LOMTOE.CLUB
สูงต่ำทำเงินลีก เอิง ฝรั่งเศส วิเคราะห์บอล ลีก เอิง : โมนาโก -vs- อองเช่ร์ วิเคราะห์บอล ลีก เอิง : ลีลล์ -vs- ลียง วิเคราะห์บอล โรมาเนีย : กลอเรีย บูเซา -vs- ซีเอฟอาร์ คลูจ์ วิเคราะห์บอล เมเจอร์ ลีก : ชาร์ล็อตต์ -vs- ออร์แลนโด้ ซิตี้ วิเคราะห์บอล เมเจอร์ ลีก : โคโลราโด้ ราปิดส์ -vs- แอลเอ กาแล็กซี่ สถิติมีไว้ข่ม!....สูง-ต่ำ บุนเดสลีก้า วิเคราะห์บอล บุนเดสลีก้า : เลเวอร์คูเซ่น -vs- สตุ๊ตการ์ต วิเคราะห์บอล เอ ลีก : บริสเบน รอร์ -vs- ซิดนี่ย์ เอฟซี วิเคราะห์บอล เบลเยียม : เวสเตอร์โล่ -vs- ด็องแดร์ วิเคราะห์บอล ตุรกี : กาเซียนเต็ป -vs- กอซเตเป้ วิเคราะห์บอล รัสเซีย : ดินาโม มอสโก -vs- รอสตอฟ วิเคราะห์บอล แชมเปี้ยนชิพ : ลูตัน -vs- เวสต์บรอมวิช วิเคราะห์บอล ลีก้า 2 เยอรมัน : พรอยส์เซ่น มุนส์เตอร์ -vs- ดุสเซลดอร์ฟ วิเคราะห์บอล โปรตุเกส : สปอร์ติ้ง ลิสบอน -vs- เอสเตรล่า วิเคราะห์บอล ลีก้า 2 เยอรมัน : อูล์ม -vs- ชาลเก้ สูง-ต่ำ ลา ลีกา มาทางนี้มีทีเด็ด! วิเคราะห์บอล ลา ลีกา : อลาเบส -vs- มายอร์ก้า ทีเด็ด 1 ตัว ชัวร์ ตัวตึง!! "จับกระแสบอลแรง" บอลทำตังค์ในชั่วโมงนี้...อยากบวกตามมาด่วน ทีเด็ดอันเดอร์...เจอ จับ แจก!! (คัดเน้นๆ) ทีเด็ดโอเวอร์...เจอ จับ แจก!! (คัดเน้นๆ) วิเคราะห์บอล บราซิล : ฟลูมิเนนเซ่ -vs เกรมิโอ วิเคราะห์บอล อาร์เจนติน่า : อาร์เจนตินอส จูเนียร์ส -vs เบเลซ ซาร์สฟิลด์ วิเคราะห์บอล อาร์เจนติน่า : ยูเนียน ซานตาเฟ่ -vs นีเวลส์ โอลด์บอยส์ วิเคราะห์บอล อาร์เจนติน่า : ฮูราแคน -vs กิมนาเซีย วิเคราะห์บอล อาร์เจนติน่า : เซนทรัล กอร์โดบา -vs ซาน ลอเรนโซ่

ufafat
ufa1919 ufazeed วิเคราะห์บอล
socceroos | 21 / 05 / 2008 13:51
team Adivisionteam B

ฟุตบอล ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก 

ฟุตบอล ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก นัดชิงชนะเลิศ
แมนฯยูไนเต็ด (อังกฤษ, 1) -vs- เชลซี (อังกฤษ, 2).....(01.45 น.)

