"ปืน" ปะทะ "หงส์" ใครจะอยู่...ใครจะไป?
ความน่าประทับใจที่น่าจดจำในฤดูกาลนี้สำหรับกองเชียร์ฟุตบอลเมืองผู้ดีคงมีอยู่มากมาย แต่มีอยู่หนึ่งเรื่องที่มองข้ามไม่ได้เลยคือการที่ 4 สโมสรยักษ์ใหญ่จากเวทีพรีเมียร์ชิพสามารถตีตั๋วทะลุเข้าถึงรอบก่อนรองชนะเลิศของศึกยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ได้แแบบพร้อมหน้าพร้อมตา ทั้ง แมนฯยูไนเต็ด, เชลซี, อาร์เซน่อลและ ลิเวอร์พูล ทำให้ที่แน่ ๆ หลังจบการแข่งขันรอบนี้จะยังมีทีมผู้ดีเหลืออยู่ในการชิงชัยรายการนี้อย่างน้อย 2 ทีม
หากวัดดีกรีความฮือฮาจากผลการจับสลากประกบคู่รอบ 8 ทีมสุดท้ายแล้ว ไฮไลต์ของเกมรอบนี้คงหนีไม่พ้นการโคจรพาพบกันของสองทีมชั้นนำของพรีเมียร์ลีกระหว่าง อาร์เซน่อล กับ ลิเวอร์พูล โดยเกมนัดแรกจะมีขึ้นที่ เอมิเรตส์ สเตเดี้ยม ในค่ำคืนนี้
ถือเป็นช่วงเวลาที่ไม่ค่อยดีเท่าไรสำหรับ อาร์เซน่อล เพราะแม้ในรอบที่แล้ว อาร์เซน่อล จะกรุยทางเข้ามาอย่างสวยหรูด้วยการบุกฝัง เอซี มิลาน ได้ถึง ซาน ซิโร่ แต่ตอนนี้ทีมของ อาร์แซน เวนเกอร์ กำลังเผชิญปัญหารอบด้าน ทั้งอาการบาดเจ็บของผู้เล่นตัวหลักและนักเตะหลายคนฟอร์มตก ยังดีที่สภาพจิตใจขุนพล
"เดอะ กันเนอร์ส" ถูกจุดประกายขึ้นจากชัยชนะแบบปาฏิหาริย์เหนือ โบลตัน วัลเดอเรอร์ส 3-2 ในเกมลีก เมื่อช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา
อลัน แฮนเซ่น อดีตนักเตะคนดังของ "หงส์แดง" ลิเวอร์พูล ที่ปัจจุบันหันมารับหน้าที่ผู้สันทัดกรณีด้านเกมลูกหนังของสำนักข่าว บีบีซี มองว่าอดีตต้นสังกัดของเขานั้นมีภาษี
ขณะที่ อาร์เซน่อล เป็นทีมที่มีความสามารถเฉพาะตัวสูง แต่ช่วงนี้เหมือนดินฟ้าอากาศไม่ค่อยเป็นใจ เพราะบรรดาตัวความหวังอย่าง เอ็มมานูเอล อเดบายอร์ ที่เคยถล่มประตูเป็นว่าเล่นนั้นกลับเครื่องช็อตไปดื้อ ๆ ขณะที่ เชส ฟาเบรกาส ก็ไม่ได้โดดเด่นเหมือนเมื่อต้นฤดูกาลที่ผ่านมา
ที่สำคัญเกมรับอันแข็งแกร่งของ อาร์เซน่อล ก็ไม่เหนียวแน่นอีกต่อไป เพราะถึงตอนนี้คู่แข่งต่างรู้ดีว่าแนวรับของทีมจากลอนดอน มักจะทำผิดพลาด หากต้องตกอยู่ภายใต้ภาวะกดดัน ดังที่เกิดขึ้นในเกมกับ เชลซี ที่ สแตมฟอร์ด บริดจ์
จากภาพรวมข้างต้นแล้ว แฮนเซ่น จึงมองว่า ลิเวอร์พูล ที่สภาพทีมพร้อม, ฟอร์มช่วงหลังลงตัว แถมมีตัวกุนซือที่ช่ำชองเกมยุโรปอย่าง "เอล ราฟา" คอยวางหมากนั้นมีภาษีเหนือกว่าทีมแกร่งร่วมลีกอยู่พอสมควร แต่สำหรับนัดนี้การมาเล่นในฐานะทีมเยือน ลิเวอร์พูล คงจะเริ่มเกมด้วยความรัดกุมและอาศัยการบีบพื้นที่เร็ว เพื่อไม่ให้ อาร์เซน่อล ที่เก่งเล่นบอลตามช่องออกบอลได้ถนัด โดยเป้าหมายสำคัญอีกอย่างของ เบนิเตซ ก็คือการยิงประตูในฐานะทีมเยือนให้ได้ แต่หากคิดอีกแง่หากเกมคู่นี้จะจบลงด้วยการเสมอ 0-0 ก็ไม่ใช่ผลเสียสำหรับ "หงส์แดง" แต่อย่างใด
............ฟุตบอลคู่นี้อาจยืดเยื้อเหมือนหนังชีวิต แต่ท้ายที่สุดแล้วผมยังเชื่อว่าทีมที่จะตีตั๋วผ่านเข้าสู่รอบ 4 ทีมสุดท้ายสำเร็จน่าจะเป็น "ลิเวอร์พูล" อีกครั้ง
TooNArmY
02 / 04 / 2008 20:08