เมื่อ 10 ปีที่แล้วมีการค้นพบซากสิ่งมีชีวิตรูปร่างประหลาดที่ทะเลสาบอาตาคามาในประเทศเปรู ซึ่งสร้างความพิศวงให้กับผู้คนทั่วโลก เพราะซากปริศนาที่ว่านี้มีลักษณะคล้ายศพแห้งกรังหนังติดกระดูกแบบเดียวกับศพมนุษย์ แต่กลับมีขนาดความยาวเพียง 6 นิ้ว นอกจากนี้ยังมีรูปทรงกะโหลกศีรษะที่บิดเบี้ยวเป็นรูปยาวรี เหมือนสิ่งมีชีวิตนอกโลกที่ปรากฏในภาพยนตร์
ซากประหลาดตัวนี้ได้รับการขนานนามว่า “อมนุษย์แห่งอาตาคามา” หรือเรียกสั้นๆว่า “อาตา” และหลังจากการค้นพบได้เกิดทฤษฎีมากมายเพื่ออธิบายที่มาที่ไปและตัวตนที่แท้จริงของอมนุษย์ตนนี้ แน่นอนว่ารูปลักษณ์ที่คล้ายกับเอเลี่ยน จึงทำให้เกิดคำอธิบายในทำนองว่าซากร่างนี้คือมนุษย์ต่างดาวที่เสียชีวิตหลังจากยานอวกาศตกลงบนพื้นโลก อย่างไรก็ตามยังมีคำอธิบายระบุว่าเป็นซากของลิง หรือซากทารกของมนุษย์ที่ร่างกายถูกทำให้บิดเบี้ยวจนดูไม่ออก บางกระแสก็โจมตีว่าเป็นของปลอมที่ทำขึ้นเพื่อหลอกลวงชาวโลก
ล่าสุด นักวิทยาศาสตร์จากมหาวิทยาลัยสแตนฟอร์ดของสหรัฐ ได้ตรวจสอบอาตาอย่างละเอียดเป็นเวลานานถึง 6 เดือน โดยเอกซเรย์ ทำซีทีสแกน พบว่าภายในร่างกายยังหลงเหลือส่วนที่เป็นปอดและหัวใจส่วนภายนอกปรากฏซี่โครง 9 แถว และฟันที่ค่อนข้างแข็งแรง เมื่อทำการผ่าตัดบางส่วนจนได้ตัวอย่างดีเอ็นเอจากไขกระดูก ซึ่งผลจากดีเอ็นเอพบว่าที่แท้อาตาคือซากศพของมนุษย์ แต่เป็นมนุษย์ที่มีลักษณะกลายพันธุ์ที่พิเศษไม่เหมือนใคร อีกทั้งยังไม่ใช่ซากของทารกเพราะจากการตรวจสอบพบว่าอาตามีชีวิตรอดหลังการให้กำเนิด เพราะพบการทำงานของระบบทางเดินหายใจ รวมถึงการย่อยอาหาร และน่าจะมีอายุราว 6-8 ปีก่อนที่จะเสียชีวิตในที่สุด และถึงแม้ว่าจะเป็นที่แน่ชัดแล้วว่าอาตาคือมนุษย์ที่มีร่างกายพิกลพิการ แต่ก็ยังมีปริศนาที่ไม่อาจคลี่คลาย นั่นคือเหตุใดมนุษย์รายนี้จึงมีร่างเล็กจิ๋วเพียง 6 นิ้ว ทั้งยังมีอายุยืนนานถึง 8 ปี ซึ่งเป็นเรื่องที่ผิดปกติอย่างมาก ทำให้นักวิทยาศาสตร์อดสงสัยไม่ได้ว่า ตอนที่เพิ่งลืมตาดูโลก อาตาน่าจะมีขนาดตัวเล็กกว่านี้มาก
ทั้งนี้ จากข้อมูลของหนังสือพิมพ์ในชิลีบุคคลที่พบซากอาตาคือชายที่ชื่อ ออสการ์ มูนอซ ซึ่งเดินทางไปค้นหาของเก่าในเมือง ลา โนเรีย ที่ถูกทิ้งร้างกลางทะเลทรายอาตาคามา เมื่อวันที่ 19 ต.ค. 2003 โดยแรกพบนั้นซากประหลาดถูกเก็บไว้ในห่อผ้าสีขาว ซุกซ่อนอยู่ในโบสถ์ร้าง
GothTa
26 / 04 / 2013 16:41