ดอร์ทมุนด์เคยบุกชนะที่แดนกระทิงดุหนเดียวจาก 10 ทริป ทว่าพัฒนาการด้านบวกคือพวกเขายังไม่แพ้ เรอัล หลังพบกันไปแล้ว 3 หนในซีซั่นนี้
เมื่อสัปดาห์ก่อน คริสเตียโน่ โรนัลโด้ มิอาจฉลองประตูที่ 50 ของตัวเองบนเวที ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ได้แบบเต็มเม็ดเต็มหน่วยนัก เพราะหลังจากสตาร์โปรตุกีสกดประตูตีเสมอให้ เรอัล มาดริด ในช่วงก่อนหมดครึ่งแรก 2 นาที แต่มา 45 นาทีหลังกลับเป็นโชว์ของ "เสือเหลือง" ล้วน ๆ ก่อนที่ทีมรวมดาราโลกแห่งศึก ลา ลีกา จะพ่ายยับ 1-4
- ซีซั่นนี้ ดอร์ทมุนด์ เคยชิมลางบุกมาเยือน ซานติอาโก้ เบร์นาเลว แล้วหนหนึ่งในรอบคัดเลือก ซึ่งคราวนั้นลูกทีมของ เจอร์เก้น คล็อปป์ ทำสามแต้มหลุดมือไปแบบน่าเสียดาย เพราะรักษาสกอร์นำอยู่กว่า 89 นาทีจากการยิงของ มาร์โก รอยส์และการทำเข้าประตูตัวเองของ อัลบาโร่ อาร์เบลัว แต่สุดท้าย เรอัล มาดริด ได้ เมซุต โอซิล ยิงฟรีคิกกู้หน้าให้รอดความพ่ายแพ้คาถิ่นไปได้แบบหวุดหวิดก่อนหมดเวลานาทีเดียว
- เทียบชั่วโมงบินระหว่างสองทีมถือว่า เรอัล มาดริด เก๋าเกมกว่ามากสำหรับรอบลึก ๆ เพราะขณะที่ ดอร์ทมุนด์ กำลังลุ้นตีตั๋วเข้าชิงเป็นหนที่สองของประวัติศาสตร์สโมสร แต่ฝั่ง "ราชันชุดขาว" เคยสัมผัสบรรยากาศรอบชิงดำมาแล้วครบโหลพอดิบพอดี
- อย่างไรก็ตามเวลานี้สถานการณ์ของ มาดริด คับขับเหลือเกินหลังจากแพ้มา 1-4 ซึ่งก่อนหน้านี้บนหน้าประวัติของศึก ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก มีเพียง เดปอร์ติโบ ลา กอรุนญ่า รายเดียวที่สามารถโกงความตายได้จากสกอร์ที่เสียเปรียบห่างขนาดนี้ โดย "ซูเปอร์เดปอร์" แพ้เลกแรกที่ อิตาลี 1-4 ก่อนกลับมาทวงในบ้านแบบทบต้นทบดอกด้วยสกอร์ 4-0 พร้อมพลิกคดีเข้ารอบไปแบบเหลือเชื่อ
Past meetings
- เรอัล มาดริด เคยผ่าน ดอร์ทมุนด์ ในรอบตัดเชือกเมื่อฤดูกาล 1997/98 ก่อนทะยานขึ้นครองแชมป์ในบั้นปลาย โดยคราวนั้น "ชุดขาว" ภายใต้ความดูแลของเทรนเนอร์ จุ๊ปป์ ไฮย์นเกส ปราบ "เสือเหลือง" ด้วยประตูรวม 2 นัด 2-0 ซึ่งเกิดขึ้นจากผลลัพธ์การเฝ้ารังและบุกเจ๊าแบบไร้สกอร์ที่เมืองเบียร์ สำหรับคนทำประตูของ มาดริด คือ เฟร์นันโด มอริเอนเตสและ คริสเตียน การอมเบอ ส่วน มิชาเอล ซอร์ก นักเตะ ดอร์ทมุนด์ ชุดดังกล่าวปัจจุบันก้าวขึ้นไปเป็นผู้อำนวยการกีฬาเป็นที่เรียบร้อย
- หนถัดมา มาดริด ก็ยังเป็นฝ่ายย้ำแค้น ดอร์ทมุนด์ อีกครั้งหลังจากโคจรมาพบกันในรอบแบ่งกลุ่ม รอบสอง ฤดูกาล 2002/03 โดย ราอูล กอนซาเลซกับ โรนัลโด้ ช่วยกันซัดคนละเม็ดพาต้นสังกัดแซงชนะ 2-1 ภายหลังที่ แยน โคลเลอร์ ยิงให้ "เสือเหลือง" ขึ้นนำก่อน
-ส่วนเลกสองที่ เยอรมัน ทางศูนย์หน้าร่างยักษ์ชาวสาธารณรัฐเช็กก็ฝากชื่อบนสกอร์บอร์ดพา ดอร์ทมุนด์ ออกนำได้อีกครั้ง แต่สุดท้ายต้องฝันสลายเพราะโดนทีเด็ดของ ฮาเบียร์ ปอร์ตีโญ่ ตีเสมอ 1-1 ให้ "ราชันชุดขาว" ช่วงทดเวลาบาดเจ็บ ทำให้ มาดริด แซงเข้าป้ายพร้อมเข้ารอบไปแบบโกงความตายในฐานะทีมอันดับ 2 โดยมีคะแนนมากกว่า ดอร์ทมุนด์ หนึ่งแต้ม
Match background
- ฤดูกาลนี้ ดอร์ทมุนด์ ยังไม่แพ้เกมยุโรปนัดเยือนสักหนจากสถิติ ชนะ 1 เสมอ 4 ส่วน เรอัล มาดริด ชนะ 3 เสมอ 2 จากการเล่นที่ เบร์นาเบว 5 ครั้งและแพ้เกม แชมเปี้ยนส์ ลีก คาบ้านเพียงหนเดียวเท่านั้นจากทั้งหมด 17 นัดนับตั้งแต่ได้ โชเซ่ มูรินโญ่ มากุมบังเหียนเมื่อ 3 ฤดูกาลก่อน
- สถิติ เรอัล มาดริด ในการเปิดรังเผชิญหน้ากับทีมเยอรมันคือ ชนะ 18 เสมอ 4 แพ้ 2 โดย บาเยิร์น มิวนิค เป็นทีมเดียวจากเวทีบุนเดสลีก้าที่สามารถบุกยัดเยียดความปราชัยให้ "ราชันชุดขาว" ได้ถึง เบร์นาเบว (ปี 2000, 2001)
- ดอร์ทมุนด์มีสถิติไม่สู้ดียามมาเยือนแดนกระทิงดุ เพราะชนะแค่หนเดียวจาก 10 นัด, เสมอ 4 แพ้ 5 โดยความสำเร็จหนึ่งเดียวของ "เสือเหลือง" บนดินแดนคนสู้วัวต้องย้อนไปรอบแบ่งกลุ่มของรายการนี้เมื่อฤดูกาล 1996/97 ซึ่งตัวแทนเมืองเบียร์บุกปราบ แอธเลติก บิลเบา 1-0 ก่อนก้าวถึงแชมป์ในบั้นปลาย
- สำหรับสถิติการเล่นรอบน๊อคเอาท์ของ เรอัล มาดริด กับสโมสรเยอรมันในการแข่งขันทุกรายการของ ยูฟ่า อยู่ที่ ชนะ 11 แพ้ 7 ส่วนประวัติของ ดอร์ทมุนด์ กับทีม ลา ลีกา คือ ชนะ 4 แพ้ 2