ฟุตบอล ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก
วิเคราะห์บอล แชมเปี้ยนส์ ลีก : เรอัล มาดริด -vs- ชาลเก้
เรอัล มาดริด (สเปน, 1) -vs- ชาลเก้ (เยอรมัน, 3) ... (02.45 น.)
สนาม : ซานติอาโก้ เบร์นาเบว
ราคาบอล : เรอัล มาดริด ต่อ สองลูก ลบห้า
การพบกันล่าสุด
27/02/14 ชาลเก้ แพ้ เรอัล มาดริด 1-6 แชมเปี้ยนส์ ลีก
ผลงานที่ผ่านมาในรายการนี้
เรอัล มาดริด
27/02/14 ชนะ ชาลเก้ 6-1 (เยือน)
11/12/13 ชนะ โคเปนเฮเก้น 2-0 (เยือน)
28/11/13 ชนะ กาลาตาซาราย 4-1 (เหย้า)
06/11/13 เสมอ ยูเวนตุส 2-2 (เยือน)
24/10/13 ชนะ ยูเวนตุส 2-1 (เหย้า)
ชาลเก้
27/02/14 แพ้ เรอัล มาดริด 1-6 (เหย้า)
12/12/13 ชนะ บาเซิ่ล 2-0 (เหย้า)
27/11/13 เสมอ สเตอัว บูคาเรสต์ 0-0 (เยือน)
07/11/13 แพ้ เชลซี 0-3 (เยือน)
23/10/13 แพ้ เชลซี 0-3 (เหย้า)
ฟอร์ม 5 นัดหลังสุดของทั้ง 2 ทีม
เรอัล มาดริด
16/03/14 ชนะ มาลาก้า 1-0 (เยือน) ต่อ 1.75 ... เสีย
10/03/14 ชนะ เลบานเต้ 3-0 (เหย้า) ต่อ 3 ... เจ๊า
02/03/14 เสมอ แอต.มาดริด 2-2 (เยือน) ต่อ 0.5 ... เสีย
27/02/14 ชนะ ชาลเก้ 6-1 (เยือน) แชมเปี้ยนส์ ลีก / ต่อ 1.25 ... บวก
22/02/14 ชนะ เอลเช่ 3-0 (เหย้า) ต่อ 2.5 ... บวก
ฟอร์มเกมเหย้าในลีก แข่ง 13 ชนะ 12 เสมอ 0 แพ้ 1 ได้ 42 เสีย 10 ประตู
ชาลเก้
15/03/14 ชนะ เอ๊าก์บวร์ก 2-1 (เยือน) รอง เสมอ ... บวก
08/03/14 ชนะ ฮอฟเฟ่นไฮม์ 4-0 (เหย้า) ต่อ 0.5 ... บวก
02/03/14 แพ้ บาเยิร์น 1-5 (เยือน) รอง 2.25 ... เสีย
27/02/14 แพ้ เรอัล มาดริด 1-6 (เหย้า) แชมเปี้ยนส์ ลีก / รอง 1.25 ... เสีย
22/02/14 เสมอ ไมนซ์ 0-0 (เหย้า) ต่อ 0.75 ... เสีย
ฟอร์มเกมเยือนในลีก แข่ง 13 ชนะ 6 เสมอ 3 แพ้ 4 ได้ 22 เสีย 23 ประตู
สภาพทีมล่าสุดของทั้งสองทีม
เรอัล มาดริด ของกุนซือ คาร์โล อันเชล็อตติ โอกาสเข้ารอบ 8 ทีมสดใสสุด ๆ หลังจากเลกแรกบุกไปยัดเยียดความปราชัยให้ ชาลเก้ ถึง เกลเซนเคียร์เช่น 6-1 ทำให้เฮ้ดโค้ชหน้าอ้วนอาจจะส่งชุดสำรองลงมาเล่นเกมนี้และพักตัวหลักให้มีสภาพร่างกายที่สดที่สุดก่อนไปวัดคมกับ บาร์เซโลน่า ในศึก "เอล กลาซิโก้" ที่มีผลลุ้นแชมป์โดนตรงสำหรับ ลา ลีกา สเปน
