แนะนำทีม : อิตาลี

พรีวิว
อิตาลีชุดนี้ยังมี เชซาเร่ ปรันเดลลี่ เป็นผู้จัดการทีม ดังนั้นนักเตะที่เรียกมาใช้งานส่วนใหญ่จะเป็นขาประจำที่ลุยศึกยูโร 2012 มาด้วยกัน อย่างไรก็ตามฤดูกาลที่ผ่านมามีดาวรุ่งเติบโตขึ้นมาหลายราย ขณะเดียวกันผู้เล่นตัวเก๋าบางคนก็มีอาการบาดเจ็บหรือฟอร์มตกเล่นงานจึงหลุดออกจากทีมไป ทว่าตัวที่ขึ้นมาทดแทนนอกจากประสบการณ์แล้ว คุณสมบัติที่เหลือก็ดีพอที่จะก้าวขึ้นมาเป็นขุนพลอัซซูร์รี่เต็มตัว
ด้วยความเป็นอิตาลี เกมรับยังคงเป็นจุดเด่นในทัวร์นาเมนต์นี้ โดยแผงหลังที่น่าจะเป็นจุดอ่อนดูทรงคงเป็นแบ็กซ้ายที่ไม่มีทั้ง โดเมนิโก้ คริสซิโต้ ที่หลุดออกจากทีมไปนานแล้วเนื่องจากมีอาการบาดเจ็บรบกวน ขณะที่ บัลซาเร็ตติ จากค่ายโรม่าก็ไม่ถูกโค้ชหยิบมาด้วย ถ้าให้เดาใจคาดว่า ปรันเดลลี่ จะขยับ คิเอลลินี่ ไปเล่นแทน หรือไม่อาจมีเซอร์ไพรส์ใช้ เด ชีโญ่ ดาวรุ่งที่เด่นเหลือเกินกับมิลานในปีนี้ออกสตาร์ทเป็นตัวหลักไปเลย
ส่วนอีกจุดที่น่าสนใจคงหนีไม่พ้นแดนหน้าที่ศึกนี้เลือกมาแค่ 4 คน ซึ่งเซอร์ไพรส์อยู่ที่การกลับมาติดโผของ อัลแบร์โต้ จิลาร์ดิโน่ กองหน้าโบโลญญ่า หัวหอกตัวเป้าที่ไม่ได้อยู่ในช่วงสุดยอดแล้ว การเอาชนะตัวเลือกอื่นที่ดีกว่ามาได้ของอดีตกองหน้ามิลาน น่าจะเป็นฟอร์มที่คงเส้นคงวา และเป็นแท็กติกของโค้ชที่ต้องการตัวเก็บบอลเพื่อเพิ่มทางเลือกในการเข้าทำที่หลากหลายขึ้น เพราะอีก 3 ตัวที่เหลือ บาโล, ชาราวี และ โจวินโก้ ล้วนเป็นพวกตัวจี๊ดและถนัดเรื่องการลากเข้าไปยิงมากกว่า
นักเตะที่น่าจับตามอง

สเตฟาน เอล ชาราวี กองหน้าดาวรุ่งพุ่งแรงของ เอซี มิลาน คือตัวเลือกที่น่าจับตามองของอิตาลีในทัวร์นาเมนต์นี้ เอล ชาราวี เป็นนักเตะที่มีทั้งความรวดเร็วและความแข็งแกร่ง ผลิตสกอร์ได้อย่างมหาศาลในฤดูกาลนี้ โดยทั้งหมด 37 นัดเจ้าตัวกดให้ทีมไปถึง 16 ประตู ช่วยให้มิลานคว้าอันดับ 3 พาทีมไปแชมเปี้ยนส์ลีกเรียบร้อย
จากผลงานกับต้นสังกัดที่ยอดเยี่ยมทำให้ เชซาเร่ ปรันเดลลี่ ผู้จัดการทีมชาติอิตาลียกย่องว่า "เอล ชาราวี คือต้นแบบของหัวหอกยุคใหม่อย่างแท้จริง นอกจากนี้เขายังเป็นคนที่ถ่อมเนื้อถ่อมตัว และนี่แหละคือสิ่งที่ทำให้เขาเอาชนะใจโค้ช"
