ประตูตีไข่แตกของ เบบราส นัตโช่ (ซ้าย) ช่วยให้ รูบิ้น คาซาน แอบมีลุ้นเล็ก ๆ ในการเฝ้ารังครั้งนี้หลังจากนัดแรกแพ้มา 1-3
Previous meetings
- นี่เป็นแมตช์ที่ 4 สำหรับ รูบิ้น คาซาน ในการเดินลงสนามวัดคมเกือกกับสโมสรผู้ดี โดยก่อนที่จะมาพลาดท่าให้ เชลซี 1-3 เมื่อสัปดาห์ก่อน ทีมม้ามืดจากแดนหมีขาวเคยอยู่ร่วมกลุ่มกับ สเปอร์ส ในฤดูกาล 2011/12 ซึ่งผลลัพธ์การดวล "ไก่เดือยทอง" อยู่ที่เสมอตัวเพราะผลัดกันแพ้-ชนะด้วยสกอร์ 1-0
- เชลซี ครองสถิติไร้มลทินในการรับมือสโมสรรัสเซี่ยน เพราะรวบชัยชนะเข้ากระเป๋า 5 นัดซ้อนทั้งเหย้า-เยือน (ชนะที่ สแตมฟอร์ด บริดจ์ 3 ครั้ง/ชนะที่ รัสเซีย 2 ครั้ง) โดยเกมรับ "สิงห์บลูส์" เสียแค่ 2 ประตูเท่านั้นในช่วงเวลาดังกล่าว
- ก่อนหน้านี้ เชลซี เคยบุกมาเยี่ยมเยียน ลุซห์นิกี้ มาแล้ว 2 หน ซึ่งในฤดูกาล 2010/11 ทีมมหาเศรษฐีเมืองผู้ดีบุกสอนเชิง สปาร์ตัก มอสโก 2-0 แต่ย้อนไปก่อนหน้านั้นไม่ใช่ความทรงจำที่ดีสักเท่าไรสำหรับ เชลซี เพราะชวดแชมป์ยุโรปที่สังเวียนแข้งแห่งนี้หลังจากเพลี่ยงพล้ำให้ แมนฯยูไนเต็ด แบบน่าเจ็บใจในช่วงของการดวลจุดโทษของศึกชิงดำฤดูกาล 2007/08
Match background
- รูบิ้น คาซาน พลาดท่าแค่ 3 หนเท่านั้นกับการเล่นเกมยุโรปในฐานะเจ้าบ้าน 22 หนก่อนหน้านี้ (ชนะ 10 เสมอ 9 แพ้ 3) ขณะที่ เชลซี แพ้ 3 จาก 4 ครั้งท้ายในการหวดบอลยุโรปนอกรัง
- ปีนี้ในรอบ 8 ทีมสุดท้ายของฟุตบอล ยูโรป้า ลีก เหลือตัวแทนจากพรีเมียร์ลีกถึง 3 ทีม ประกอบด้วย เชลซี, สเปอร์สและ นิวคาสเซิ่ล ซึ่งในสองฤดูกาลก่อนหน้านี้หากชาติใดมีสโมสรเล็ดรอดเข้ามาถึงรอบนี้ถึง 3 ทีม ท้ายที่สุดหนึ่งในสามสโมสรนั้นจะผงาดขึ้นครองแชมป์ดังเช่น ปอร์โต้ (2010/11) และ แอต.มาดริด (2011/12) ด้วยการปราบคู่แข่งจากชาติเดียวกันในรอบชิงดำทั้งสองปี
- จากสมาชิก 8 ทีมที่เหลืออยู่ มีเพียง เบนฟิก้ากับ เชลซี เท่านั้นที่ตีตั๋วเข้ามาร่วมศึก ยูโรป้า ลีก ด้วยโควต้าปลอบใจหลังจากตกรอบรายการใหญ่อย่าง ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ซึ่งทั้งสองทีมต่างหวังจะดำเนินรอยตาม แอต.มาดริด ที่ลดตัวมาเล่นทัวร์นาเมนต์รองในฤดูกาล 2009/10 แต่สุดท้ายก็ได้แชมป์เป็นรางวัลปลอบใจ