เรอัล มาดริด vs แอต. มาดริด
เรอัล มาดริด และแอตเลติโก มาดริด จะพบกันเป็นครั้งที่ 8 ตั้งแต่เจอกันในยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก นัดชิงชนะเลิศปี 2014 เดิมพันก็คือการผ่านเข้าสู่รอบรองชนะเลิศ
ชัยชนะในช่วงต่อเวลาพิเศษ 4-1 ของเรอัล มาดริดที่ลิสบอน ช่วยให้พวกเขาคว้าแชมป์ยูโรเปี้ยน คัพ สมัยที่ 10 ในครั้งแรกในประวัติศาสตร์ของการแข่งขันรายการนี้ 59 ปีที่ทีมจากเมืองเดียวกันเจอกันในนัดชิง
กลับมาเจอกันคราวนี้ที่เลกแรกเสมอกัน 0-0 ส่งผลให้แอตเลติโกฤดูกาลนี้ยังไม่แพ้เรอัล มาดริด
Previous meetings
• เรอัล มาดริดพลิกสถานการณ์จากที่ตกเป็นฝ่ายตามในนัดชิงชนะเลิศเดือนพฤษภาคม จากการโหม่งของดิเอโก้ โกดิน นาที 36 กลับมาเป็นผู้ชนะได้ในการต่อเวลาพิเศษ เซร์คิโอ รามอส ตีเสมอให้เรอัลก่อนในนาทีที่ 3 ของการทดเวลาบาดเจ็บครึ่งหลัง ก่อนจะได้ 3 ประตูช่วงต่อเวลาพิเศษ 30 นาทีจากแกเร็ธ เบล, มาร์เซโล่ และคริสเตียโน่ โรนัลโด้ ช่วยให้คาร์โล อันเชล็อตติ ได้แชมป์รายการนี้เป็นสมัยที่ 3 ในฐานะโค้ช
• สองทีมเจอกันแค่ครั้งเดียวก่อนการเจอกันในนัดชิงชนะเลิศปี 2014 นั่นคือยูโรเปี้ยน คัพ รอบรองชนะเลิศ 1958/59 ที่เรอัลเป็นฝ่ายเฉือนชนะได้ในบ้าน 2-1 ในเลกแรก ก่อนแอต. มาดริดจะชนะ 1-0 ในเลกสอง ทำให้ต้องเล่นรีเพลย์ที่ซาราโกซ่า ที่เฟเรนซ์ ปุสกัส ยิงประตูชัยให้เรอัล มาดริดเข้าไปชิงชนะเลิศเป็นปีที่ 4 ติดต่อกัน
• ก่อนการเจอกันเลกแรก ทั้งสองทีมเจอกันมา 6 ครั้ง แอตเลติดกชนะทั้งสองเกมในลาลีกา (บุกชนะ 2-1 และชนะในบ้าน 4-0)
• สองทีมเจอกันในโคปา เดลเรย์ รอบสอง ที่แอต. มาดริดเป็นฝ่ายมีชัย (ชนะในบ้าน 2-0 และบุกเสมอ 2-2) ขณะที่ในซูเปอร์ คัพ ก็เป็นแอตเลติโกที่ทำได้ดีกว่า (เสมอ 1-1 นอกบ้าน และชนะในบ้าน 1-0)
Match background
• เรอัล มาดริด ที่เข้ารอบก่อนรองชนะเลิศมา 5 ปีติด ชนะในรอบก่อนรองชนะเลิศมา 4 ปีติด และชนะ 8 ใน 9 ครั้งหลัง
• สถิติชนะติดต่อกันในบ้านของเรอัล มาดริด ในยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ถูกหยุดไว้ที่ 11 เกมหลังจากที่แพ้ชาลเก้คาบ้าน 3-4 ในรอบ 16 ทีมเลกสอง โรนัลโด้ยิงประตูที่ 77 และ 78 ของเขาในการแข่งขันถ้วยยุโรป ที่ทำให้เขาแซงเจ้าของราอูล กอนซาเลซ เจ้าของสถิติ