ฉายา : อัซซูร์รี่ (เดอะ บลูส์)
อันดับฟีฟ่า : 8
กัปตันทีม : จานลุยจิ บุฟฟ่อน
ดาวซัลโวประจำทีมชุดนี้ : อัลแบร์โต้ จิลาร์ดิโน่ (18 ประตู)
เข้าร่วมแข่งขันมาแล้ว : 1 ครั้ง
เข้าร่วมการแข่งขันในฐานะ : รองแชมป์ยูโร 2012 (สเปนแชมป์ยูโรใช้สิทธิ์แชมป์โลก 2010)
ผู้จัดการ : เชซาเร่ ปรันเดลลี่ , อายุ 55 ปี , สัญชาติ อิตาลี
ทีมที่มีชื่อเสียงที่เคยรับงาน :
- ปาร์ม่า 2002-04
- โรม่า 2004
- ฟิออเรนติน่า 2005-10
สไตล์ทีม
ปรันเดลลี่ พยายามอย่างหนักในการเคี่ยวอิตาลีชุดนี้ให้เล่นในสไตล์ที่ต้องการ ระบบการเล่น 4-3-1-2 แบ็กโฟร์สี่ตัวลงล็อคแล้ว ใช้คู่หู"เบียงโคเนรี่" อย่าง อันเดรีย บาร์ซาญี่ , โบนุชชี่ ยืนเซ็นเตอร์ มี มาจโจ้ และ จอร์โจ้ คิเอลลินี่ ยืนฟูลแบ็กทั้งสองฝั่ง ขณะที่แดนกลาง ปรันเดลลี่ ให้อิสระในการเล่นกับ ปิร์โล่ เน้นไปที่การครองบอลจากเท้าสู่เท้า ความแน่นอนคือสิ่งที่ ปรันเดลลี่ ต้องการจากทีมชุดนี้ ขณะที่คู่กองหน้ายังเป็นปัญหาที่แก้ไม่ตกเนื่องจากยังไม่มีคู่หัวหอกตายตัว แต่มีแนวโน้มว่า มาริโอ บาโลเต็ลลี่ จะเป็นตัวเลือกแรกโดยมี เอล ชาราวี หรือ เซบาสเตียน โจวินโก้ สลับกันลงสนาม
วิเคราะห์ จุดแข็ง / จุดอ่อน
จุดแข็ง : แน่นอนอย่างที่ทราบกันว่า อิตาลี เป็นทีมที่มีชื่อเสียงในเรื่องเกมรับ ขุนพลอัซซูร์รี่เวอร์ชั่น 2013 ก็ยังคงไม่ทิ้งสไตล์ของตัวเอง ผู้เล่นในแนวรับยกชุดมาจากศึกยูโร 2012 ชื่อชั้นผู้เล่นและประสบการณ์ในเกมระดับสูงไม่ต้องพูดถึง อีกทั้งความเข้าใจในเกมที่ถือเป็นส่วนสำคัญในตำแหน่งนี้ก็มีค่อนข้างมาก เนื่องจากส่วนใหญ่เล่นมาด้วยกันอย่างต่อเนื่อง อีกทั้ง 3 ใน 4 แบ็กโฟร์ที่คาดว่าน่าจะออกสตาร์ทเป็นตัวจริงก็มาจากสโมสรเดียวกัน
นอกจากนี้มิดฟิลด์ตัวรับของพวกเขาก็ช่วยงานได้มาก เด รอสซี่ และ มาร์คิซิโอ้ สอดประสานเรื่องความดุดันและความขยันจนเรียกได้ว่าช่วยชะลอบอลที่จะมาถึงแผงหลังได้เยอะ กว่าบอลจะลำเลียงมาถึงปากประตู คู่แข่งต้องเจอกับปราการเหล็กนับไม่ถ้วน จึงไม่แปลกใจอะไรที่อิตาลีจะมีสถิติเสียประตูน้อยมากในทัวร์นาเมนต์ใหญ่ๆ
