Key Battle : แจ๊คสัน มาร์ติเนซ -vs- ดีเอโก้ โกดิน
นอกจากทีเด็ดของทีมชาติ โคลอมเบีย จะมีตัวรุกสุดอันตรายอย่าง เจมส์ โรดริเกซ ดาวซัลโวของทีมแล้ว ก็ยังห้ามมองข้าม แจ๊คสัน มาร์ติเนซ หัวหอกจากสโมสร ปอร์โต้ วัย 27 ปี ผู้มีจุดเด่นมากกว่าแค่การทำประตู แต่เขายังเป็นศูนย์หน้าประเภทขยันไล่บอลช่วยเกมรับอีกด้วย เรียกว่าครบเครื่องเรื่องฟุตบอลจริง ๆ ซึ่งเขามีสถิติยิงเข้ากรอบถึง 3 ใน 4 ครั้ง หรือ 75% และสามารถเปลี่ยนเป็นสกอร์ได้ 2 ประตู ด้วยทั้งหมดทั้งมวลที่ว่ามานี้จึงทำให้เขากลายเป็นหัวหอกที่น่ากลัวไม่แพ้ใครในฟุตบอลโลกครั้งนี้เช่นกัน
ปัญหาทั้งหมดจึงตกไปอยู่ที่เกมรับของขุนพล "จอมโหด" ที่มี ดีเอโก้ โกดิน ปราการหลังตัวเก่งจากสโมสร แอตเลติโก มาดริด บัญชาการอยู่ ซึ่งสถิติที่ผ่านมาในสามเกมแรกระบุว่าเขาเป็นกองหลังที่สามารถตัดบอลได้สูงถึง 21 ครั้ง และมีความแม่นยำในการออกบอลสูงถึง 76.3% ด้วยเช่นกัน นอกจากนี้เขายังขึ้นชื่อเรื่องการทำประตูจากการโหม่งลูกตั้งเตะทุกชนิด ซึ่งกลายเป็นทีเด็ดของ โกดิน ไปแบบไม่รู้ตัว เชื่อว่าการหยุดความอันตรายของ แจ๊คสัน มาร์ติเนซ คงต้องหวังพึ่งเขาคนเดียวเท่านั้น
Key Battle : เอดิสัน คาวานี่ -vs- คริสเตียน ซาปาต้า
ในยามที่ไม่มี หลุยส์ ซัวเรซ อีกแล้วในทัวร์นาเมนต์นี้ ภาระหน้าที่ในการรับผิดชอบเกมรุกจึงตกเป็นของ เอดิสัน คาวานี่ หัวหอกของสโมสร เปแอสเช ไปโดยปริยาย แม้ว่าสถิติจากสามเกมที่ผ่านมาบ่งบอกว่าเขายิงเข้ากรอบเพียงแค่ 37.5% เท่านั้น ซึ่งถือว่าน้อยเลยทีเดียวสำหรับกองหน้าตัวจบสกอร์ แต่ข้อดีของเขาก็คือการลงมาช่วยเกมรับที่ทำได้ค่อนข้างดีและยังพอมีรังสีอำมหิตแผ่ออกมาให้กองหลังคู่ต่อสู้ได้เสียวหลังอยู่บ้าง
อย่างไรก็ตาม แผงหลังของขุนพล โคลอมเบีย ก็ยังมี คริสเตียน ซาปาต้า กองหลังชื่อโหดจากสโมสร เอซี มิลาน ซึ่งโชว์ฟอร์มได้อย่างยอดเยี่ยมจากสองที่ได้ลงสนาม โดยเขามีสถิติที่ดีทั้งเรื่องการตัดบอลและการออกบอลที่แม่นยำไม่แพ้กองหลังระดับโลกคนอื่น ๆ แถมยังมีสไตล์การเล่นที่เน้นความรัดกุม, เล่นปลอดภัย และสมาธิในเกมค่อนข้างสูง ถือว่าเป็นอีกหนึ่งเซ็นเตอร์แบ็คที่น่าจับตามองในการแข่งขันครั้งนี้เลยก็ว่าได้