ฟุตบอล พรีเมียร์ลีก อังกฤษ
ฟุตบอลพรีเมียร์ลีก อังกฤษ
ลิเวอร์พูล (2) -vs- แมนฯ ยูไนเต็ด (6) ... (19.30 น.)
สนาม : แอนฟิลด์
ราคาบอล : เสมอ ลิเวอร์พูล
ผลการพบกันของทั้งสองทีม
13/01/13 แมนฯ ยูไนเต็ด ชนะ ลิเวอร์พูล 2-1
23/09/12 ลิเวอร์พูล แพ้ แมนฯ ยูไนเต็ด 1-2
11/02/12 แมนฯ ยูไนเต็ด ชนะ ลิเวอร์พูล 2-1
28/01/12 ลิเวอร์พูล ชนะ แมนฯ ยูไนเต็ด 2-1
15/10/11 ลิเวอร์พูล เสมอ แมนฯ ยูไนเต็ด 1-1
06/03/11 ลิเวอร์พูล ชนะ แมนฯ ยูไนเต็ด 3-1
09/01/11 แมนฯ ยูไนเต็ด ชนะ ลิเวอร์พูล 1-0
19/09/10 แมนฯ ยูไนเต็ด ชนะ ลิเวอร์พูล 3-2
21/03/10 แมนฯ ยูไนเต็ด ชนะ ลิเวอร์พูล 2-1
25/10/09 ลิเวอร์พูล ชนะ แมนฯ ยูไนเต็ด 2-0
ฟอร์ม 5 นัดล่าสุด
ลิเวอร์พูล
28/08/13 เสมอ น็อตต์ส เคาน์ตี้ 2-2 (เหย้า) ลีก คัพ / ต่อ 2.5 ... เสีย
25/08/13 ชนะ แอสตัน วิลล่า 1-0 (เยือน) / ต่อ 0.5 ... บวก
17/08/13 ชนะ สโต๊ค 1-0 (เหย้า) / ต่อ 1.25 ... บวกครึ่ง
10/08/13 แพ้ เซลติก 0-1 (เยือน) อุ่นเครื่อง / ต่อ 1.0 ... เสีย
08/08/13 ชนะ วาเลเรนก้า 4-1 (เยือน) อุ่นเครื่อง / ต่อ 1.25 ... บวก
แมนฯ ยูไนเต็ด
27/08/13 เสมอ เชลซี 0-0 (เหย้า) / ต่อ 0.25 ... เสียครึ่ง
18/08/13 ชนะ สวอนซี 4-1 (เยือน) / ต่อ 0.5 ... บวก
11/08/13 ชนะ วีแกน 2-0 (เหย้า) คอมมิวนิตี้ชิลด์ / ต่อ 1.25 ... บวก
10/08/13 แพ้ เซบีย่า 1-3 (เหย้า) อุ่นเครื่อง / ต่อ 1.0 ... เสีย
07/08/13 เสมอ เอไอเค 1-1 (เยือน) อุ่นเครื่อง / ต่อ 1.5 ... เสีย
สถิติที่น่าสนใจ
* ทั้งสองทีมพบกันมาทั้งสิ้น 188 ครั้ง ยูไนเต็ด ชนะไปถึง 74 ครั้ง ส่วน ลิเวอร์พูล เอาคืนได้แค่ 62 ครั้ง ที่เหลืออีก 51 ครั้ง เสมอกันไป นอกจากนี้ 5 เกมหลังสุดทุกรายการที่แอนฟิลด์ "หงส์แดง" ไม่แพ้ให้กับ ยูไนเต็ด แม้แต่ครั้งเดียว (ชนะ 4 เสมอ 1) แถมมีใบแดงเกิดขึ้นถึง 5 ใบ ตลอด 5 เกมหลังสุดในลีกที่แอนฟิลด์ 3 ใบเป็นฝั่ง "ปิศาจแดง" ส่วนอีกสองใบเป็นของ "หงส์แดง"
* ไม่บ่อยครั้งนักที่ทั้งสองทีมจบลงด้วยผลเสมอ สถิติเจ๊าแค่ 2 ตลอด 24 เกมหลัง ยืนยันได้ดี โดยผลเสมอในโอลด์ แทร็ฟฟอร์ด เกิดขึ้นเมื่อ 13 ปีก่อน (ปี2000)