สนาม : ลุซห์นิกี้ สเตเดี้ยม
ราคา : แมนฯยูไนเต็ด ต่อ บวกสิบ

ผลงานในรอบที่ผ่านมา
แมนฯยูไนเต็ด
รอบแบ่งกลุ่ม 32 ทีม

ชนะ สปอร์ติ้ง ลิสบอน (โปรตุเกส)  1-0 (เยือน)
ชนะ โรม่า (อิตาลี)   1-0 (เหย้า)
ชนะ ดินาโม เคียฟ (ยูเครน)  4-2 (เยือน)
ชนะ ดินาโม เคียฟ (ยูเครน)  4-0 (เหย้า)
ชนะ สปอร์ติ้ง ลิสบอน (โปรตุเกส)  2-1 (เหย้า)
เสมอ โรม่า (อิตาลี)   1-1 (เยือน)
(ผ่านเข้ารอบด้วยการเป็นทีมอันดับ 1 ของกลุ่ม เอฟ)

รอบ 16 ทีมสุดท้าย นัดแรก
เสมอ โอลิมปิก ลียง (ฝรั่งเศส)  1-1 (เยือน)

รอบ 16 ทีมสุดท้าย นัดสอง
ชนะ โอลิมปิก ลียง (ฝรั่งเศส)  1-0 (เหย้า)
(รวม 2 นัด : แมนฯยูไนเต็ด ชนะ 2-1)

รอบก่อนรองชนะเลิศ นัดแรก
ชนะ โรม่า (อิตาลี)   2-0 (เยือน)

รอบก่อนรองชนะเลิศ นัดสอง
ชนะ โรม่า (อิตาลี)   1-0 (เหย้า)
(รวม 2 นัด : แมนฯยูไนเต็ด ชนะ 3-0)

รอบรองชนะเลิศ นัดแรก
เสมอ บาร์เซโลน่า (สเปน)   0-0 (เยือน)

รอบรองชนะเลิศ นัดสอง
ชนะ บาร์เซโลน่า (สเปน)   1-0 (เหย้า)
(รวม 2 นัด : แมนฯยูไนเต็ด ชนะ 1-0)

เชลซี
รอบแบ่งกลุ่ม 32 ทีม
เสมอ โรเซนบอร์ก (นอร์เวย์) 1-1 (เหย้า)
ชนะ บาเลนเซีย (สเปน)  2-1 (เยือน)
ชนะ ชาลเก้ (เยอรมัน)  2-0 (เหย้า)
เสมอ ชาลเก้ (เยอรมัน)  0-0 (เยือน)
ชนะ โรเซนบอร์ก (นอร์เวย์) 4-0 (เยือน)
เสมอ บาเลนเซีย (สเปน)  0-0 (เหย้า)
(ผ่านเข้ารอบด้วยการเป็นทีมอันดับ 1 ของกลุ่ม บี)

รอบ 16 ทีมสุดท้าย นัดแรก
เสมอ โอลิมเปียกอส (กรีซ) 0-0 (เยือน)

รอบ 16 ทีมสุดท้าย นัดสอง
ชนะ โอลิมเปียกอส (กรีซ)  3-0 (เหย้า)
(รวม 2 นัด : เชลซี ชนะ 3-0)


ลุซห์นิกี้ สเตเดี้ยม สังเวียนแข้งที่จะใช้ชิงจ้าวยุโรปในค่ำคืนนี้

ผลการพบกันของทั้งสองทีม
26-04-08 เชลซี ชนะ แมนฯยูไนเต็ด 2-1
23-09-07 แมนฯยูไนเต็ด ชนะ เชลซี 2-0
19-05-07 เชลซี ชนะ แมนฯยูไนเต็ด 1-0 (เอฟเอ คัพ)
09-05-07 เชลซี เสมอ แมนฯยูไนเต็ด 0-0
26-11-06 แมนฯยูไนเต็ด เสมอ เชลซี 1-1
29-04-06 เชลซี ชนะ แมนฯยูไนเต็ด 3-0
06-11-05 แมนฯยูไนเต็ด ชนะ เชลซี 1-0
10-05-05 แมนฯยูไนเต็ด แพ้ เชลซี  1-3
26-01-05 แมนฯยูไนเต็ด แพ้ เชลซี  1-2  ลีก คัพ
12-01-05 เชลซี เสมอ แมนฯยูไนเต็ด 0-0  ลีก คัพ

