เกมแรกที่พบกันจบลงด้วยการเสมอกันไป 0-0 และทำให้ เชลซี มีเพียง 4 คะแนน ซึ่งยังไม่สามารถขยับแซงขึ้นไปเป็นอันดับสองของกลุ่ม จี ได้ เช่นเดียวกับผู้มาเยือน ดินาโม เคียฟ ที่ผ่านสามนัดมี 5 แต้มและไม่แพ้ใคร รั้งรองจ่าฝูงอย่างเหนียวแน่น เกมนี้คาดว่า โชเซ่ มูรินโญ่ เตรียมสั่งลูกทีมเดินหน้าเก็บสามแต้มให้ได้ เพื่อเปิดโอกาสผ่านเข้าสู่รอบน็อคเอ้าท์ พร้อมกล่าวทิ้งท้ายก่อนเกมว่า "ไม่มีเรื่องบาดหมางในแคมป์เชลซีแน่นอน"
ประวัติการพบกัน
• การพบกันในรอบแบ่งกลุ่มหนล่าสุด ซึ่งเสมอกันไป 0-0 ที่บ้านของ ดินาโม เคียฟ เป็นการเผชิญหน้ากันครั้งแรกในประวัตศาสตร์ของทั้งสองสโมสร
สถิติน่าสนใจของทั้งสองทีม
เชลซี
• ยอดทีมเมืองลอนดอน ออกสตาร์ทรอบแบ่งกลุ่มครั้งที่ 14 ด้วยการเปิดบ้านเอาชนะ มัคคาบี้ เทล อาวีฟ 4-0 ก่อนจะบุกพ่าย ปอร์โต้ 1-2 และล่าสุดทำได้เพียงเสมอกับ ดินาโม เคียฟ 0-0
• เชลซี แพ้เพียงแค่หนเดียว ตลอด 10 เกมเหย้าหลังสุดในศึก ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก (ชนะ 7, เสมอ 2)
• หนล่าสุดที่ "สิงห์บลูส์" เผชิญหน้ากับทีมจากยูเครน ต้องย้อนไปเมื่อฤดูกาล 2012/2013 ในเกมที่เปิดบ้านเอาชนะ ชัคเตอร์ โดเน็ตส์ค 3-2 ของรอบแบ่งกลุ่ม แชมเปี้ยนส์ ลีก
• โชเซ่ มูรินโญ่ เคยทำทีม ปอร์โต้ (2004) และ อินเตอร์ มิลาน (2010) เป็นแชมป์ ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก และจะกลายเป็นกุนซือคนแรกที่พาสามสโมสรเป็นแชมป์ (หากทำได้กับ เชลซี)
ดินาโม เคียฟ
• เคียฟยังไม่แพ้ใครในรอบแบ่งกลุ่มฤดูกาล 2015/2016 โดยสามารถเปิดรังเสมอ ปอร์โต้ 1-1 ในเกมแรก ก่อนจะบุกเอาชนะ มัคคาบี้ เทล อาวีฟ 2-0 และยันเจ๊า เชลซี 0-0 ในเกมล่าสุด
• ตัวแทนจากลีกยูเครนทีมนี้ เคยเปิดบ้านเอาชนะตัวแทนจาก พรีเมียร์ลีก อย่าง เอฟเวอร์ตัน 5-2 ในรอบ 16 ทีมสุดท้ายของศึก ยูฟ่า ยูโรป้า ลีก ฤดูกาล 2014/2015 (สกอร์รวมสองนัด 6-4)
• ดินาโม เคียฟ ยังไม่เคยบุกไปเก็บชัยจากทีมในลีกอังกฤษได้เลย ตลอด 12 ครั้งที่ผ่านมา (เสมอ 2, แพ้ 10)