Key Battle : ฮัล์ค -vs- มัทส์ ฮุมเมิ่ลส์
เหมือนเกิดใหม่อีกครั้งสำหรับ ฮัล์ค หัวหอกริมเส้นจากสโมสร เซนิต เซนต์ ปีเตอร์สเบิร์ก ที่กำลังฟอร์มดีขึ้นเรื่อย ๆ หลังจากที่ใช้เวลาเคาะสนิมอยู่นานสองนาน และในยามที่ไร้ เนย์มาร์ ดาวยิงความหวังสูงสุดของชาติ ก็คงต้องพึ่งพาเขาในการจบสกอร์แทน แม้ว่าสี่เกมที่ผ่านมาจะไม่สามารถทำประตูได้เลย แต่จุดเด่นของเขาอยู่ที่พละกำลังและความแข็งแกร่งสมชื่อ "ไอ้มนุษย์ตัวเขียว" ซึ่งสามารถเบียด, ชน, กระแทก และฝ่าวงล้อมคู่ต่อสู้ได้สบาย ๆ ถ้าหากเขาจูนองศาการยิงเข้าเป้าใหม่แล้ว รับรองว่าอันตรายไม่แพ้ เนย์มาร์ แน่นอน
งานหนักจึงตกไปอยู่ที่ มัทส์ ฮุมเมิ่ลส์ ปราการหลังร่างโย่งจากสโมสร โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ ซึ่งโชว์ฟอร์มได้อย่างยอดเยี่ยมไม่แพ้กัน แม้ว่าเจ้าตัวจะยืนประจำการในแดนหลังก็ตาม แต่เขายังขึ้นมาทำประตูจากจังหวะลูกตั้งเตะได้ นอกจากนี้สถิติจากสี่เกมแรกระบุว่า เขาสามารถตัดบอลได้ถึง 36 ครั้ง แถมยังไม่ได้รับใบเหลืองแม้แต่ใบเดียวอีกด้วย ซึ่งเขาได้รับการจัดอันดับโดยผู้สนับสนุนอย่าง คาสตรอล ให้เป็นผู้เล่นยอดเยี่ยมอันดับ 5 เลยทีเดียว ถือเป็นคู่แบตเทิ่ลที่น่าจับตามองไม่น้อยในเกมนี้
Key Battle : อังเดร ชูร์เล่ -vs- ดาวิด ลุยซ์
อังเดร ชูร์เล่ ศูนย์หน้ากึ่งปีกจากสโมสร เชลซี กลายเป็นทีเด็ดแก้เกมของขุนพล "อินทรีเหล็ก" ไปโดยปริยาย เพราะว่าทุกครั้งที่เขาได้มีโอกาสลงสนามทั้งตัวจริงและตัวสำรอง มักจะสร้างความวูบวาบได้ไม่มากก็น้อย ซึ่งจุดเด่นของเขาอยู่ที่การไปกับบอลอย่างลื่นไหล และความแม่นยำในการยิงที่สูงถึง 90.9% นอกจากนั้นเขายังสามารถลงมาช่วยเกมรับได้อีกด้วย เรียกว่าความฟิตของเขาบวกกับความมุ่งมั่นตั้งใจเกินร้อยจริง ๆ จึงไม่แปลกใจเลยที่เขาจะกลายเป็นอาวุธลับของทีมชาติ เยอรมัน ชุดนี้
อย่างไรก็ตาม นักเตะที่เป็นทีเด็ดไม่แพ้กันของทีมชาติ บราซิล อย่าง ดาวิด ลุยซ์ กองหลังค่าตัวแพงลิบจากสโมสร เปแอสเช ซึ่งเขาเคยเป็นอดีตเพื่อนร่วมทีมสมัยอยู่ เชลซี ของ ชูร์เล่ และมีโอกาสสูงที่พวกเขาทั้งคู่จะได้ปะทะกันในเกมนี้ แน่นอนว่าพวกเขาต้องรู้จักมักจี่กันเป็นอย่างดี และรู้ซึ้งถึงความสามารถของกันและกัน ซึ่งจุดแข็งของ ลุยซ์ ไม่ได้อยู่ที่การเป็นเซ็นเตอร์แบ็คเพียงอย่างเดียว แต่เขายังมีทีเด็ดจากลูกฟรีคิกและจังหวะเติมเกมรุกตามแบบฉบับสไตล์ "แซมบ้า" รับรองว่างานนี้มีปะทะเดือดอย่างไม่ต้องสงสัย