ช่วงสุดสัปดาห์นี้คาบเกี่ยวไปถึงช่วงกลางสัปดาห์หน้านอกจากฟุตบอลลีกอิตาเลี่ยนที่งดแข่งเพื่อไว้อาลัยให้กับ กาบริเอเล่ ซานดรี้ กองเชียร์ ลาซิโอ ที่เสียชีวิตจากลูกหลงของเหตุการณ์ปะทะกันระหว่างแฟนบอลอันธพาลและเจ้าหน้าที่ตำรวจแดนมะกะโรนี แล้ว
กาบริเอเล่ ซานดรี้ แฟนบอลผู้โชคร้าย
ฟุตบอลลีกหลัก ๆ ที่เหลือของยุโรปก็ต่างพักเบรกเพื่อลีกทางให้กับคิวหวดศึกยูโร 2008 รอบคัดเลือก ช่วงโค้งสุดท้าย ซึ่งหน้าตาของชาติที่ตีตั๋วผ่านเข้าไปเล่นรอบสุดท้าย ที่ สวิตเซอร์แลนด์ & ออสเตรีย สำเร็จจะเป็นอย่างไรนั้นจะได้บทสรุปภายใน 7 วันข้างหน้านี้ โดยวันนี้เราจะมาดูถึงสถานการณ์ล่าสุด รวมถึงความเป็นไปได้ที่จะเกิดขึ้นในแต่ละสายกัน
กลุ่ม เอ
ขุนพลโปลภายใต้การนำทัพของเทรนเนอร์ ลีโอ บีนฮัคเกอร์ ซึ่งนำเป็นจ่าฝูงของกลุ่ม เอ มี 24 แต้ม จากการลงสนาม 12 นัด หากนัดนี้พวกเขาสามารถเปิดรังชนะ เบลเยียม สำเร็จจะได้สิทธิ์เข้าสู่รอบสุดท้ายทันทีโดยไม่ต้องไปลุ้นผลนัดสุดท้าย ส่วน โปรตุเกส จะเข้ารอบในกรณีที่สามารถเอาชนะ อาร์เมเนียและขณะเดียวกัน เซอร์เบีย ไม่ชนะ คาซักสถานและ ฟินแลนด์ ไม่ชนะ อาเซอร์ไบจาน
กลุ่ม บี
ผู้ชนะคู่ระหว่าง เจ้าถิ่น สกอตแลนด์ กับ แชมป์โลก อิตาลี จะได้สิทธิ์ผ่านเข้ารอบ แต่ในกรณีที่ ขุนพล
อัซซูรี่ บุกชนะ สกอตแลนด์ ได้ถึง กลาสโกว์ ทีมชาติฝรั่งเศส จะตีตั๋วทะยานเข้าสู่รอบสุดท้ายโดยไม่ต้องลุ้นผลนัดที่เหลือ
คิวหวดชี้ชะตา : 17 พฤศจิกายน / สกอตแลนด์ -vs- อิตาลี
21 พฤศจิกายน / อิตาลี -vs- หมู่เกาะแฟโร
21 พฤศจิกายน / ยูเครน -vs- ฝรั่งเศส
กลุ่ม ซี
สายนี้เหลือโควต้าอีกเพียงที่เดียว เพราะจ่าฝูง กรีซ แต้มนำขาด คว้าสิทธิ์ผ่านเข้าไปป้องกันแชมป์เป็นที่เรียบร้อยแล้ว โดย นอร์เวย์ จะสามารถซิวตั๋วใบที่เหลือหากเอาชนะ ตุรกี ได้ในวันเสาร์นี้
กลุ่ม ดี
กลุ่มนี้ได้บทสรุปไปตั้งแต่ไก่โห่ เยอรมันกับ สาธารณรัฐเช็ก ควงแขนผ่านเข้าสู่รอบต่อไปตามคาด นัดที่เหลือคงเล่นแบบชิว ๆ เพื่อเป็นการลองแท็คติกหรือไม่ก็เปิดโอกาสแข้งดาวรุ่งได้หาประสบการณ์
กลุ่ม อี
โครเอเชีย นำเป็นจ่าฝูงและเพียงแค่ผลเสมอ มาซิโดเนีย ก็จะส่งผลให้พวกเขาตีตราจองตั๋วรอบสุดท้ายสำเร็จในฐานะแชมป์กลุ่ม จุดสนใจของกลุ่มนี้อยู่ที่การแย่งตั่วใบที่สองระหว่าง รัสเซีย กับ อังกฤษ โดยการลุ้นของกลุ่มนี้จะสิ้นสุดลงในวันพุธ ซึ่งเป็นแมตช์สุดท้าย
คิวหวดชี้ชะตา : 17 พฤศจิกายน / อิสราเอล -vs- รัสเซีย
17 พฤศจิกายน / มาซิโดเนีย -vs- โครเอเชีย
21 พฤศจิกายน / อังกฤษ -vs- โครเอเชีย
21 พฤศจิกายน / อันดอร์ร่า -vs- รัสเซีย
กลุ่ม เอฟ
สวีเดนกับ สเปน สถานการณ์ค่อนข้างลอยตัว เนื่องจากทั้งสองชาติจะผ่านเข้าสู่รอบสุดท้ายแบบไม่ต้องลุ้นผลคู่อื่นหากเอาชนะคู่แข่งสำเร็จ และในกรณีคู่ระหว่าง ไอร์แลนด์เหนือ กับ เดนมาร์ก ไม่มีผลแพ้-ชนะ ผลเสมอก็เพียงพอให้สองทีมหัวตารางเข้ารอบเช่นกัน
คิวหวดชี้ชะตา : 17 พฤศจิกายน / ไอร์แลนด์เหนือ -vs- เดนมาร์ก
17 พฤศจิกายน / สเปน -vs- สวีเดน
17 พฤศจิกายน / สเปน -vs- ไอร์แลนด์เหนือ
21 พฤศจิกายน / เดนมาร์ก -vs- ไอซ์แลนด์
21 พฤศจิกายน / สวีเดน -vs- ลัตเวีย
กลุ่ม จี
ฮอลแลนด์ของเทรนเนอร์ มาร์โก แวน บาสเท่น จะลิ่วเข้าสู่รอบสุดท้ายทันทีหากเปิดรังชนะ ลักเซมเบิร์ก ซึ่งก็น่าจะทำสำเร็จแบบไม่ยากเย็นเพราะผู้มาเยือนเป็นทีมจอมแจกแต้มประจำกลุ่มอยู่แล้ว ส่วนจ่าฝูง โรมาเนีย เข้ารอบไปก่อนหน้านี้แล้ว อยู่ที่ว่าจะเป็นแชมป์กลุ่มหรือเปล่าเท่านั้น ส่วน บัลแกเรีย แทบหมดลุ้น เพราะนอกจากจะต้องชนะทั้งสองนัดที่เหลือ ต้องลุ้นให้ ฮอลแลนด์ ไม่ชนะเกมที่เหลือด้วย