Key Battle : โทนี่ โครส -vs- ฮาเวียร์ มาสเคราโน่
โทนี่ โครส เจ้าของรางวัล "แมน อ๊อฟ เดอะ แมตช์" ในเกมที่ถล่มเจ้าภาพ บราซิล 7-1 แถมเขายังสามารถซัดได้ถึง 2 ประตูอีกด้วย นอกจากนี้ โครส ยังรักษามาตรฐานการเล่นและความฟิตได้อย่างต่อเนื่อง จนเป็นหนึ่งในผู้เล่นที่ได้ลงสนามครบทุกนาทีที่ เยอรมัน ลงทำศึกในทัวร์นาเมนต์นี้ ซึ่งจุดเด่นของเขาอยู่ที่การออกบอลที่ง่ายและแม่นยำ โดยอัตราความแม่นยำอยู่ที่ 85.4% และสำหรับเรื่องการเล่นเกมรับก็ยังทำได้ดีครบเครื่องไม่แพ้พวกมิดฟิลด์รุ่นพี่ จึงไม่แปลกที่ โยอาคิม เลิฟ จะใส่ชื่อของเขาเป็นอันดับแรก ๆ
โดยหน้าที่ในการหยุดเกมรุกของขุนพล "อินทรีเหล็ก" คงจะต้องยกให้ ฮาเวียร์ มาสเคราโน่ ตัวรับสารพัดประโยชน์จากสโมสร บาร์เซโลน่า ซึ่งเขามีสถิติการตัดบอลที่ยอดเยี่ยมถึง 42 ครั้ง และเข้าปะทะถึง 18 ครั้ง โดยจุดแข็งของเขาอยู่ที่พละกำลังที่เปี่ยมไปด้วยความแข็งแกร่งชนิดที่วิ่งได้ตลอดทั้งเกม แถมยังเป็นตัวรับที่สามารถเล่นได้ทั้งมิดฟิลด์และเซ็นเตอร์แบ็คอีกด้วย รับรองว่าการจะเล่นเกมรุกในพื้นที่ที่เขายืนคุมอยู่นั้นต้องเป็นเรื่องยากอย่างแน่นอน
Key Battle : อังเดร ชูร์เล่ -vs- มาร์ติน เดมิเคลิส
ศูนย์หน้าที่กำลังฟอร์มร้อนแรงในขณะนี้ของทีมชาติ เยอรมัน คงจะเป็นใครไปไม่ได้ถ้าไม่ใช่ อังเดร ชูร์เล่ ดาวยิงจากสโมสร เชลซี ที่ทำสองประตูในเกมที่ผ่านมา แม้ว่าจะลงสนามเป็นตัวสำรองก็ตาม แต่เขามักจะกลายเป็นตัวทีเด็ดของ เลิฟ อยู่เป็นประจำ ซึ่งจุดเด่นของเขาอยู่ที่ความสามารถเฉพาะตัวและความเร็วที่จัดจ้าน นอกจากนี้เขายังมีสถิติการยิงเข้ากรอบสูงถึง 92.3% เลยทีเดียว เรียกว่าใช้โอกาสไม่เปลืองเหมือนกับดาวยิงคนอื่น ๆ
อย่างไรก็ตาม ขุนพล "ฟ้าขาว" ก็ยังมียอดกองหลังที่จะคอยบัญชาการเกมรับอย่าง มาร์ติน เดมิเคลิส ประจำการอยู่ ถึงแม้ว่าเขาจะได้โอกาสลงสนามไม่มากเท่าไหร่นักในทัวร์นาเมนต์นี้ แต่การได้เขามายืนอยู่ในแผงหลังนั้น ทำให้ทีมมีเกมรับที่แน่นขึ้นถนัดตา ไม่ว่าจะเป็นการตัดบอลที่ทำได้ถึง 22 ครั้ง หรือการยืนประกบติดกับกองหน้าของคู่แข่ง ซึ่งเขาก็ทำได้เป็นอย่างดี และการจะพาบอลผ่านเขาไปนั้น คงจะเป็นเรื่องยากพอสมควร