ฟุตบอล คาร์ลิ่ง คัพ รอบก่อนรองชนะเลิศ
เชลซี (3) -vs- ลิเวอร์พูล (5)....(02.45 น.)
สนาม : สแตมฟอร์ด บริดจ์
ราคา : เชลซี ต่อ ปป
เชลซีภายหลังความพ่ายแพ้ที่ เอมิเรตส์ สเตเดี้ยม ต่อ อาร์เซน่อล 0-1 เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา คืนนี้ เชลซี ต้องเผชิญศึกหนักอีกครั้งเมื่อต้องเปิดบ้านรับการมาเยือนของ "หงส์แดง" ลิเวอร์พูล ที่เพิ่งชอกช้ำมาจากศึก "แดงเดือด" เช่นกัน แน่นอนว่าเกมนี้ทั้งสองทีมต่างต้องการกลับมาคว้าชัยชนะให้ได้อีกครั้ง
โดยเฉพาะอย่างยิ่งทางฝั่งเจ้าบ้านที่กุนซือ อัฟราม แกรนท์ ประกาศชัดว่าจะเน้นกับทุกรายการ เพื่อพิสูจน์ให้ "เสี่ยหมี" โรมัน อบราโมวิช มหาเศรษฐีเจ้าของทีมชาวรัสเซี่ยนเห็นว่าเงินจำนวนมหาศาลที่ลงทุกไปในช่วงต้นฤดูกาลนั้นไม่ได้เปล่าประโยชน์แต่อย่างใด
จะว่าไปนับตั้งแต่ เชลซี ดึง แกรนท์ ขึ้นนั่งบังเหียนนายใหญ่แทน โชเซ่ มูรินโญ่ ผลงานของทีม "สิงห์บลูส์" ก็อยู่ในระดับสุดยอด เพราะก่อนที่จะเสียท่าให้กับทีมของ อาร์แซน เวนเกอร์ ในเกมลอนดอนดาร์บี้แมตช์ 15 นัดก่อนหน้านั้นพวกเขาสะกดคำว่า "แพ้" ไม่เป็นอย่างไรก็ตามสิ่งที่ยากต่อการคาดเดาคือปฏิกริยาตอบสนองของงบรรดานักเตะหลังความพ่ายแพ้ในเกมใหญ่ ๆ แน่นอนว่าผู้เล่นเหล่านี้มีความเป็นมืออาชีพสูง แต่ถ้าจะมองต่างมุมการแพ้ในเกมแบบนี้คงจะส่งผลต่อสภาพจิตใจของนักเตะไม่น้อย
สำหรับฟอร์มเกมเหย้าของ เชลซี ถือว่าเชื่อขนมกินได้ เพราะหากนับเฉพาะในเกมลีกแล้ว พลพรรค "เดอะ บลูส์" ไม่แพ้เกมเหย้ามากว่า 3 ปี โดยฤดูกาลนี้ลงเล่นที่ สแตมฟอร์ด บริดจ์ 8 นัด ชนะ 5 เสมอ 3 และแนวรับเสียประตูแค่ 3 ลูกเท่านั้น
ทางด้านสภาพความพร้อมล่าสุดนัดนี้ อัฟราม แกรนท์ แย้มไต๋ว่าจะนำระบบหมุนเวียนนักเตะมาใช้เพื่อปล่อยให้ตัวจริงได้พักและเปิดโอกาสให้เหล่าผู้เล่นสำรองได้ลงพิสูจน์ฝีเท้า คาดว่า มิชาเอล บัลลัค จอมทัพทีมชาติเยอรมันที่เพิ่งหายเจ็บจะถูกส่งลงเป็นตัวจริงเคียงข้าง แลมพาร์ดและ เอสเซียง ในแดนกลางขณะที่แนวรับ เบน ฮาอิม จะลงยืนเซนเตอร์ฮาล์ฟคู่กับ อเล็กซ์ เนื่องจาก จอห์น เทอร์รี่ บาดเจ็บและต้องพักราว 6 อาทิตย์ โดยมี เบลเลตติและ เวย์น บริดจ์ เป็นฟูลแบ็กทั้งสองข้าง ด้านแนวรุก อังเดร เชฟเชนโก้ ที่ทำผลงานใช้ได้ในเกมที่แล้วจะได้ลงล่าตาข่ายเป็นตัวจริงต่อไป เพราะเพชฌฆาตเบอร์หนึ่งอย่าง ดิดิเย่ร์ ดร็อกบา เจ็บ