จุดอ่อน : อิตาลี มักมีผู้เล่นระดับเวิร์ลคลาสในแนวรับขึ้นมาทดแทนอย่างต่อเนื่อง ในทางตรงกันข้ามบรรดาตัวรุกกลับค่อนข้างขาดแคลน เช็คชื่อ 4 กองหน้าที่ ปรันเดลลี่ หิ้วมาด้วย พูดตรงๆยังไม่มีใครที่เรียกได้ว่าระดับโลกจริงๆเลย เอล ชาราวี แรงขึ้นมาแต่ยังไม่พิสูจน์อะไรได้มาก ขณะที่ โจวินโก้ แต่ยึดตัวหลักในยูเวนตุสยังทำไม่ได้เลย ส่วน จิลาร์ดิโน่ ที่น่าจะดูมีภาษีหน่อยเพราะเคยประสบความสำเร็จกับมิลานมาแล้วก็ไม่ได้อยู่ในช่วงสุดยอด เกมระดับชาติก็ไม่ใช่เวทีที่เจ้าตัวสร้างผลงานที่น่าประทับใจไว้
แล้วถ้าคนบอกก็ บาโลเตลลี่ ไง จริงอยู่ว่าเกรียนโอ้ เป็นนักเตะที่มีพรสวรรค์ แต่กระแสของนักเตะรายนี้กลับอยู่ที่เรื่องนอกสนามมากกว่าผลงานในพื้นหญ้าสีเขียว หอกจอมกวนรายนี้ยังเทียบไม่ติดกับ คริสเตียน วิเอรี่, โรแบร์โต้ บาจโจ้, ฟรานเชสโก้ ต๊อตติ หัวหอกรุ่นพี่ ว่าง่ายๆก็คือหากเพื่อนร่วมไม่ชงมาให้ ก็ยากที่ บาโลเตลลี่ คนเดียวจะพลิกเกมด้วยตัวของตัวเองได้เลย
รายชื่อ 23 คน
ผู้รักษาประตู: จานลุยจิ บุฟฟ่อน (ยูเวนตุส), ซัลวาตอเร่ ซิริกู (เปแอสเช), เฟเดริโก้ มาร์เค็ตติ (ลาซิโอ)
กองหลัง: อินญาซิโอ้ อบาเต้ (เอซี มิลาน), อันเดรีย บาร์ซาญี่ (ยูเวนตุส), เลโอนาร์โด้ โบนุชชี่ (ยูเวนตุส), จอร์โจ้ คิเอลลินี่ (ยูเวนตุส), คริสเตียน มาจโจ้ (นาโปลี), ดาวิเด้ อัสโตรี่ (กายารี่), มัตเตีย เด ชีโญ่ (เอซี มิลาน)
กองกลาง: ดานิเอเล่ เด รอสซี่ (อาแอส โรม่า), อเลสซานโดร เดียมานติ (โบโลญญ่า), เอมานูเอเล่ จัคเครินี่ (ยูเวนตุส), เคลาดิโอ มาร์คิซิโอ (ยูเวนตุส), ริคคาร์โด้ มอนโตลิโว่ (ฟิออเรนติน่า) อันเดรีย ปีร์โล่ (ยูเวนตุส), อัลแบร์โต้ อาควิลานี่ (ฟิออเรนติน่า), อันโตนิโอ กานเดรว่า (ลาซิโอ), อเลสซิโอ แซร์ชี่ (โตริโน่)
กองหน้า: มาริโอ บาโลเตลลี่ (เอซี มิลาน), เซบาสเตียน โจวินโก้ (ยูเวนตุส), สเตฟาน เอล ชาราวี (เอซี มิลาน), อัลแบร์โต้ จิลาร์ดิโน่ (โบโลญญ่า)
รายชื่อ 11 ตัวจริงที่คาด
อิตาลี (4-3-3) : จานลุยจิ บุฟฟ่อน - คริสเตียน มาจโจ้, อันเดรีย บาร์ซาญี่ , จอร์โจ้ คิเอลลินี่, เฟเดริโก้ บัลซาเร็ตติ - ดานิเอเล่ เด รอสซี่ , อันเดรีย ปีร์โล่, เคลาดิโอ มาร์คิซิโอ - เซบาสเตียน โจวินโก้, มาริโอ บาโลเตลลี่, สเตฟาน เอล ชาราวี