* หากนับเฉพาะการคุมทีมในยุคเอฟเวอร์ตันของ เดวิด มอยส์ ปรากฏว่าเจ้าตัวไม่เคยพาทีมบุกมาเก็บชัยถึงแอนฟิลด์มาก่อน (เสมอ 7 แพ้ 5)
* ถ้า ลิเวอร์พูล เอาชนะ ยูไนเต็ด ในศึกแดงเดือด จะเป็นการเข้าวิน 3 เกมติดช่วงออกสตาร์ทซีซั่นเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ปี 1994
* เกมเสมอเชลซี 0-0 ในศึกมันเดย์ไนท์ กับเชลซี เท่ากับว่าเป็นการเจ๊า 0-0 ครั้งแรกของทัพ "ปิศาจแดง" ในรอบ 82 เกม
สภาพความพร้อมล่าสุด
เบรนแดน ร็อดเจอร์ กุนซือ "หงส์แดง" ลิเวอร์พูล พาทีมเก็บชัยชนะ ช่วงออกสตาร์ทซีซั่น 2 นัดรวดเป็นครั้งแรกในรอบ 5 ปี ส่งผลให้ "หงส์แดง" บินสูงถึงรองจ่าฝูงอยู่ในขณะนี้ อย่างไรก็ตาม "บี-ร็อด" เจอปัญหาในการจัดระเบียบแนวรับ ภายหลังที่ 2 ปราการหลังทั้ง โคโล่ ตูเร่ กับ อาลี ซิสโซโก้ นัดกันเดี้ยงระหว่างเกมลีก คัพ เมื่อกลางสัปดาห์ โดยเฉพาะรายแรกที่อาการยัง 50/50 หากเจ้าตัวไม่พร้อม ด้าน ร็อดเจอร์ส อาจต้องเข็น มาร์ติน สเคอร์เทล ซึ่งยังฟิตไม่เต็มถัง ลงปักหลักคู่กับ แดเนี่ยล แอ็กเกอร์
นอกจากนี้ โจ อัลเลน ห้องเครื่องขาวเวลส์ ยังเอ็นหลังหัวเข่าเดี้ยงมาจากเกมดังกล่าว ต้องพักร่วมสองสัปดาห์ และแน่นอนว่าหลุยส์ ซัวเรซ ดาวยิงอุรุกวัย ยังคงติดโทษแบนต่อเนื่องเป็นนัดที่ 4 จาก 6 เกม ขณะที่เซบาสเตียน โคอาเตสอีกหนึ่งปราการหลัง ต้องปิดเทอมยาวทั้งซีซั่นไปก่อนหน้าแล้ว
ตัวเจ็บ :
กองกลาง - โจ อัลเลน (1 นัด)
กองหลัง - เซบาสเตียน โคอาเตส (-), อาลี ซิสโซโก้ (1 นัด)
เช็กฟิต :
กองหลัง - โคโล่ ตูเร่ (2 นัด)
ตัวแบน :
กองหน้า - หลุยส์ ซัวเรซ
เดวิด มอยส์ พาทีมออกตัวได้ดีกว่าที่หลายฝ่ายคาดไว้ ด้วยการบุกถล่มสวอนซี 4-1 ตามด้วยเสมอกับเชลซี 0-0 ในโอลด์ แทร็ฟฟอร์ด แบบที่เจ้าบ้านพับสนามบุก นอกจากนี้ปัญหาของ เวย์น รูนี่ย์ ก็เริ่มผ่อนคลาย หลังจากเจ้าตัวตัดสินใจอยู่กับทีมต่อ อีกทั้งยังโชว์ผลงานได้ดีในเกมที่ผ่านมา จนถูกเลือกให้เป็นแมน ออฟ เดอะ แมตช์ และเชื่อว่า มอยส์ จะส่ง "หมูรูน" ลงเป็น 11 ตัวจริง คอยทำเกมอยู่หลัง ฟาน เพอร์ ซี่ อย่างต่อเนื่อง
