอร์ปลอมหรือเป็นเท็จและมีลักษณะอันลามก ได้บริเวณปั๊ม ปตท.ใกล้หน่วยบริการตำรวจทางหลวงเอกชัย ถ.พระราม2 อ.เมือง จ.สมุทรสาคร
พล.ต.ต.พิสิษฐ์กล่าวว่า สืบเนื่องมาจากเมื่อวันที่ 27 ก.พ. 56 ได้มีน.ส.เพรียว(นามสมมติ) อายุ 22 ปี นักศึกษามหาวิทยาลัยแห่งหนึ่งเข้าแจ้งความต่อพนักงานสอบสวน ว่าได้มีผู้นำรูปภาพการร่วมเพศของตนกับนายไมตรีซึ่งเป็นแฟนเก่าโพสต์ลงในเฟซบุ๊กจำนวน 2 ชื่อ ซึ่งเป็นเฟซบุ๊กที่สร้างขึ้นมาใช้ชื่อให้ตรงกับน.ส.เอมและแฟนใหม่ของน.ส.เอม แต่ทางน.ส.เอมและแฟนใหม่ยืนยันไม่ได้ทำการสร้างแต่อย่างใด
จากนั้นนายไมตรี(แฟนเก่าของ น.ส.เพรียว) ได้โทรศัพท์มาข่มขู่ว่าถ้าต้องการเลิกกับตนและให้ลบภาพออกจากเฟซบุ๊กให้โอนเงินไปให้จำนวน 30,000 บาท น.ส.เพรียวจึงทำการโอนเงินไปให้นายไมตรี ซึ่งน.ส.เพรียวเชื่อว่าเป็นการกระทำของนายไมตรี จึงได้มาแจ้งความร้องทุกข์ต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจกองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยีให้ช่วยติดตามจับกุมตัวผู้กระทำผิด จนนายไมตรีถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.3 บก.ปอท.จับกุมตัวได้บริเวณดังกล่าว
จากการสอบสวน นายไมตรีได้ให้การรับสารภาพว่าคลิปดังกล่าวตนเป็นผู้ถ่ายไว้จริง แต่การโพสต์ข้อความในเฟซบุ๊กและรายละเอียดอื่นๆจะขอให้การในชั้นศาลเท่านั้น
และในรายงานข่าวแจ้งว่า ขณะทำข่าวมีผู้หญิงคนหนึ่งอายุประมาณ 40 ปี ซึ่งอ้างตัวว่าเป็นพี่สาวของนายไมตรีได้ตะโกนโวยวาย ห้ามไม่ให้สื่อมวลชนทำข่าวตลอดเวลา พร้อมทั้งข่มขู่ว่าจะฟ้องร้องทุกสื่อมวลชนที่ลงข่าวน้องชายของตน เพราะถือว่าน้องชายยังไม่ได้มีความผิดเนื่องจากศาลยังไม่ตัดสิน โดยที่ไม่สนใจว่าผู้ต้องหาได้รับสารภาพแล้วก็ตาม

นายไมตรี ชูวีระเดช
ผู้ต้องหา