สำหรับศึกพรีเมียร์ลีก อังกฤษ ผ่านมากเกือบ 1 ใน 3 ของฤดูกาลนี้ "ปืนใหญ่" อาร์เซน่อล ทำผลงานได้อย่างยอดเยี่ยม และเป็นจ่าฝูงอยู่ในขณะนี้ ตามด้วยลิเวอร์พูล และเป็นที่น่าแปลกใจมากที่ เซาท์แฮมป์ตัน ทีมนอกสายตาทำคะแนนขึ้นมาอยู่ในอันดับ 3 ได้สำเร็จ แทนที่จะเป็นทีมเต็งอย่าง เชลซี, แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด และแมนเชสเตอร์ ซิตี้ ส่วนในโซนท้ายตาราง คริสตัล พาเลซ ทีมน้องใหม่ยังรั้งบ๊วย สามารถคว้าชัยเหนือคู่แข่งได้เพียงเกมเดียว ด้านซันเดอร์แลนด์และฟูแล่มเป็นอีก 2 ทีมที่สร้างผลงานได้อย่างย่ำแย่ ต้องดิ้นรนทีบตัวเองให้พ้นจากโซนแดงให้ได้
สุดสัปดาห์ลีกสูงสุดของเมืองผู้ดีจะกลับมาลงฟาดแข้งอีกครั้งหลังจากหลีกทางให้ทีมชาติ 1 วีคเต็มๆ โดยคู่ที่น่าสนใจจะมองไปที่ ศึกเมอร์ซี่ไซต์ ดาร์บี้แมตช์ "ท็อฟฟี่สีน้ำเงิน" เอฟเวอร์ตัน จะเปิดรังกูดิสัน ปาร์ค รับการมาเยือนของ "หงส์แดง" ลิเวอร์พูล แม้ดูบนตารางคะแนนจะห่างกันถึง 4 อันดับ แต่แต้มของทั้งคู่ต่างกันเพียง 3 คะแนน ใครที่มองว่าเกมนี้ยังไง ทีมเยือนก็ต้องดูเหนือกว่าแน่ๆ อาจจะต้องเปลี่ยนความคิดเสียใหม่ เมื่อฝั่งเอฟเวอร์ตันพกสถิติไม่แพ้ใคร 6 นัดหลังสุดลงสนามมาด้วย
ด้านสภาพทีมเอฟเวอร์ตันยังขาดชื่อของมิดฟิลด์เลือดไอริช ดาร์รอน กิ๊บสัน (เอ็นเข่า) และอารูน่า โคเน่ (เข่า) กองหน้าชาวไอวอรี่โคสต์ ที่ยังต้องรักษาอาการบาดเจ็บอยู่ที่โรงหมอต่อไป ส่วนทีมเยือนยังไม่สามารถใช้บริการของ เซบาสเตียน โคอาเตส (เอ็นเข่า) และยาโก้ อัสปาส (กล้ามเนื้อต้นขา) เพราะยังถูกไข้เดี้ยงรุมเร้าเช่นกัน
"ปืนใหญ่" อาร์เซน่อลกำลังอยู่ในช่วงท็อปฟอร์มสุดขีด
อาร์แซน เวนเกอร์ กุนซือเฟร้นช์แมนของทัพ "ปืนใหญ่" รีดฟอร์มเก่งของลูกทีมออกมาได้ตั้งแต่ต้นฤดูกาล ทำให้พวกเขาทะยานขึ้นจ่าฝูงด้วยผลงานอันยอดเยี่ยม ผลิตสกอร์ได้ถึง 22 ประตู (เป็นรองแมนเชสเตอร์ ซิตี้ทีมเดียวเท่านั้น) แต่อาร์เซน่อลจะต้องเจองานที่ยากลำบากแน่นอน เพราะต้องเผชิญหน้ากับทีมม้ามืดอย่าง เซาท์แฮมป์ตัน ซึ่งเป็นทีมที่คู่แข่งไม่สามารถประมาททีมเล็กๆทีมได้อีกต่อไป หลังจากบุกชนะลิเวอร์พูล 1-0 และแบ่งแต้มจากยูไนเต็ดได้ถึงโอลด์ แทร็ฟฟอร์ดแถมยังเป็นทีมที่เสียประตูน้อยที่สุดในลีกอีกด้วย