ขณะที่ ฟิล โจนส์ ปราการหลังดาวรุ่ง ก็สลัดคราบเดี้ยงพร้อมเป็นตัวเลือกเช่นเดียวกัน คาดว่าจะปักหลักทางแบ็กขวาแทนที่ ราฟาเอล ที่เจ็บ ส่วนแข้งเดี้ยงหน้าเดิมอย่าง นานี่ (โคนขาหนีบ)และ ฮาเบียร์ เอร์นานเดซ (เอ็นหลังหัวเข่า) ยังต้องพักกันต่อไป
บาดเจ็บ :
กองหลัง - ราฟาเอล (-)
กองกลาง - ดาร์เรน เฟล็ทเชอร์ (-), นานี่ (-)
กองหน้า - ฮาเบียร์ เอร์นานเดซ (-)
เช็กฟิต -
ตัวแบน -
รายชื่อนักเตะที่คาดว่าจะลงสนาม
ลิเวอร์พูล (4-2-3-1) : ซิมง มิโญเล่ต์ ; เกล็น จอห์นสัน, แดเนี่ยล แอ็กเกอร์, โคโล่ ตูเร่, โฆเซ่ เอ็นริเก้ ; สตีเว่น เจอร์ราร์ด, ลูคัส เลวา ; จอร์แดน เฮนเดอร์สัน, ยาโก้ อัสปาส, คูตินโญ่ ; แดเนี่ยล สเตอร์ริดจ์
แมนฯ ยูไนเต็ด (4-2-3-1) : ดาบิด เด เคอา ; ฟิล โจนส์, ริโอ เฟอร์ดินานด์, เนมานย่า วิดิช, ปาทริซ เอฟร่า ; ทอม เคลฟเวอร์ลี่ย์, ไมเคิ่ล คาร์ริค ; อันโตนิโอ วาเลนเซีย, อันโตนิโอ วาเลนเซีย, เวย์น รูนี่ย์, แดนนี่ เวลเบ็ค ; โรบิน ฟาน เพอร์ซี่
police ติดโต๊ะ
เป็นหนึ่งใน "ศึกแดงเดือด" ไม่กี่ครั้งที่สื่อยกให้ลิเวอร์พูล สูสีหรือเหลื่อมล้ำกว่าอริตลอดกาลอย่าง แมนฯ ยูไนเต็ด ซึ่งถ้าดูตามเนื้อผ้าก็คงไม่เซอร์ไพรส์มากนัก เนื่องจาก "หงส์แดง" เตรียมตัวมาดีกว่าที่เคย ไหนจะฟอร์มการเล่นที่ออกตัวได้อย่างดุดัน อย่างที่ไม่เคยเห็นมานานแล้ว กอปรกับ "ปิศาจแดง" ยุคผลัดใบ ไร้เงา เซอร์ อเล็กซ์ อาจทำให้เครดิตผู้มาเยือนไม่น่าเชื่อถืออย่างที่ผ่านๆมา นอกจากนี้ระยะหลังเด็กผีเจอปัญหาทุกครั้งยามบุกมาแอนฟิลด์ จะมีแค่ปีก่อนเท่านั้นที่ ยูไนเต็ด ยกพลมาควัก 3 แต้ม ซึ่งก็เพราะว่าแมตช์ดังกล่าวลิเวอร์พูล เหลือ 10 ตัว
รวมถึงอาถรรพ์เดวิด มอยส์ ที่ไม่เคยพาทีมมาชนะถึงสนามแห่งนี้ได้เลยสมัยคุมเอฟเวอร์ตัน น่าจะยังหลอกหลอนเทรนเนอร์ชาวสกอตต์อยู่ไม่น้อย ดังนั้นโคจรมาเจอกันชั่วโมงนี้ เจ้าบ้านดูน่าถือหางกว่า และมองจากสถานการณ์แล้ว เต็มที่แชมป์พรีเมียร์ลีก คงได้แค่หนึ่งแต้มกลับบ้าน ซึ่งหากอิงราคา "เสมอ" วางลิเวอร์พูล มีแค่เจ๊ากับเจี๊ยะ
ผลบอลที่คาด : ลิเวอร์พูล ชนะ 2-1
ระดับความมั่นใจ : 7/10