เส้นทางลูกหนัง"สองกุนซือ" ก่อนชิงจ้าวสโมสรยุโรป 2008
การที่กองทัพใดๆจะยิ่งใหญ่เกรียงไกรได้นั้น นอกจากจะต้องมีไพร่พลที่แข็งแกร่งแล้ว ตำแหน่งกุนซือก็เป็นบุคคลที่ขาดไปไม่ได้ เพราะหากไร้ผู้วางแผนที่เก่งกาจ ทัพก็ไม่อาจตีฝ่าศัตรูเข้าสู่จุดหมาย ซึ่งในเกมฟุตบอลนั้นก็ต้องพึ่งหลักเดียวกันนี้สู่ความสำเร็จเช่นกัน เพราะต่อให้ทีมจะอุดมดาวเตะระดับเทพเจ้า แต่หากตัวเทรนเนอร์ หรือ ผู้จัดการทีม ขาดซึ่งความเข้าใจในเกมและตัวผู้เล่นแล้วไซร้ ชัยชนะก็คงเป็นสิ่งที่ยากจะเอื้อมถึงสำหรับศึก ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก อันเป็นเกียรติยศสูงสุดในระดับสโมสรยุโรปที่ได้เดินทางมาถึงรอบชิงชนะเลิศประจำปี 2008 นอกจากจะเป็นเกมฟาดแข้งที่น่าตื่นเต้นระหว่างดาวเตะชื่อดังทั้งสองฝ่ายแล้ว ยังเป็นการดวลกันระหว่างสองผู้จัดการทีมที่มีผลงานดีที่สุดใน พรีเมียร์ชิพ อังกฤษ ได้แก่ เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน กุนซือของ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด และ อัฟราม แกรนท์ นายใหญ่ชาวยิวของ เชลซี
เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน บรมกุนซือ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดเฟอร์กูสัน วัย 66 ปี ได้รับการยกย่องว่าเป็นผู้จัดการทีมระดับตำนานที่ยังคงทำงานอยู่ในปัจจุบัน แต่ในบรรดาความสำเร็จอันมากมายนับตั้งแต่ย้ายจาก อเบอร์ดีน เข้ามารับตำแหน่งนายใหญ่แห่ง โอลด์ แทรฟฟอร์ด เมื่อ 22 ปีที่แล้ว กลับมีเกียรติยศระดับยุโรปอยู่ในนั้นเพียงแค่ 2 ครั้งเท่านั้น อันประกอบด้วยแชมป์ คัพ วินเนอร์ส คัพ ในปี 1992 และแชมป์ ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก 1999 ที่ได้มาจากการยิงสองประตูในช่วงทดเวลาบาดเจ็บครึ่งหลังจนเฉือน บาเยิร์น มิวนิค 2-1 ที่ซึ่งยังคงตรึงตาแฟนบอลทั่วโลกจนถึงทุกวันนี้ และนำมามาซึ่งการคว้าสามแชมป์อันสมบูรณ์แบบ
หากตัด ซูเปอร์ คัพ ซึ่งสโมสรส่วนใหญ่มักไม่ให้ความสำคัญออกไปแล้ว แชมเปี้ยนส์ ลีก 2008 จึงเป็นการเข้าชิงชนะเลิศระดับทวีปเพียงครั้งที่ 3 ของจอมคนชาวสก็อตต์ในฐานะผู้จัดการทีม "ปีศาจแดง" ซึ่งเจ้าตัวเองก็ไม่พอใจนักกับสถิติอันน้อยนิดเมื่อเทียบกับชื่อเสียงของตนและสโมสร อย่างไรก็ดี หาก แมนฯ ยูไนเต้ด สามารถคว้าชัยชนะได้ที่ มอสโกว์ ก็จะยังคงเป็นการรักษาสถิติชนะทุกครั้งในรอบชิงชนะเลิศถ้วยยุโรป นับตั้งแต่คว้าแชมป์ ยูโรเปี้ยน คัพ 1968 ภายใต้การทำทีมของ เซอร์ แม็ตต์ บัสบี้
