เทียบฟอร์ม ยอดศูนย์หน้าค่าตัวแพงของแต่ละทีม ในเกม
ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก นัดชิงชนะเลิศ ว่าอย่างไรกันบ้าง
ดิดิเย่ร์ ดร็อกบา
เกิดวันที่ : 11 มีนาคม 1978
สัญชาติ : ไอวอรี่โคสต์
จำนวนประตู (ในลีก) : 8 ลูกเมื่ออยู่ในช่วงท็อปฟอร์ม ไม่ว่าใคร ต่างก็ยกให้ ดร็อกบา คือ 1 ในกองหน้าตัวเป้าที่ครบเครื่องมากที่สุดคนหนึ่งของวงการลูกหนังปัจจุบัน แม้ว่า ฤดูกาลนี้ ดาวยิงเลือดไอวอรี่โคสต์ จะต้องเจอปัญหายุ่งยากใจมาตลอด ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของ อาการบาดเจ็บ, ความเหนื่อยล้าจากการบินกลับไปรับใช้ชาติในศึกแอฟริกัน เนชั่นส์ คัพ รวมถึง การจากไปของ โฆเซ่ มูรินโญ่ กุนซือคู่บารมีของตนเอง เมื่อเดือน ก.ย.ปีที่แล้ว ก็ตาม
เมื่อ "ไอ้แมงสาบ" แผลฤทธิ์ ใครหน้าไหนก็ฉุดไม่อยู่
โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ในประเด็นหลัง เนื่องจาก ดร็อกบา ถือเป็นนักเตะคนแรกๆ ที่ มูรินโญ่ คว้าตัวเข้ามาเสริมทัพ เมื่อครั้งสมัยที่ มูรินโญ่ เพิ่งจะมารับงานกุนซือ ใน ถิ่น สแตมฟอร์ด บริดจ์ เป็นปีแรก เมื่อช่วงซัมเมอร์ปี 2004 และ อดีตดาวยิงโอลิมปิก มาร์กเซย ก็แสดงท่าทีถึงความผิดหวังอย่างชัดเจนที่ต้องสูญเสีย เทรนเนอร์ชาวโปรตุกีส ผู้นี้ออกจากทีมไป ยิ่งไปกว่านั้น ดร็อกบา ก็ยังออกมายอมรับว่า เขาค่อนข้างทำใจกับเรื่องนี้ลำบาก จนถึงขั้น เคยออกมาพูดอย่างเปิดอกถึงความต้องการที่จะเก็บกระเป๋าย้ายออกจากถิ่น "เดอะบูลส์" ไปค้าแข้งใน สเปน หรือ อิตาลี เลยทีเดียว
แม้อนาคตจะคลุมเคลือกับเชลซี มาตลอด แต่ดร็อกบา ก็ยังทำหน้าที่ให้กับต้นสังกัดได้ยอดเยี่ยมเช่นเดิม
ทว่า บทสรุป ในฤดูกาลนี้ของเขาก็พลิกไปอย่างหน้ามือเป็นหลังมือ ท่ามกลาง ข่าวลือการย้ายทีมของ ศูนย์หน้าวัย 30 ปี ที่ประโคมมาอย่างต่อเนื่อง โดยเขาก็กลับมาตั้งหน้าตั้งตาทำผลงานให้กับ เชลซี ได้อย่างไร้ข้อกังขา และฟอร์มของ "เดอะ ดร็อก" ที่แสดงออกมาในเกมแชมเปี้ยนส์ ลีก ที่พบกับ ลิเวอร์พูล ในรอบรองชนะเลิศ นัดที่ 2 ก็ เป็นเครื่องบ่งชัดว่า ทำไมเขาถึงเป็นดาวยิงแถวหน้าของโลก
ดร็อกบา จัดการเหมา 2 ประตู ให้ทีม หักปีก "หงส์แดง" ในเกมแชมเปี้ยนส์ ลีก รอบรองฯ นัด 2 ได้สำเร็จ
เพราะ หลังจากที่ ราฟาเอล เบนิเตซ กุนซือชาวสแปนิช ของทีม "หงส์แดง" อยู่ดีไม่ว่าดี ทำตัวแกว่งปากหาเสี้ยน ด้วยการกล่าวหาว่า ดร็อกบา เป็นแค่นักเตะจอมพุ่งล้มตบตาผู้ตัดสิน ในที่สุด หัวหอกจอมถล่มประตูของ "สิงห์บูลส์" ก็สนองตอบคำครหาดังกล่าว ด้วยการระเบิดฟอร์มอันสุดยอด จัดการเหมา 2 ประตู ช่วยให้ต้นสังกัด เอาชนะ ลิเวอร์พูล ไปได้ 3-2 เช่นเดียวกับที่ ดร็อกบา ก็ได้โชว์ให้เห็นถึงฝีเท้า และ พละกำลัง ที่แข็งแกร่งของเขา ในการสร้างปัญหาให้กับ แนวรับของ "เดอะค็อบส์" ในช่วงครึ่งแรก และ อีกครั้ง ในช่วงต่อเวลาพิเศษ ได้เป็นอย่างดี
