Key Battle : มาริโอ มานด์ซูคิช -vs- ราฟาเอล มาร์เกซ
นี่เป็นครั้งที่สองในการหยิบชื่อของยอดดาวยิงของสโมสร บาเยิร์น มิวนิค อย่าง มาริโอ มานด์ซูคิช และเป็นที่น่าเสียดายสำหรับในเกมแรกที่เจ้าตัวไม่สามารถลงสนามได้ แต่ในเกมล่าสุดกลายเป็น มานด์ซูคิช ที่ระเบิดฟอร์มทำสองประตูให้ทีมเอาชนะ แคเมอรูน 4-0 ซึ่งจากผลงานในลีกของเขายิ่งไม่ธรรมดา เพราะว่าเขาซัดไป 18 ตุง จาก 30 เกมที่ได้ลงสนาม คว้าตำแหน่งรองดาวซัลโวของลีกไปครอง โดยทั้งหมดที่ว่ามานั้นเป็นเครื่องการันตีถึงความน่ากลัวของเขาได้เลย
ปัญหาทั้งหมดจึงตกเป็นของสามเซ็นเตอร์แบ็คของทัพ "จังโก้" โดยเฉพาะในรายของ ราฟาเอล มาร์เกซ อดีตปราการหลังของสโมสร บาร์เซโลน่า และแม้ว่าเขาจะย่างเข้าสู่วัย 35 ปีแล้ว แต่เรื่องความเก๋าและทางบอลยังคงเป็นจุดเด่นของเขาเสมอ ซึ่งนี่น่าจะเป็นฟุตบอลโลกครั้งสุดท้ายของเขาแล้ว แน่นอนว่าต้องทุ่มเทสุดตัวอย่างที่ไม่เคยทำมาก่อน และยิ่งต้องมาปะทะกับหัวหอกตัวอันตรายอย่าง มานด์ซูคิช ยิ่งเป็นความท้าทายระดับห้าดาวที่เขาต้องเอาชนะให้ได้
Key Battle : โอรีเบ เปรัลต้า -vs- เดยัน ลอฟเรน
เจ้าของประตูชัยจากเกมแรก โอรีเบ เปรัลต้า หัวหอกของทีมชาติ เม็กซิโก ส่งเข้าประกวด เขาเป็นศูนย์หน้าที่มีสัญชาตญาณกองหน้าสูงมาก หรือจะเรียกว่าดาวยิงธรรมชาติก็คงจะไม่ผิด จุดเด่นคือการหาพื้นที่ว่าง, การหาช่อง และจังหวะเข้าทำประตูก็ยังยอดเยี่ยมตามสไตล์นักเตะ "จังโก้" แม้ว่าส่วนสูงของเขาจะเพียงแค่ 179 ซม. แต่เรื่องความเร็วในการออกตัวต้องบอกว่าไม่เป็นรองน้อง ๆ ในทีมอย่าง ชิชาริโต้ หรือแม้กระทั่ง โจวานนี่ ดอส ซานโต๊ส เหมือนกัน ต้องคอยดูว่าเกมนี้เขาจะสร้างปรากฏการณ์ได้อีกครั้งหรือไม่
ทีนี่ความกดดันทั้งหมดจึงตกไปอยู่กับแนวรับของ โครเอเชีย อย่าง เดยัน ลอฟเรน ขุมกำลังสำคัญในแดนหลังจากสโมสร เซาท์แฮมป์ตัน ถึงแม้ว่าดูจากชื่อชั้นของนักเตะตัวรุกในวันนี้แล้ว น่าจะไม่เป็นภาระของเกมรับ "ตราหมากรุก" สักเท่าไหร่ แต่อย่าลืมว่าทีมจากยุโรปจะมีปัญหาเรื่องพละกำลังอยู่เสมอถ้าต้องฟัดกับแข้งจากทวีปอื่น จึงทำให้เขาต้องบริหารพลังให้ดี เพื่อที่รับมือกับ เปรัลต้า และคณะที่จะบุกเจาะเข้ามา ถึงแม้ว่าเขาจะอายุเพียงแค่ 24 ปีเท่านั้น แต่ก็เต็มเปี่ยมไปด้วยประสบการณ์ที่มากมายจากการลงเล่นกับทีมใหญ่อย่าง โอลิมปิก ลียง และ ดินาโม ซาเกร็บ