วิเคราะห์บอล พรีเมียร์ลีก
ลิเวอร์พูล (8) -vs- เชลซี (9) ... (02.00)
สนาม : แอนฟิลด์
ราคาบอล : ลิเวอร์พูล ต่อ 0.5
ผลการพบกันของทั้งสองทีม
31/10/15 เชลซี แพ้ ลิเวอร์พูล 1-3
10/05/15 เชลซี เสมอ ลิเวอร์พูล 1-1
09/11/14 เชลซี เสมอ ลิเวอร์พูล 0-0 (ลีก คัพ)
21/01/15 ลิเวอร์พูล เสมอ เชลซี 1-1 (ลีก คัพ)
08/11/14 ลิเวอร์พูล แพ้ เชลซี 1-2
27/04/14 ลิเวอร์พูล แพ้ เชลซี 0-2
29/12/13 เชลซี ชนะ ลิเวอร์พูล 2-1
21/04/13 ลิเวอร์พูล เสมอ เชลซี 2-2
11/11/12 เชลซี เสมอ ลิเวอร์พูล 1-1
09/05/12 ลิเวอร์พูล ชนะ เชลซี 4-1
ฟอร์ม 5 นัดหลังสุดของทั้ง 2 ทีม
ลิเวอร์พูล
08/05/16 ชนะ วัตฟอร์ด 2-0 (เหย้า) / ต่อ 1.25 ... บวก
06/05/16 ชนะ บียาร์เรอัล 3-0 (เหย้า) / ต่อ 0.75 ... บวก
01/05/16 แพ้ สวอนซี ซิตี้ 1-3 (เยือน) / ต่อ 0.25 ... เสีย
29/04/16 แพ้ บียาร์เรอัล 0-1 (เยือน) ยูฟ่า ยูโรป้า ลีก) เสมอ ... เสีย
23/04/16 เสมอ นิวคาสเซิ่ล ยูไนเต็ด 2-2 (เหย้า) / ต่อ 1.0 ... เสีย
ฟอร์มเกมเหย้าในลีก แข่ง 18 ชนะ 7 เสมอ 8 แพ้ 3 ได้ 32 เสีย 23 มี 29 แต้ม
เชลซี
07/05/16 แพ้ ซันเดอร์แลนด์ 2-3 (เยือน) / เสมอ ... เสีย
03/05/16 เสมอ ท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์ 2-2 (เหย้า) / เสมอ ... เจ๊า
23/04/16 ชนะ บอร์นมัธ 4-1 (เยือน) / ต่อ 0.25 ... บวก
17/04/16 แพ้ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ 0-3 (เหย้า) / เสมอ ... เสีย
09/04/16 แพ้ สวอนซี ซิตี้ 0-1 (เยือน) / ต่อ 0.25 ... เสีย
ฟอร์มเกมเยือนในลีก แข่ง 18 ชนะ 8 เสมอ 4 แพ้ 6 ได้ 28 เสีย 20 มี 28 แต้ม
ฟอร์ม 6 นัดหลังสุดในลีก
ลิเวอร์พูล
เหย้า - แข่ง 3 ชนะ 2 เสมอ 1 แพ้ 0 ได้ 8 เสีย 2 มี 7 แต้ม
เยือน - แข่ง 3 ชนะ 1 เสมอ 0 แพ้ 2 ได้ 5 เสีย 7 มี 3 แต้ม
เชลซี
เหย้า - แข่ง 3 ชนะ 0 เสมอ 2 แพ้ 1 ได้ 4 เสีย 7 มี 2 แต้ม
เยือน - แข่ง 3 ชนะ 1 เสมอ 0 แพ้ 2 ได้ 6 เสีย 5 มี 3 แต้ม
สถิติที่น่าสนใจ
