Key Battle : อาร์เยน ร๊อบเบน -vs- ลีโอเนล เมสซี่
นี่จะเป็นศึกของสิงห์อีซ้ายครั้งแรกที่สมน้ำสมเนื้อที่สุดในทัวร์นาเมนต์นี้ ไม่ว่าจะเป็น อาร์เยน ร๊อบเบน หรือว่า ลีโอเนล เมสซี่ ก็ตาม ซึ่งทั้งคู่เป็นตัวอันตรายที่สุดของทีมเลยก็ว่าได้ เพราะฉะนั้นเกมนี้จึงเป็นแมตช์ที่จะชี้วัดว่าซ้ายของใครจะเป็นหนึ่งในใต้หล้า และเมื่อดูจากสถิติการยิงประตูของทั้งสองคนนั้นเท่ากันที่ 17 ครั้ง แต่ในเรื่องความแม่นยำคงต้องยกให้ ร๊อบเบน เหนือกว่าอยู่ที่ 94.1% ซึ่งทางด้าน เมสซี่ ยิงเข้าเป้าเพียงแค่ 52.9% เท่านั้น เรียกว่าเกือบครึ่งต่อครึ่งเลยทีเดียว
อย่างไรก็ตาม สถิติการพาบอลเข้าพื้นที่อันตรายของฝ่ายตรงข้ามกลับกลายเป็น เมสซี่ ที่ทำได้ดีกว่าอยู่ที่ 27 ครั้ง และมีโอกาสตะลุยเข้าไปในกรอบเขตโทษถึง 22 ครั้งอีกด้วย ส่วนทางฝั่งของ ร๊อบเบน สามารถพาบอลเข้าพื้นที่อันตรายของฝ่ายตรงข้ามได้ทั้งหมด 26 ครั้ง และมีโอกาสลากเลื้อยเข้าไปในกรอบเขตโทษแค่ 17 ครั้งเท่านั้น เมื่อดูจากสถิติทั้งหมดที่เอ่ยมาคงจะนำมาเป็นบรรทัดฐานสำหรับพวกเขาทั้งคู่ไม่ได้ เพราะทักษะความสามารถเฉพาะตัวที่สูงด้วยกันทั้งสองคนสามารถชี้ขาดเกมนี้ได้เลย ใครจะอยู่ใครจะไป ห้ามพลาดด้วยประการทั้งปวง
Key Battle : เวสลี่ย์ สไนจ์เดอร์ -vs- ฮาเวียร์ มาสเคราโน่
มิดฟิดล์ห้องเครื่องชั้นดีของทัพ "อัศวินสีส้ม" ที่จะขาดไม่ได้ในเวลานี้ คงจะเป็นใครไปไม่ได้ถ้าไม่ใช่ เวสลี่ย์ สไนจ์เดอร์ นักเตะจากสโมสร กาลาตาซาราย และแม้ว่าเขาจะต้องรอเช็คความฟิตก่อนลงสนามในเกมนี้ เนื่องจากความล้าในการลงเล่นหลายเกมติดต่อกัน แต่ก็คงจะปฏิเสธไม่ได้ที่จะต้องเลือกเข็นเขาลงสนาม เพราะเขาเป็นนักเตะที่มีวินัยสูงมาก และยังเป็นคนที่มีฝีเท้ายอดเยี่ยมอีกด้วย หากว่าทีมชาติ ฮอลแลนด์ สามารถตบเท้าเข้าสู่ทำเนียบแชมป์โลกได้ ก็คงต้องยกเครดิตให้เขาคนนี้ไม่น้อย
และการที่จะหยุดการทำเกมของ สไนจ์เดอร์ คงเป็นหน้าที่ของ ฮาเวียร์ มาสเคราโน่ ตัวรับสารพัดประโยชน์จากสโมสร บาร์เซโลน่า ที่สามารถเล่นได้ทั้งมิดฟิลด์ตัวรับและเซ็นเตอร์แบ็ค โดยจุดเด่นของเขาอยู่ที่พละกำลัง, ความฟิต และความแข็งแกร่งที่อยู่ในระดับเต็มสูบ นอกจากนั้นเขายังมีสถิติการตัดบอลมากถึง 37 ครั้ง และยังสามารถควบคุมเกมแดนกลางของทัพ "อาร์เจนไตน์" ได้อย่างเนียนตาอีกด้วย ซึ่งสไตล์การเล่นเขาจึงมักจะทำให้เขากลายเป็นนักเตะปิดทองหลังพระอย่างแท้จริง