• การแพ้ดังกล่าวทำให้เรอัล มาดริดถูกหยุดสถิติชนะติดต่อกันทั้งเหย้า และเยือนไว้ที่ 10 เกม และขาดแค่เกมเดียวก็จะสร้างสถิติใหม่ นอกจากนั้นยังเป็นการแพ้ครังแรกของพวกเขาใน 22 เกมแชมเปี้ยนส์ ลีก ที่เบอร์นาบิว (ชนะ 19)
• ความพ่ายแพ้ครั้งก่อนหน้านี้ของเรอัล มาดริด เกิดขึ้นในยูฟ่าแชมเปี้ยนส์ ลีก รอบก่อนรองชนะเลิศเลกสองที่โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ ที่มาดริดพลาดท่าแพ้ 0-2 แต่ก็ยังได้ผ่านเข้ารอบเนื่องจากเลกแรกชนะมา 3-0
• อันเชช็อตติ มีโอกาสที่จะเป็นกุนซือคนแรกที่ได้ชูถ้วยนี้ 4 ครั้งในฐานะโค้ช ก่อนหน้านี้เขาพาทีมเอซี มิลาน เป็นแชมป์ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีกสองหน นั่นคือปี 2003 และ 2007 นอกจากนั้นยังได้แชมป์รายการนี้สองครั้งสมัยเป็นผู้เล่นเอซี มิลาน ในปี 1989 และ 1990
• 22 หนก่อนหน้าในการเล่นถ้วยยุโรปที่เลกแรกพวกเขาบุกไปเสมอ เรอัล มาดริด ผ่านเข้ารอบได้ 21 ครั้ง มีแค่ครั้งเดียวที่ตกรอบ นั่นคือในยูโรเปี้ยน คัพ รอบก่อนรองชนะเลิศปี 1990/91 ที่พวกเขาบุกไปเสมอ 0-0 เลกแรกที่สปาร์ตัก มอสโก ก่อนจะกลับมาแพ้คาบ้าน 1-3
แอตเลติโก มาดริด
• เข้าสู่รอบก่อนรองชนะเลิศยูโรเปี้ยน คัพ ได้เป็นสมัยที่ 7 และกำลังลุ้นเข้ารอบรองฯ เป็นครั้งที่ 5
• แอต. มาดริด ชนะ 7 แพ้ 5 ใน 16 เกมยุโรปที่เจอทีมสเปนด้วยกัน รวมฤดูกาลก่อนที่พวกเขาเขี่ยบาร์เซโลน่าด้วยสกอร์รวม 2-1 ในแชมเปี้ยนส์ ลีก รอบก่อนรองฯฤดูกาลก่อน
• การแพ้เรอัล ที่ลิสบอน คือครั้งเดียวใน 10 ครั้งหลังที่แอต. มาดริดแพ้ทีมจากสเปนด้วยกันในถ้วยยุโรป (ชนะ 5 เสมอ 4) นับตั้งแต่ที่แพ้บียาร์เรอัล เลกแรกของศึกยูฟ่า อินเตอร์โตโต้ คัพ นัดชิงชนะเลิศปี 2004
• แชมป์ลา ลีกา ชนะ 5 แพ้ 2 ใน 10 เกมแชมเปี้ยนส์ ลีกนอกบ้าน นับตั้งแต่กันยายน 2013 รอบ 16 ทีมที่ผ่านมา แอต. มาดริด พลาดท่าแพ้ 0-1 ที่เลเวอร์คูเซ่น ก่อนจะเฉือนชนะสกอร์เดียวกันในถิ่น และมาชนะในการดวลจุดโทษ 3-2
• แอต. มาดริด ชนะ 5 จาก 8 ครั้งของการเล่นรอบน็อคเอาท์ถ้วยยุโรป หลังจากที่เกมแรกเล่นในบ้านเสมอ รวม 3 ครั้งหลังสุดที่สกอร์เลกแรก 0-0 นั่นคือกับเชลซีในรอบรองชนะเลิศฤดูกาลที่แล้ว (บุกชนะ 3-1), สปอร์ติ้ง ลิสบอน ในยูโรป้า ลีก รอบ 16 ทีม (บุกเสมอ 2-2) และกาลาตาซาราย ในยูโรเปี้ยน คัพ รอบแรก ฤดูกาล 1973/74 (บุกชนะ 1-0)