ตารางคะแนน

โปรแกรมการแข่งขัน

ญี่ปุ่น
เส้นทางสู่คอนเฟดเดอเรชั่น คัพ
หลังจากห่างหายในเวทีคอนเฟดเดอเรชั่น คัพ มากว่า 8 หรือตั้งแต่ปี 2005 มาคราวนี้ "นักสู้เลือดบูชิโด" กลับมาผงาดในศึกแชมป์ชนแชมป์ เพื่อหาทีมที่ดีเก่งที่สุดในโลกอีกครั้ง โดยญี่ปุ่น ได้สิทธิ์ในฐานะแชมป์เอเชีย หรือเอเชี่ยน คัพ 2011 ที่กาตาร์ ด้วยการพิชิตคู่รักคู่แค้นอย่างเกาหลีใต้ในรอบรองชนะเลิศ ก่อนจะสยบออสเตรเลีย ในรอบชิงชนะเลิศ จากประตูชัยช่วงต่อเวลาพิเศษของ ทาดานาริ ลี ส่งให้ทีมจากแดนปลาดิบกลับมาทวงจ้าวเอเชียเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ปี 2004
นักเตะที่น่าจับตามอง : เคซูเกะ ฮอนดะ 
จริงๆญี่ปุ่นยุคโมเดิร์น อุดมไปด้วยนักเตะฝีเท้าร้ายกาจเกือบครบทุกตำแหน่ง โดยเฉพาะในบรรดามิดฟิลด์ตัวรุกซึ่งผุดขึ้นมาเป็นดอกเห็ด พร้อมกับสร้างความหนักใจต่อผู้จัดการทีม ว่าจะส่งใครลงสนามในแนวรุก แต่ตัวเลือกอันดับแรกที่เราจะต้องเห็นอยู่ในทีมชุดใหญ่ก็คงหนีไม่พ้น เคซูเกะ ฮอนดะ ซึ่งเจ้าตัวจะได้รับบทบาทที่เด็กๆญี่ปุ่นหลายคนไฝ่ฝั่นจะเล่นก็คือ กองกลางตัวรุก หรือกองหน้าตัวต่ำ
ขนาดชินจิ คางาวะ ที่ว่าแน่ๆ ยังต้องหลีกทางไปยืนตรงริมเส้น ก็แน่นอนว่า ฮอนดะ คือแข้งหมายเลขหนึ่งของทีมจากแดนปลาดิบในเวลานี้ จะว่าไปก็น่าเสียดาย เพราะจอมทัพเท้าซ้าย เลือกไปค้าแข้งในลีกรัสเซีย ทำให้แฟนบอลทั่วโลกไม่มีโอกาสยลโฉมฝีเท้าของฮอนดะ มากเท่าที่ควร ส่วนจุดเด่นของเจ้าตัว ก็น่าจะหนีไม่พ้นฟรีคิกอันทรงพลัง ยิงไกล การจ่ายบอลทะลุช่อง และการสอดขึ้นไปทำประตู
ฉายา : เลือดบูชิโด, ปลาดิบ, บลู ซามูไร
อันดับฟีฟ่า : 32
กัปตันทีม : มาโกโตะ ฮาซาเบะ
ติดทีมชาติมากที่สุด : ยาซูฮิโตะ เอ็นโดะ (129 นัด)
ดาวซัลโวสูงสุดในปัจจุบัน : ชินจิ โอกาซากิ (63 นัด 33 ประตู)
ประวัติการเข้าร่วมรายการนี้ : 4 ครั้ง (2001, 20003, 2005 และ2013)
ผลงานที่ดีที่สุดในรายการนี้ : รองแชมป์ปี 2001
ผลงานดีที่สุดในทัวร์นาเมนต์ระดับฟีฟ่า : เหรีญทองแดงโอลิมปิก 1968 ที่เม็กซิโก, รองแชมป์ฟุตบอลโลก ยู-20 1999 ที่ไจีเรีย, รอบ 8 ทีม สุดท้ายฟุตบอลโลก ยู-17 2011 ที่เม็กซิโก