เฟอร์กี้ กับ คริสเตียโน่ โรนัลโด้ ขุนพลตัวฉกาจยุคปัจุบัน"เฟอร์กี้" หวุดหวิดที่จะตกเก้าอี้นายใหญ่ "เร้ด เดวิลส์" ไปแล้วเมื่อ 18 ปีก่อน แต่ประตูชัยของ มาร์ค โรบิ้นส์ ที่ช่วยให้ทีมเอาชนะ น็อตติ้งแฮม ฟอเรสต์ 1-0 ในเกม เอฟเอ คัพ 1990 รอบสาม จนผ่านเข้าไปคว้าถ้วยอันเก่าแก่ที่สุดในโลกนี้ได้สำเร็จ และกลายเป็นการช่วยรักษาบุคคลที่จะนำความเกรียงไกรมาสู่สโมสรในอนาคตอันใกล้เอาไว้ได้ และนับตั้งแต่ปี 1993 เป็นต้นมา เฟอร์กูสัน นำทีมคว้าแชมป์พรีเมียร์ชิพถึง 10 สมัย มีเพียง แบล็คเบิร์น, อาร์เซนอล และ เชลซี เพียง 3 ทีมเท่านั้นที่สามารถเข้ามาคั่นเกียรติยศระดับประเทศของ แมนฯ ยูไนเต็ด ได้สำเร็จ
จอมกุนซือสก็อตต์ คว้าแชมป์มาแล้วทุกรายการกับ "ปีศาจแดง"ในเมื่อขณะนี้ เฟอร์กูสัน คือตำนานและผู้ทรงอิทธิพลสูงสุดใน "โรงละครแห่งความฝัน" คู่แข่งในศึกชิงบัลลังก์ยุโรปในครั้งนี้อย่าง อัฟราม แกรนท์ ก็กำลังอยู่ในจุดที่ต้องพิสูจน์ตัวเองว่า จะเป็นตำนานบทใหม่ของ เชลซี หรือจะเป็นแค่ผู้จัดการทีมคนหนึ่งในประวัติศาตร์ของสโมสรเท่านั้น
อัฟราม แกรนท์ นายใหญ่คนปัจจุบันแห่ง สแตมฟอร์ด บริดจ์สแม้ว่า แกรนท์ จะเข้ามากอบกู้สถานการณ์ของ เชลซี ได้ยอดเยี่ยมจนกลับมาขับเคี่ยวแย่งแชมป์ พรีเมียร์ชิพ กับ แมนฯ ยูไนเต็ด อย่างถึงพริกถึงขิง ก่อนที่ "สิงโตน้ำเงินคราม" จะเป็นฝ่ายพลาดท่าไปในนัดสุดท้ายของฤดูกาล แต่กุนซือชาวยิววัย 53 ปี ก็ยังไม่ได้รับการยอมรับจากแฟนบอลของสโมสรมากนัก โดยมักถูกนำไปเปรียบเทียบกับยอดผู้จัดการทีมคนก่อนอย่าง โจเซ่ มูรินโญ่ และยิ่งไปกว่านั้นคือมีการคาดการณ์ว่า โรมัน อบราโมวิช เจ้าสัวชาวรัสเซียจะหากุนซือรายใหม่มาแทนที่ แกรนท์ ในทันทีหากว่าทีมรักของเขาจบฤดูกาลนี้ด้วยมือเปล่า
นอกจากนี้แล้ว ความที่ แกรนท์ ไม่เคยผ่านงานคุมทีมฟุตบอลขนาดใหญ่มาก่อน ทั้งยังมีความสัมพันธ์ฉันท์มิตรกับประธานสโมสร ทำให้ยิ่งไม่ได้รับความไว้วางใจจากแฟนบอลเข้าไปอีก แต่เขาก็ได้พิสูจน์ฝีมือจากผลงานในช่วงท้ายฤดูกาล ทั้งการโค่น ลิเวอร์พูล ในรอบตัดเชือกถ้วยยุโรป รวมถึงเปิดบ้านเฉือนทั้ง อาร์เซนอล และ แมนฯ ยูไนเต็ด ในพรีเมียร์ชิพได้ตามลำดับ ทำให้เสียงสบประมาทที่ว่า เขาไม่มีความสามารถในการพาทีมเอาชนะในเกมใหญ่ได้ เจือจางลงไปพอสมควร