ขณะที่ความพร้อม "ราชันชุดขาว" จะไม่มี คาริม เบนเซม่า กองหน้าดีกรีทีมชาติฝรั่งเศสที่ได้รับบาดเจ็บ หลังโดน โรนัลโด้ เพื่อนร่วมทีมวิ่งเข้ามาหวดในจังหวะแย่งกันทำประตู ซึ่งจะทำให้ เบนเซม่า พลาดเกมกับ บาร์ซ่า อีกด้วย และระหว่างนี้จะเป็น อัลบาโร่ โมราต้า ดาวยิงลูกหม้อลงมารับบทตัวเป้า เป็นสามประสานเกมรุกร่วมกับ เฆเซ่ โรดริเกวซ และ คริสเตียโน่ โรนัลโด้
อย่างไรก็ตามข่าวดีของ "ลอส บลังกอส" ยังมีอยู่บ้าง เมื่อจะได้ เซร์กิโอ รามอส (24 นัด, 1 ประตู) เซนเตอร์แบ็กดีกรีทีมชาติสเปนกลับมาจากโทษแบนในเกมลีก เบียด เปเป้ (24 นัด, 3 ประตู) ตกไปเป็นสำรอง ขณะที่ ดีเอโก้ โลเปซ, ดาเนี่ยล การ์บาฆัล, มาร์เซโล่, อังเกล ดิ มาเรีย, ชาบี อลอนโซ่ และ แกเร็ธ เบล หกตัวจริงจะได้พักเป็นแค่ตัวสำรองทั้งหมด
ตัวเจ็บ
กองหลัง : อัลบาโร่ อาร์เบลัว (16 นัด)
กองกลาง : ซามี เคดิร่า (11 นัด, 1 ประตู)
กองหน้า : คาริม เบนเซมม่า (27 นัด, 15 ประตู)
ตัวแบน : -
ฟากทีมเยือน เยนส์ เคลเลอร์ เทรนเนอร์ ชาลเก้ พาทีมบุกมาเมืองหลวงประเทศสเปนด้วยขุมกำลังกว่า 20 ชีวิต โดยเจ้าตัวเปรยก่อนเริ่มเกมว่าผมการแข่งขันในเลกแรกมันโหดร้ายพอที่จะดับฝันทีมเมืองเบียร์สำหรับการตีตั๋วเข้ารอบ 8 ทีม อย่างไรก็ตาม เจ้าตัวยันกรานจะทำผลงานให้ดีที่สุดให้สมศักดิ์ศรีและตอกย้่ำว่า ชาลเก้ คู่ควรแล้วสำหรับการทะลุเข้ามาถึงรอบ 16 ทีมสุดท้าย
ถึงกระนั้นความพร้อมโคตรทีมจาก เกลเซนเคียร์เช่น จะมีปัญหาในการจัดทัพหลายตำแหน่งโดยเฉพาะแผงหลังที่เสียตัวหลักไปพร้อมกันแบบไม่ได้นัดหมาย และ เฟลิเป้ ซานตาน่า เซนเตอร์แบ็กชาวบราซิลที่ทำท่าจะคัมแบ็ก เยนส์ เคลเลอร์ มองว่านัดดวล เรอัล ดูจะหนักเกินไปสำหรับคนพึ่งหายเจ็บจึงตัดสินใจไม่หนีบเดือนทางมาแดนกระทิงดุด้วย
ขณะที่ 11 ตัวจริง "ราชันสีน้ำเงิน" จะมีการปรับโผจากนัดบุกซิว เอ๊าก์บวร์ก 2-1 แค่สองตำแหน่ง ถอด "ฮันเตอร์" คลาส แยน ฮุนเตล่าร์ (10 นัด, 9 ประตู) กองหน้าเบอร์หนึ่ง กับ ทิม ฮู้กลันด์ (10 นัด) แบ็กขวา ออกไปเป็นสำรอง และให้ อดัม ซาลาย (22 นัด, 5 ประตู) กับ เบเนดิคห์ โฮเวเดส (18 นัด, 1 ประตู) ลงมาทำหน้าที่แทนตามลำดับ
ตัวเจ็บ :
กองหลัง - อัตสึโตะ อูจิดะ (17 นัด), เฟลิเป้ ซานตาน่า (16 นัด, 1 ประตู), คริสเตียน ฟุคส์ (16 นัด), เดนนิส อาโอโก้ (10 นัด), แยน เคิร์ชฮอฟฟ์ (-)