ผู้จัดการทีมคนปัจจุบัน : อัลแบร์โต้ ซัคเคโรนี่
เป็นเหมือนกับบรรดายอดผู้จัดการทีม ซึ่งไม่ประสบความสำเร็จในระดับนักเตะอาชีพ แต่มาเอาดีทางสายงานโค้ช ซัคเคโรนี่ ต้องยุติชีวิตการค้าแข้งด้วยวัยไม่ถึง 30 ปี เพราะโดนอาการบาดเจ็บรุมเร้า ก่อนจะพลิกบทบาทมาประเดิมงานกุนซือครั้งแรกกับทีมเล็กๆในเซเรีย ดี อย่าง เซเซนาติโก้ ในปี 1983 จากนั้น ซัคเคโรนี่ ก็พัฒนาฝีไม้ลายมือการคุมทัพขึ้นมาเรื่อยๆ ก่อนจะได้ลิ้มลองความท้าทายกับสโมสรใหญ่อย่าง อูดิเนเซ่ ในปี 1995 พร้อมกับพาต้นสังกัดบินสูงถึงอันดับ 3 ในอีก 2 ปีถัดมา (ฤดูกาล 1997-98) กับผลงานอันโดดเด่น เทรนเนอร์หนุ่มจึงวนเวียนอูยู่กับการกุมบังเหียนทีมใหญ่นับแต่นั้นมา โดยประสบการณ์กับทีมบิ๊กเนมอย่าง เอซี มิลาน, ลาซิโอ, อินเตอร์ มิลาน และยูเวนตุส ก่อนจะมาหาประสบการณ์กับทีมชาติในเอเชีย อย่างญี่ปุ่น ในปัจจุบัน สไตล์ทีม
รูปแบบการเล่นของญี่ปุ่น ก้าวหน้ากว่าทีมอื่นๆในเอเชีย โดยมีสไตล์ภาคพื้นยุโรปเข้ามาประยุต์ "บลู ซามูไร" จะเล่นกันง่าย ออกบอลเร็ว ไม่เก็บบอลไว้กับตัวนาน หรือเรียกว่า all field playing (ออกบอลทั่วทุกพื้นที่ของสนาม) ซึ่งเป็นแบบแผนของพวกเขาที่บ่มเพาะกันมาตั้งแต่ชุดเยาวชน ในระบบ 4-2-3-1
นอกจากนี้ "ปลาดิบ" ยังยืดหยุ่นการเล่นได้หลากหลาย ขึ้นอยู่กับว่าพวกเขาเจอคู่ต่อสู้ระดับไหน หากเผชิญกับคู่แข่งที่มาตรฐานเหนือกว่า อย่างในฟุตบอลโลก ทางญี่ปุ่น ก็จะเน้นเพรสซิ่งตั้งแต่หน้าปากประตูตัวเองถึงครึ่งสนาม รอตัดบอลจากคู่ต่อสู้แล้วโต้กลับอย่างฉับพลัน แต่ถ้าเจอกับทีมระดับเดียวกันหรืออ่อนชั้นกว่าอย่างในเอเชี่ยน คัพ หรือในศึกคัดบอลโลก แชมป์เอเชีย ก็จะกดดันคู่แข่งตั้งแต่กลางสนามถึงปากประตูฝั่งตรงข้าม ใช้ลูกสั้นที่แม่นยำเข้าโจมตี รอเวลาคู่ต่อสู้เปิดช่องว่าง ก่อนจะเผด็จศึก
วิเคราะห์จุดแข็ง-จุดอ่อน