ความพร้อมในแมตช์นี้เจ้าถิ่นมีตัวเจ็บให้ต้องกังวลหลายราย อาทิ อาบู ดิยาบี้ (เอ็นเข่า), อเล็กซ์ อ็อกซ์เลด แชมเบอร์เลน (เข่า), ลูคัส โพดอลสกี้ (เอ็นร้อยหวาย) และยาย่า ซาโนโก้ (หลัง) ส่วนในรายของ มาติเยอ ฟลามินี่ ถูกโทษแบนจากการสะสมใบเหลืองครบโควต้า 5 ใบพอดิบพอดี ฝั่งเซาท์แฮมป์ตันจะหมดสิทธิ์ใช่งาน ชูลี่ โด ปราโด มิดฟิลด์บราซิเลี่ยนเพียงรายเดียวเท่านั้น
"เรือใบสีฟ้า" แมนเชสเตอร์ ซิตี้ เก็บคะแนนในบ้านได้ 15 แต้มเต็มจากการลงสนาม 5 นัด โดยผลิตสกอร์ได้ถึง 20 ลูก และเสียไปเพียง 2 ประตูเท่านั้น ซึ่งการันตีว่าทีมของพวกเขาเป็นเครื่องจักรผลิตประตูเบอร์ 1 ของลีกในเวลานี้ ด้านสเปอร์ส ถูกโฉลกกับการลงสนามเป็นทีมเยือนมากในปีนี้ บวกกับ 6 นัดหลังสุดในการเดินทางไปเยือน พวกเขาไม่เคยปราชัยให้ทีมใดเลย และยังรักษาคลีนชีตได้อีกต่างหาก
มานูเอล เปเยกรินี่ กุนซือแมนฯ ซิตี้ ไม่ต้องหนักใจกับการจัดทัพมากนัก เพราะมีเพียง ดาบิด ซิลบา (กล้ามเนื้อน่อง) ที่ยังมีอาการบาดเจ็บเพียงรายเดียว ด้านสเปอร์สยังคงต้องกลุ้มใจกับปัญหานักเตะบาดเจ็บรายเดิมๆทั้ง นาเซอร์ ชาดลี่ (เอ็นร้อยหวาย), เซกี้ ฟรายเยอร์ส (ขาหนีบ) และคริสเตียน อีริคเซ่น (เท้า) ส่วนขุมกำลังหลักรายอื่นๆพร้อมลงบู๊ในแมตช์นี้โดยพร้อมเพรียง
โปรแกรมฟุตบอลพรีเมียร์ลีก สัปดาห์ที่ 12
วันเสาร์ 23 พฤศจิกายน
เอฟเวอร์ตัน -vs- ลิเวอร์พูล (19.45 น.)
อาร์เซน่อล -vs- เซาท์แฮมป์ตัน (22.00 น.)
ฟูแล่ม -vs- สวอนซี (22.00 น.)
ฮัลล์ -vs- คริสตัล พาเลซ (22.00 น.)
นิวคาสเซิ่ล -vs- นอริช (22.00 น.)
สโต๊ค -vs- ซันเดอร์แลนด์ (22.00 น.)
เวสต์แฮม -vs- เชลซี (00.30 น.)
วันอาทิตย์ 24 พฤศจิกายน
แมนเชสเตอร์ ซิตี้ -vs- สเปอร์ส (20.30 น.)
คาร์ดิฟฟ์ -vs- แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด (23.00 น.)