กองกลาง - คริสเตียน เกลเมนส์ (11 นัด), มาร์โก โฮเกอร์ (7 นัด/2 ประตู)
กองหน้า - เจฟเฟอร์สัน ฟาร์ฟาน (18 นัด/8 ประตู)
ตัวแบน : -
ผู้เล่นที่คาดว่าจะเป็น 11 ตัวจริง
เรอัล มาดริด (4-3-3) : อีเกร์ กาซิยาส - นาโช่, เปเป้, ราฟาเอล วาราน, ฟาบิโอ โคเอนเตรา - ลูก้า โมดริด, อาซิเออร์ อิญาราเมนดี้, อิสโก้ - เฆเซ่ โรริดเกวซ, อัลบาโร่ โมราต้า, คริสเตียโน่ โรนัลโด้
ผู้จัดการทีม : คาร์โล อันเชล็อตติ
ชาลเก้ (4-2-3-1) : ราล์ฟ ฟาห์รมันน์ - เบเนดิคห์ โฮเวเดส, คีเรียคอส ปาปาโดปูลอส, โจเอล มาทิป, เซย้าด โคลาซินัก - เลออน โกเร็ตซ์ก้า, โรมัน นอยสตัดเตอร์ - ชิเนดู โอบาซี่, มักซ์ เมเยอร์, จูเลี่ยน แดร็กซ์เลอร์ - อดัม ซาลาย
ผู้จัดการทีม : เยนส์ เคลเลอร์
ทรรศนะ
เงื่อนไขในการลุ้นเข้ารอบของ ชาลเก้ ที่ต้องบุกมาชนะ เรอัล มาดริด อย่างน้อย 6-0 ถือเป็นโจทย์ที่เข้าข่าย "มิสชั่นอิมพอสซิเบิ้ล" ที่แทบไม่มีความเป็นไปได้เพราะตามคุณภาพฝีเท้าและภาพรวม ราชันสีน้ำเงิน ถูกมองให้เป็นรองตามแฮนดี้แคปเหมือนบอลคนละเกรดที่ "สองลูก" ทั้ง ๆ ที่ เรอัล ส่งชุดผสมลงสนามกว่าครึ่งทีมเสียด้วยซ้ำ
อย่างไรก็ตามคนเยอรมันได้รับการปลูกฝังให้หยิ่งทะนงในศักดิ์ศรีมาตั้งแต่เด็ก น่าจะบุกมาเล่นที่เมืองหลวงสเปนแบบเต็มที่ไม่ให้เสียชื่อคนเมืองเบียร์ ทว่าแนวรับทีมจาก เกลเซนเคียร์เช่น ดูจะมีปัญหาเรื้อรังที่ขาดตัวหลัก ๆ ไปเกือบยกแผง แม้ เรอัล จะส่งชุดสองแต่ต้องไม่มีลืมว่าชุดผสมที่ว่ามีดีกรีทีมชาติติดตัว และที่สำคัญทีมชุดนี้ในยุค โชเซ่ มูรินโญ่ เคยเอาชนะ บาร์ซ่า มาได้ 2-1 สะท้อนให้เห็นถึงความแข็งแกร่งของขุมกำลังชุดปัจจุบันที่สามารถทดแทนกันได้แบบไม่ขาดตกบกพร่อง
ประกอบกับ เรอัล มีผลงานใน เบร์นาเบว ถือว่าไม่ธรรมดาที่กวาดชัยจากทุกรายการมา 16 เกมติด และ 15 ใน 16 นัดดังกล่าวสามารถทำประตูได้เกินสองลูก มองว่าเกมนี้ไม่ว่าจะเป็นภาคทฤษฎีหรือภาคปฎิบัติ ชาลเก้ เป็นรองทุกประตูเรื่องแพ้คงแพ้แน่อยู่ที่จะเยอะหรือน้อยแค่นั้นเอง แต่เมื่อดูจากองค์ประกอบทั้งหมดเชื่อว่าสองเม็ดมีแน่วางต่อลุ้นเม็ดสามไปดีกว่า
ฟันธง : ต่อ เรอัล มาดริด ชนะ 4-1
อัตราความมั่นใจ : 8/10