จุดแข็งแน่นอนว่าทุกคนต้องพุ่งไปที่กองกลาง เพราะ "บลู ซามูไร" อุดมไปด้วยมิดฟิลด์ระดับเวิลด์-คลาส แถมยังมีตัวเลือกล้นทีม การเล่นลูกสั้นอันแม่นยำ ออกบอลเร็ว จับอลหนึ่งจังหวะ และก็จ่ายให้เพื่อน สังเกตุเห็นได้ว่า การขึ้นเกมของแชมป์ เอเชีย จะส่งผลเท้าต่อเท้าค่อนข้างแม่น ไม่เสียบอลง่ายๆ อีกจุดเด่นของนักเตะญี่ปุ่นก็คือสปีด ซึ่งตรงนี้ถือเป็นสิ่งสำคัญอันดับแรกเลยเลยว่า นักเตะคนไหนจะได้เล่นในทีมชาติหรือไม่ จึงไม่แปลกว่าทำไมแข้ง "แดนปลาดิบ" สปีดจึงเร็วจี๋ทุกราย ส่วนความฟิตก็เป็นอีกจุดที่ญี่ปุ่นค่อนข้างเหนือกว่าชาวบ้าน
จุดอ่อนของพวกเขาก็คงหนีไม่พ้นการปิดสกอร์ หรือกองหน้าจอมถล่มประตู ซึ่งในหลายๆเกม "ปลาดิบ" ต้องอาศัยกองกลางสอดขึ้นมาระเบิดตาข่าย อาจจะเป็นเพราะด้วยแท็คติก ที่ใช้ระบบกองหน้าตัวเดียว บทบาทของตัวจบสกอร์จึงค่อนข้างน้อย เพราะถูกแนวรับคู่แข่งรุมทึ้ง ดังนั้นหากวันไหนกองกลางของ "บลู ซามูไร" ครองบอลไม่ได้ วันนั้นญี่ปุ่นก็นิ่งสนิท สังเกตุได้ว่าถ้ายอดทีมจากเอเชีย เจอแผงมิดฟิลด์แกร่งๆของคู่แข่ง อย่างทีมในแอฟริกา หรือในยุโรป "ยุ่น" ถึงกับต้องถอยกรูดลงมาตั้งรับ และแน่นอนว่า กองหน้าของญี่ปุ่น ก็จะหายไปจากเกมโดยสิ้นเชิง
อดีตดาวดังของทีม : คาซูโยชิ มิอูระ, ชุนสุเกะ นากามูระ, ฮิเดโตชิ นากาตะ
รายชื่อ 23 ผู้เล่น 
ผู้รักษาประตู: เอจิ คาวาชิมะ (สตองดาร์ ลีแอช/เบลเยียม), ซูซากุ นิชิกาวะ (ฮิโรชิมา ซานเฟรซ), ชูอิจิ กอนดะ (เอฟซี โตเกียว)
กองหลัง : ยาซูยูกิ คอนโนะ (กัมบะ โอซากะ), ยูโซ คูริฮาระ (โยโกฮาม่า มารินอส), มาซาฮิโกะ อิโนอะ (จูบิโล อิวาตะ), ยูโตะ นากาโตโมะ (อินเตอร์ มิลาน/อิตาลี), อัตสึโตะ อูชิดะ (ชาลเก้/เยอรมัน), มายะ โยชิดะ (เซาท์แฮมป์ตัน/อังกฤษ), ฮิโรกิ ซากาอิ (ฮันโนเวอร์/เยอรมัน), โกโตกุ ซากาอิ (สตุ๊ตการ์ต/เยอรมัน)
กองกลาง : ยาซูฮิโตะ เอ็นโดะ (กัมบะ โอซากะ), เคนโงะ นากามูระ (คาวาซากิ ฟรอนตาเล่), มาโคโตะ ฮาเซเบะ (โวล์ฟบวร์ก/เยอรมัน), ฮาจิเมะ โฮโซกาอิ (เลเวอร์คูเซ่น/เยอรมัน), เคซึเกะ ฮอนดะ (ซีเอสเคเอ มอสโก/รัสเซีย), ฮิเดโตะ ทาคาฮาชิ (เอฟซี โตเกียว), ทากาชิ อินูอิ (แฟรงค์เฟิร์ต/เยอรมัน), ชินจิ คางาวะ (แมนฯ ยูไนเต็ด/อังกฤษ), ฮิโรชิ คิโยทาเกะ (เนิร์นแบร์ก/เยอรมัน)
กองหน้า: เรียวอิชิ มาเอดะ (จูบิโล อิวาตะ), ชินจิ โอกาซากิ (สตุ๊ตการ์ต/เยอรมัน), ไมค์ ฮาเวนนาร์ (วิเทสต์/ฮอลแลนด์)
คิวเตะ

13 / 06 / 2013 17:36