หัวหอกไอวอรี่โคสต์ คือผู้ที่ทำให้แฟนผีแดงต้องน้ำตาร่วงในเกมเอฟเอ นัดชิงชนะเลิศ เมื่อปีที่แล้ว
อาจกล่าวได้ว่า ผลงานชิ้นโบว์แดงของ อดีตนักเตะยอดเยี่ยมแห่งปีของลีก เอิง ฝรั่งเศส ที่เคยทำแสบให้แฟนบอล "ปีศาจแดง" ถึงกับลืมไม่ลง ก็คงจะหนีไม่พ้น เหตุการณ์ ที่เขาเป็นผู้ที่จัดการยิง ประตูชัย ให้ เชลซี คว่ำ แมนฯ ยูไนเต็ด ไปได้ 1-0 ในช่วงต่อเวลาพิเศษ พร้อมกับส่งผลให้ ยอดทีมจากกรุงลอนดอน ก้าวขึ้นมาคว้าแชมป์ เอฟเอ คัพ ได้สำเร็จ เมื่อฤดูกาลที่แล้ว นั่นเอง
เวย์น รูนี่ย์
เกิดวันที่ : 24 ตุลาคม 1985
สัญชาติ : สัญชาติ
จำนวนประตู (ในลีก) : 12 ลูกรูนี่ย์ อาจค้นพบแล้วว่า เขาเองน่าจะกำลังอยู่ในตำแหน่งการเล่นที่ผิดเพี้ยนไปจากหน้าที่ที่ต้องรับผิดชอบของตัวเขา นั่นคือ การยิงประตู หลังจากที่ ในฤดูกาลนี้ เขา ต้องตกอยู่ภายใต้เงาของฟอร์มการถล่มประตูอันร้อนแรงของ เพื่อนร่วมทีม "ปีศาจแดง" อย่าง คริสเตียโน่ โรนัลโด้ ปีกจอมสับชาวโปรตุเกส ซึ่งแย่งซีนซัลโวประตูให้ทีมเป็นกอบเป็นกำ อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
"ไอ้หมูพลิ้ว" ต้องถูกขโมยซีนตำแหน่งกองหน้า โดย คริสเตียโน่ โรนัลโด้ เพื่อนซี้ร่วมทีม
แต่ถึงอย่างไร ดาวยิงทีมชาติอังกฤษผู้นี้ ก็สามารถสร้างปัญหาและ ปั่นป่วนกองหลังคู่ต่อสู้ได้ดีไม่แพ้กัน ไม่ว่าจะ ทั้งขณะที่ มีบอลหรือไม่มีบอลอยู่กับตัว และการมี รูนี่ย์ ลงเล่น ก็ย่อมทำให้ แมนฯ ยูไนเต็ด ทำผลงานได้ดียิ่งขึ้น อย่างไม่ต้องสงสัย
แม้จะยิงไม่ถล่มทลาย แต่ก็สร้างปัญหาให้กับ แนวรับของคู่ต่อสู้ ต้องลิ้นห้อย ได้ไม่น้อยเช่นกัน
ปฏิเสธไม่ได้ว่า ดาวเตะวัย 22 ปี เป็นผู้เล่นที่มีทั้งความแข็งแกร่งและความรวดเร็วชนิดหาตัวจับได้ยากคนหนึ่ง ซึ่งศักยภาพเหล่านี้ ก็ทำให้ รูนี่ย์ กลายเป็นกองหน้าที่กองหลังรายใดๆ จะประมาท และคลาดสายตาไปจากเขาเลยไม่ได้แม้แต่วินาทีเดียว เพราะ อดีตหัวหอกเอฟเวอร์ตัน ผู้นี้ ยังเป็นผู้เล่นที่สามารถอ่านเกมได้เยี่ยม ซึ่งช่วยต่อเกมให้กับ เพื่อนร่วมทีม ได้เป็นอย่างดี
หวังว่า เกมนี้ รูนี่ย์ จะไม่ถูกปล่อยให้ยืนเดียวดาย เหมือนในเกมพรีเมียร์ชิพที่แพ้ เชลซี 1-2 เมื่อช่วงท้ายฤดูกาล
ถ้าเกมนี้ รูนี่ย์ ต้องถูกจับให้อยู่ในสนามในฐานะ ของ กองหน้าตัวเป้า แล้วละก็ แน่นอนว่า เขาจำเป็นที่จะต้องการการสนับสนุนเกมรุกให้ดีกว่า ในเกมที่เขาได้รับ ในนัดที่เพิ่งพบกับ เชลซี ที่ สแตม ฟอร์ด บริดจ์ เมื่อช่วงท้ายฤดูกาล ซึ่ง รูนี่ย์ สามารถยิงประตูตีเสมอให้ทีมได้ ก่อนที่ มิชาเอล บัลลัค จะมาซัดจุดโทษต่อลมหายใจในการคว้าแชมป์ ลีก ให้ เชลซี เก็บชัยชนะหลังจบเกมไปได้ 2-1 ขณะที่ รูนี่ย์ ยังต้องได้รับบาดเจ็บที่บริเวณสะโพกมาเป็นของแถม จากเกมดังกล่าว อีกด้วย
21 / 05 / 2008 09:18