10 เรื่องน่ารู้เกี่ยวกับ "เซนิต เซนต์ ปีเตอร์สเบิร์ก"
1.สโมสรแห่งนี้ก่อตั้งขึ้นในปี 1925 ภายใต้ชื่อ เลนินกราด เมทั่ล เวิร์คส์ ก่อนจะมาเปลี่ยนชื่อเป็น เอฟซี เซนิต ในปี 1940 และคว้าแชมป์ ยูเอสเอสอาร์ คัพ เป็นเกียรติยศแรกของสโมสรในปี 1944 หลังจากนั้นก็มีการเปลี่ยนชื่อมาอีกหลายครั้ง อาทิ สตาลิเน็ตส์ (1936-40), เอฟซี เซนิต เลนินกราด (1940-1991) ก่อนมาลงตัวกับชื่อ เอฟซี เซนิต เซนต์ ปีเตอร์สเบิร์ก ในปี 1991 และใช้มาจนกระทั่งปัจจุบัน
2.เซนิต เตรียมเข้าร่วมศึก ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก เป็นครั้งแรกในฤดูกาลหน้า ภายหลังคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีก รัสเซีย ประจำฤดูกาล 2007-08 ไปครองสำเร็จ
3.การคว้าแชมป์ลีกแดนหมีขาวของ เซนิต ในปีนี้ถือเป็นครั้งที่ 2 ของประวัติศาสตร์สโมสร โดยก่อนหน้านี้ครั้งแรกและครั้งเดียวที่ทีมดังแห่งนครเซนต์ ปีเตอร์สเบิร์ก คว้าแชมป์ลีกสูงสุดไปครองสำเร็จเกิดขึ้นในปี 1984 และถือเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ปี 1995 ที่แชมป์ลีกไม่ได้เป็นของทีมจากกรุงมอสโก
4.เจ้าของสโมสร เซนิต เซนต์ ปีเตอร์สเบิร์ก คือกลุ่ม "ก๊าซพรอม" บริษัทที่ใหญ่ที่สุดของ รัสเซีย ซึ่งเป็นผู้ส่งออกก๊าซธรรมชาติรายใหญ่ที่สุดในโลก โดยกลุ่ม "ก๊าซพรอม" กลายเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่และเข้าครอบครองกิจการของสโมสรตั้งแต่เดือน ธันวาคม ปี 2005
5.ก่อนหน้านี้ ดิ๊ค อั๊ดโวค๊าท ได้รับการคาดหมายว่าจะย้ายไปรับงานคุมทีมชาติออสเตรเลีย ในเดือน พฤศจิกายน ที่ผ่านมา แต่เทรนเนอร์ชาวดัตช์เปลี่ยนใจกระทันหัน ภายหลังบอร์ดบริหารยื่นข้อเสนอให้เขาคุมทีมไปจนกระทั่งจบศึกยูฟ่า คัพ
6.โอเล็ก ซาเลนโก้ หนึ่งในผู้เล่นที่โด่งดังที่สุดในประวัติศาสตร์ของ เซนิต เคยค้าแข้งกับ
กลาสโกว์ เรนเจอร์ ราว 6 เดือน ภายหลังย้ายออกจาก บาเลนเซีย ด้วยมูลค่า 2.5 ล้านปอนด์ (ประมาณ 175 ล้านบาท) ในปี 1995 โดย ซาเลนโก้ กลายเป็นที่รู้จักของแฟนบอลทั่วโลกหลังจากจารึกประวัติศาสตร์หน้าใหม่ด้วยการเหมายิงคนเดียว 5 ประตู นัดปะทะ แคเมอรูน ในศึกเวิลด์ คัพ 1994 ที่ สหรัฐอเมริกา
7.เมืองเซนต์ ปีเตอร์สเบิร์ก ได้รับสมญานามว่าเป็นหน้าต่างแห่งยุโรปและเคยเป็นเมืองหลวงของจักรวรรดิรัสเซียกว่า 206 ปี ที่สำคัญนครเซนต์ ปีเตอร์สเบิร์ก ถือเป็นอีกฉากสำคัญในเหตุการณ์ ปฏิวัติ ค.ศ.1917 เนื่องจากพรรคบอลเชวิค ซึ่งนำโดย วลาดิเมียร์ เลนิน ใช้ วินเตอร์ พาเลซ เป็นฐานที่มั่นในการยึดอำนาจการบริหารประเทศก่อนเปลี่ยนการปกครองเข้าสู่ระบอบคอมมิวนิสต์และเป็นชื่อประเทศเป็น สหภาพสาธารณรัฐสังคมนิยมโซเวียต (Union of Soviet Socialist Repubilcs หรือ USSR)
8.ปี 1967 เซนิต จบฤดูกาลด้วยการเป็นอันดับสุดท้ายของ ยูเอสเอสอาร์ ลีก แต่ก็รอดพ้นจากการตกชั้น ภายหลังสมาคมฟุตบอลลีกมีมติเห็นพ้องว่าไม่สมควรให้ทีม เลนินกราด ตกชั้นระหว่างฉลองครบรอบ 50 ปีของการเปลี่ยนแปลงการปกครองของผู้นำ เลนิน จึงประกาศให้เพิ่มทีมลงชิงชัยบนลีกสูงสุดเป็น 20 ทีมในฤดูกาลถัดมา
9.อย่างไรก็ตามจนแล้วจนรอด เซนิต ก็ต้องตกชั้นอยู่ดีในปี 1992
10.ก่อนหน้านี้ เซนิต ใช้ คิรอฟ สเตเดี้ยม เป็นสนามเหย้า จนกระทั่งสนามดังกล่าวถูกรื้อถอนเมื่อปีกลาย ทำให้บอร์ดบริหารตัดสินใจย้ายมาปักหลักลงเล่นเกมเหย้าที่ เปตรอฟสกี้ สเตเดี้ยม แทน โดยสนามใหม่นี้มีความจุ 21,725 ที่นั่งและตั้งอยู่บนเกาะเล็ก ๆ ในแม่น้ำ มาลายา เนว่า ซึ่งก่อนหน้านี้เคยใช้จัด กู้ดวิลล์ เกมส์ ที่ รัสเซีย รับหน้าเสื่อเป็นเจ้าภาพในปี 1994 มาแล้ว
14 / 05 / 2008 11:09