อังเดร เชฟเชนโก้ ถือเป็นตัวความหวังสูงสุดในแดนหน้าของ เชลซี ยามไร้เพชฌฆาตเบอร์หนึ่งอย่าง ดิดิเย่ร์ ดร็อกบาฟอร์ม 5 นัดล่าสุดของ เชลซี
* 16.12.2007 แพ้ อาร์เซน่อล 0-1 (เยือน) พรีเมียร์ชิพ
* 11.12.2007 เสมอ บาเลนเซีย 0-0 (เหย้า) ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก
* 08.12.2007 ชนะ ซันเดอร์แลนด์ 2-0 (เหย้า) พรีเมียร์ชิพ
* 01.12.2007 ชนะ เวสต์แฮม 1-0 (เหย้า) พรีเมียร์ชิพ
* 28.11.2007 ชนะ โรเซนบอร์ก 4-0 (เยือน) ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก
ลิเวอร์พูลการลุ้นแชมป์พรีเมียร์ลีกของ ลิเวอร์พูล ส่อเค้าจะปิดฉากลงตั้งแต่ช่วงกลางฤดูกาล ภายหลังแพ้ แมนยู คาแอนฟิลด์ 0-1 เมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมาและปีนี้ทีมของ "เอล ราฟา" ลงเผชิญหน้ากับทีมกลุ่มลุ้นแชมป์ในบ้าน 3 ครั้ง แต่เพิ่งเก็บได้สองแต้มเท่านั้น ทำให้ถึงตอนนี้ทัพ "เร้ด แมชชีน" คงจะเหลือลุ้นชัดเจนจริง ๆ เพียงสองรายการเท่านั้นคือ ยูฟ่า แชมเปียนส์ ลีกและก็ถ้วย คาร์ลิ่ง คัพ เนี่ยแหละ
ปูมหลังของคู่นี้ถือว่าสูสีใกล้เคียง ลิเวอร์พูล เคยเสียท่า เชลซี ในรอบชิงชนะเลิศรายการนี้เมื่อปี 2004 แต่กลับกันยอดทีมแห่งลุ่มน้ำเมอร์ซี่ย์ไซด์เคยเขี่ย เชลซี ตกรอบน๊อค-เอาท์ รายการแชมแเปี้ยนส์ ลีก มาแล้วสองหน อย่างไรก็ตามนี่เป็นเกมแรกระหว่างทั้งสองสโมสรยักษ์ใหญ่เมืองผู้ดีภายใต้การดวลกึ๋นของ เบนิเตซ กับ แกรนท์ผลงานในรอบที่ผ่านมาของ ลิเวอร์พูล ถือว่าใช้ได้ ชนะ คาร์ดิฟฟ์ 2-1 และบุกชนะ เรดดิ้ง 4-2 ซึ่งเกมดังกล่าวนั้น เฟร์นานโด ตอร์เรส ฝากแฮททริคแรกกับทีมสำเร็จ ส่วนภาพรวมเกมนอกบ้านของ "หงส์แดง" ค่อนข้างดีเลยทีเดียว เพราะชนะเกมเยือนในลีก 5 จาก 8 นัด เพียงแค่หนล่าสุดฟอร์มไม่ค่อยแจ่มออกไปแพ้ เรดดิ้ง เละ 1-3
ด้านความพร้อม เบนิเตซ เตรียมส่งขุนพลชุดที่ดีที่สุดลงบู๊ โดยจะปรับทัพจากนัดพ่าย แมนยู ราว 1-2 ตำแหน่งเท่านั้น โดย ลูกัส เลว่า, อังเดร โวโรนิน, ไรอัน บาเบลและ ปีเตอร์ เคร้าช์ น่าจะมีชื่อเป็น 11 ตัวจริง แต่ข่าวร้ายของทีมคือจะไม่มี สตีเว่น เจอร์ราร์ด ห้องเครื่องกัปตันทีมที่ท้องเสียกระทันหัน ทว่าจะได้ ชาบี อลอนโซ่ ผ่านความฟิตกลับและคาดว่ากองกลางทีมชาติสเปนจะถูกส่งลงทดแทนการขาดหายไปของ "สตีวี่จี" ทันที