- ลิเวอร์พูล เก็บชัยเหนือเชลซี ได้เพียงเดียวในรอบ 7 เกม ซึ่งเกิดขึ้นที่สแตมฟอร์ด บริดจ์ เมื่อซีซั่นก่อน (เสมอ 3 แพ้ 3)
- ลิเวอร์เสียประตูให้กับเชลซี ทุกนัดในรอบ 9 เกมที่เจอกัน และเสียถึงนัดละ 2 ลูก ใน 3 นัดท้าย
- ลิเวอร์พูล ไม่เสียท่าในแอนฟิลด์ 7 เกมติดต่อกันในลีก (ชนะ 4 เสมอ 3)
- "หงส์แดง" ยิงได้อย่างน้อย 1 ลูกเกม ตลอด 12 นัดหลังสุดในลีก นับเป็นสถิติยาวนานที่สุดของทีมนับตั้งแต่เดือนเมษายน 2014 ซึ่งช่วงนั้นพวกเขายิงได้ 25 นัดติดต่อกัน
- เชลซี แพ้ถึง 2 จาก 3 เกมเยือนหลังสุดในลีก โดยบุกชนะบอร์นมัธ 4-1 ในเกมที่รอดตัว
- "สิงห์บลูส์" เสียไปถึง 51 ลูกในซีซี่นนี้ นับเป็นการเสียประตูเยอะสุดนับตั้งแต่ฤดูกาล 1996-97 (55 ประตู)
- ดีเอโก้ คอสต้า มีส่วนร่วมกับทีมถึง 14 ลูก จาก 14 เกมลีกที่ผ่านมา (ยิง 9 จ่าย 5)
สภาพทีมล่าสุดของทั้งสองทีม
เจอร์เก้น คล็อปป์ เตรียมกลับมาใช้ชุดใหญ่ลงบู๊เพื่อเตรียมความพร้อมก่อนลุยยูโรป้า ลีก ช่วงกลางสัปดาห์หน้า หมายความว่าตัวหลักที่ได้พักในเกมชนะวัตฟอร์ดทั้ง โรเบร์โต้ ฟีร์เมียโน่ (ตัวสำรอง), แดเนี่ยล สเตอร์ริดจ์, เอ็มเร่ ชาน, เจมส์ มิลเนอร์, อดัม ลัลลานา, เดยัน ลอฟเรน และ เนธาเนี่ยล ไคลน์ จะกอดคอคืนทัพ และค่อยไปพักอีกครั้งในเกมลีกนัดปิดท้าย ส่วนแข้งเดี้ยงหน้าเดิม 5 รายก็ยังกลับมาช่วยทีมไม่ได้ โดยเฉพาะในรายของ จอร์แดน เฮนเดอร์สัน ซึ่งฟิตไม่ทันเกมชิงยูโรป้า ลีก ขณะที่ โอรีกี้ และ แดนนี่ อิงส์ ยังมีลุ้น ทั้งนี้ คล็อปป์ ยังมองไปที่อันดับ 6 ซึ่งเป็นพื้นที่ใกล้เคียงกับความเป็นไปได้ของลิเวอร์พูลในการจะจับจอง
ตัวแบน :
กองหลัง - มามาดู ซาโก้
ตัวเจ็บ :
กองหลัง - โจ โกเมซ (5 นัด)
กองกลาง - จอร์แดน รอสซิเตอร์ (1 นัด), จอร์แดน เฮนเดอร์สัน (16 นัด/2 ประตู)
กองหน้า - แดนนี่ อิงส์ (5 นัด/2 ประตู), ดิว็อค โอริกี้ (16 นัด/5 ประตู)