แกรนท์ คือชาวอิสราเอลรายแรกที่คุมสโมสรอังกฤษอย่างไรก็ดี แกรนท์ ก็มีประวัติการทำงานที่ยาวนานและโชกโชนไม่แพ้ใคร เมื่อเริ่มงานตั้งแต่วัยเพียง 18 ปี โดยเป็นกุนซือให้กับทีมชุดเยาวชนของสโมสร ฮาโปเอล เปตาห์ ติกวา ก่อนที่จะก้าวขึ้นมาเป็นโค้ชใหญ่ในอีก 14 ปีต่อมา และทำผลงานคว้าแชมป์ฟุตบอลถ้วย โตโต้ คัพ 2 สมัยในปี 1990 และ 1991 และพาทีมขึ้นสู่ลีกสูงสุดของ อิสราเอล เป็นครั้งแรกในรอบ 25 ปี ก่อนจะย้ายไปคว้าแชมป์ลีกสูงสุด 2 สมัยกับ มัคคาบี้ เทล อาวีฟ แต่หลังจากไม่ประสบความสำเร็จในการเข้าคุมทีม ฮาโปเอล ไฮฟา และ มัคคาบี้ เทล อาวีฟ สมัยที่สอง แกรนท์ กลับมาสร้างชื่ออีกครั้งกับ มัคคาบี้ ไฮฟา ซึ่งเขาพาทีมคว้าแชมป์ลีกสูงสุดสองสมัยติดต่อกันในปี 2001 และ 2002 ซึ่งเขาทำดับเบิ้ลแชมป์ได้ด้วยการชนะเลิศ โตโต้ คัพ อีก 1 รายการ จนกระทั่งได้รับการแต่งตั้งให้เป็นเทรนเนอร์ทีมชาติอิสราเอล
ในปี 2006 แกรนท์ เข้ารับงานในอังกฤษเป็นครั้งแรก ด้วยการเป็นผู้อำนวยการฝ่ายเทคนิคของ พอร์ทสมัธ ก่อนที่จะย้ายมาเป็นผู้อำนวยการสโมสร เชลซี ในเดือนกรกฎาคมปีต่อมา และได้รับการแต่งตั้งให้เป็นผู้จัดการทีมในเดือนกันยายนหลังจากที่ มูรินโญ่ ลาออกจากตำแหน่งเพียงวันเดียว แกรนท์ จึงเป็นชาวอิสราเอลคนแรกที่เข้ามาเป็นกุนซือให้กับสโมสรอังกฤษ
แกรนท์ กับ โรมัน อบราโมวิช เจ้าสัวชาวรัสเซียการเข้าชิงถ้วยยุโรปใบใหญ่ครั้งนี้ถือเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ของสโมสร เชลซี ซึ่ง อัฟราม แกรนท์ ได้สร้างประวัติศาสตร์นั้นสำเร็จแล้ว แต่ชัยชนะจะเปลี่ยนให้เขากลายเป็นตำนานบทใหม่ของ "สิงโตน้ำเงินคราม" ในทันที อย่างไรก็ดี เมื่อด่านอรหันต์ขั้นสุดท้ายคือ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ภายใต้การคุมทัพของตำนานผู้ยังมีลมหายใจอย่าง เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน จึงน่าติดตามเป็นอย่างยิ่งว่า การศึกนี้จะจบลงเช่นไร
แหล่งอ้างอิงข้อมูล
1. http://www.sportinglife.com/football/cups/championsleague/news/story_get.cgi?STORY_NAME=soccer/08/05/09/SOCCER_Champions_League_Managers_Head.html
2. http://en.wikipedia.org/wiki/Alex_Ferguson
3. http://en.wikipedia.org/wiki/Avram_Grant
21 / 05 / 2008 08:56