ข่าวร้ายของ ลิเวอร์พูล คือจะปราศจาก สตีเว่น เจอร์ราร์ด ที่ปวดท้องกระทันหัน
ฟอร์ม 5 นัดล่าสุดของ ลิเวอร์พูล
* 16.12.2007 แพ้ แมนยู 0-1 (เหย้า) พรีเมียร์ชิพ
* 11.12.2007 ชนะ มาร์กเซย 4-0 (เยือน) ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก
* 08.12.2007 แพ้ เรดดิ้ง 1-3 (เยือน) พรีเมียร์ชิพ
* 02.12.2007 ชนะ โบลตัน 4-0 (เหย้า) พรีเมียร์ชิพ
* 28.11.2007 ชนะ ปอร์โต้ 4-1 (เหย้า) ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก
ผลการพบกันของทั้งสองทีม 5 ฤดูกาลล่าสุดที่ สแตมฟอร์ด บริดจ์
* 2006/2007 เชลซี ชนะ ลิเวอร์พูล 1-0 พรีเมียร์ชิพ
* 2006/2007 เชลซี ชนะ ลิเวอร์พูล 1-0 ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก
* 2005/2006 เชลซี ชนะ ลิเวอร์พูล 2-0 พรีเมียร์ชิพ
* 2005/2006 เชลซี แพ้ ลิเวอร์พูล 1-2 เอฟเอ คัพ
* 2005/2006 เชลซี เสมอ ลิเวอร์พูล 0-0 ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก
* 2004/2005 เชลซี เสมอ ลิเวอร์พูล 0-0 ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก
* 2004/2005 เชลซี ชนะ ลิเวอร์พูล 1-0 พรีเมียร์ชิพ
* 2003/2004 เชลซี แพ้ ลิเวอร์พูล 0-1 พรีเมียร์ชิพ
* 2002/2003 เชลซี ชนะ ลิเวอร์พูล 2-1 พรีเมียร์ชิพ
* 2001/2002 เชลซี ชนะ ลิเวอร์พูล 4-0 พรีเมียร์ชิพ
เกมของคู่นี้ที่ สแตมฟอร์ด บริดจ์ มักจะจบด้วยชัยชนะของเจ้าบ้าน
ซอคเกอรูส์ ฟันธง
การขาด ดิดิเย่ร์ ดร็อกบากับ จอห์น เทอร์รี่ สร้างรอยโหว่ช่องใหญ่ให้กับ เชลซี ทั้งแนวรุก-รับ แต่ทว่าขุนพลที่เหลือยังมีศักยภาพเพียงพอต่อการรับมือ อาคันตุกะจากเมืองลิเวอร์พูลและสถิติการเล่นเกมเหย้าของพวกเขาที่ สแตมฟอร์ด บริดจ์ นั้นเรียกได้ว่าเนียนตาเหลือเกินเพราะยังไม่แพ้ใครในการเล่นเกมลีกตลอด 3 ปีหลังและสถิติการดวลแข้งกับหงส์แดงในรังถือว่าข่มชัดเจน
ที่สำคัญนัดนี้ทีมเยือนไม่มีตัวคีย์แมนอย่าง สตีเว่น เจอร์ราร์ด ทำให้เกมแดนกลางเป็นรองแน่ พิจารณาจากองค์ประกอบต่าง ๆ แล้ว หากแผงมิดฟิลด์เจ้าบ้านผ่านบอลสวย ๆ อังเดร เชฟเชนโก้ ดี ๆ นัดนี้กองเชียร์ "สิงห์บลูส์" น่าจะได้เฮกันในบั้นปลาย.....กัดฟันต่อ เชลซี พร้อมจิ้มสกอร์ต่ำแบบขำ ๆ
สกอร์ล้มโต๊ะ : เชลซี 1-0 ลิเวอร์พูล
เปอร์เซนต์ความน่าจะเป็น : เชลซี ชนะ 47% - เสมอ 28%- ลิเวอร์พูล ชนะ 25%
19 / 12 / 2007 14:26