ส่วนทางฝั่งกุส ฮิดดิ้งค์ จะไม่มี จอห์น เทอร์รี่ ลงขันแนวรับ เนื่องจากเจ้าตัวเจอเหลือง-แดง ระหว่างเกมแพ้ซันเดอร์แลนด์ จึงติดโทษแบน 1 เกม จึงเป้นโอกาสของดาวรุ่งอย่าง แม็ตต์ เมียซก้า ที่จะลงปักหลักกับ แกรี่ เคฮิลล์ ส่วน บรานิสลาฟ อิวาโนวิช ก็เดี้ยงเพิ่มเติมเข้ามา ต้องเช็กฟิตในนาทีสุดท้าย หากไม่ไหว คาดว่า ฮิดดิ้งค์ จะขยับ เซซ่าร์ อัซปิลิกวยต้า ไปยืนแบ็คขวา และส่ง บาบา ราห์มาน ลงมายืนแบ็คซ้าย ขณะที่ตัวเจ็บสองรายอย่าง เคิร์ท ซูม่า กับ โลอิก เรมี่ ห็ยังไม่พร้อม ทางด้านตำแหน่งอื่นๆ ก็คงเป็นหน้าเดิมๆ จากเกมล่าสุด นำโดย ดีอโก้ คอสต้า กองหน้าตัวเก่ง รวมถึง วิลเลี่ยน จอมทัพบราซิเลี่ยน
ตัวแบน :
กองหลัง - แกรี่ เคฮิลล์
ตัวเจ็บ :
กองหลัง - เคิร์ท ซูม่า (23 นัด 1 ประตู)
กองหน้า - โลอิก เรมี่ (13 นัด 1 ประตู)
รายชื่อนักเตะที่คาดว่าจะลงสนาม
ลิเวอร์พูล (4-2-3-1) : ซิมง มิโญเล่ต์; นาธาเนี่ยล ไคลน์, มาร์ติน สเคอร์เทล, เดยัน ลอฟเรน, อัลเบร์โต้ โมเรโน่; เอ็มเร่ ชาน, เจมส์ มิลเนอร์; อดัม ลัลลานา, ฟิลิเป้ คูตินโญ่ ; แดเนี่ยล สเตอร์ริดจ์
เชลซี (4-2-3-1) : ธิโบต์ กูร์กตัวส์; เซซ่าร์ อัซปิลิกวยต้า, แกรี่ เคฮิลล์, แม็ตต์ เมียซก้า, บาบา ราห์มาน; เนมานย่า มาติช, จอห์น โอบิ มิเกล; วิลเลี่ยน, เชส ฟาเบรกาส, เอแด็น อาซาร์; ดิเอโก้ คอสต้า
police ติดโต๊ะ
ลิเวอร์พูล กำลังฟอร์มดี อีกทั้งจะลงเล่นในแอนฟิลด์ เป็นเกมสุดท้ายของฤดูกาล จึงน่าจะออกตัวด้วยความกระหายเป็นพิเศษ นอกจากนี้ทางด้าน คล็อปป์ เตรียมส่งชุดใหญ่ลงสนาม เดื่อลองทีมก่อนนัดชิงยูโรป้า ลีก เชื่อว่านักเตะที่ถูกส่งเกมนี้ต้องเค้นฟอร์มเก่งเพื่อการันตีตัวจริงในแมตช์ดังกล่าว ในขณะที่เชลซี เหมือนถอนคันเร่ง ช่วงหลังก็มีลูกฮึดเฉพาะเกมขัดขาสเปอร์ส ด้วยการไล่ตีเสมอ 2-2 ล่าสุดก็ถูกซันเดอร์แลนด์ ใช้ลูกวิ่งสู้ฟัดจนถอดใจแพ้ไป 2-3 ซ้ำร้าย "สิงห์บลูส์" จะไม่มี จอห์น เทอร์รี่ กองหลังกัปตันทีม เท่ากับว่าทีมเยือนเหลือ แกรี่ เคฮิลล์ ที่เป็นหัวใจแนวรับ สถานการณ์จึงเป็นรอง "หงส์แดง" อยู่หลายมุม ดังนั้นชั่งน้ำหนักแล้ว ก็คงแนะให้อยู่บอลมีทรงกว่าอย่าง ลิเวอร์พูล น่าจะบดเอาชนะเชลซี ซึ่งชั่วโมงนี้ไม่มีอะไรไปได้ไม่ยาก
ผลบอลที่คาด : ลิเวอร์พูล ชนะ 2-1
อัตราความมั่นใจ : 8/10