ฟอร์มในลีกของ แมนฯยูไนเต็ด : แข่ง 38 ชนะ 27 เสมอ 6 แพ้ 5 ได้ 80 เสีย 22 มี 87 แต้ม
ฟอร์มในลีกของ เชลซี : แข่ง 38 ชนะ 27 เสมอ 25 เสมอ 10 แพ้ 3 ได้ 65 เสีย 26 มี 85 แต้ม

ฟอร์มเกมเหย้าในลีก
แมนฯยูไนเต็ด : แข่ง 19 ชนะ 17 เสมอ 1 แพ้ 1 ได้ 47 แพ้ 7 มี 52 แต้ม
เชลซี : แข่ง 19 ชนะ 12 เสมอ 7 แพ้ 0 ได้ 36 เสีย 13 มี 43 แต้ม

ฟอร์มเกมเยือนในลีก
แมนฯยูไนเต็ด : แข่ง 19 ชนะ 10 เสมอ 5 แพ้ 4 ได้ 33 แพ้ 15 มี 35 แต้ม
เชลซี : แข่ง 19 ชนะ 13 เสมอ 3 แพ้ 3 ได้ 29 เสีย 13 มี 42 แต้ม

ฟอร์ม 5 นัดล่าสุด
แมนฯยูไนเต็ด
11-05-08 ชนะ วีแกน  2-0 (เยือน)
03-05-08 ชนะ เวสต์แฮม 4-1 (เหย้า)
29-04-08 ชนะ บาร์เซโลน่า 1-0 (เหย้า) ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก
26-04-08 แพ้ เชลซี  1-2 (เยือน)
23-04-08 เสมอ บาร์เซโลน่า 0-0 (เยือน) ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก

เชลซี
11-05-08 เสมอ โบลตัน 1-1 (เหย้า)
05-05-08 ชนะ นิวคาสเซิ่ล 2-0 (เยือน)
30-04-08 ชนะ ลิเวอร์พูล 3-2 (เหย้า) ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก
26-04-08 ชนะ แมนฯยูไนเต็ด 2-1 (เหย้า)
22-04-08 เสมอ ลิเวอร์พูล 1-1 (เยือน) ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก

DELIGHT ... Paul Scholes sees off Barcelona in a tense semi-final
แดนกลาง "ปีศาจแดง" นำทัพโดย พอล สโคลส์

สภาพความพร้อมล่าสุด

               "ปีศาจแดง" แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เตรียมลงทำศึกยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก นัดชิงชนะเลิศกับคู่แข่งที่เพิ่งเบียดแย่งแชมป์พรีเมียร์ลีกกันมาอย่าง เชลซี ที่สนาม ลุซห์นิกี้ สเตเดี้ยม กรุงมอสโก ประเทศรัสเซีย แต่ทว่า แมนยู ค่อนข้างได้เปรียบด้านสภาพจิตใจ เพราะพวกเขาเพิ่งปาดหน้าทีมดังแห่งกรุงลอนดอนคว้าแชมป์ลีกสูงสุดเมืองผู้ดีมาครองเมื่อสุดสัปดาห์ที่แล้ว
 
               ด้านความพร้อมเกมนี้ เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน นายใหญ่ทัพ "เร้ด เดวิลส์" สามารถเลือกใช้สอยลูกทีมได้อย่างเต็มที่ เพราะสภาพทีมสมบูรณ์สุดขีด บรรดาตัวหลักอย่าง คริสเตียโน่ โรนัลโด้, เวย์น รูนี่ย์และ คาร์ลอส เตเบซ พร้อมลงช่วยทีมแบบพร้อมหน้าพร้อมตา

               นอกจากนั้นจะได้ นานี่ พ้นโทษแบนจากเกมลีกกลับมามีชื่อในทีมอีกครั้งและ หลุยส์ ซาฮา ดาวยิงทีมชาติฝรั่งเศส ที่ถูกลงเคาะสนิมแข้งในแมตช์ปิดซีซั่นที่ แมนฯยูไนเต็ด บุกทุบ วีแกน 2-0 น่าจะมีชื่อเป็นตัวสำรองในนัดนี้ 
 
               เกมนี้ ยูไนเต็ด จะเล่นแผน 4-4-2 ตามถนัด ด่านสุดท้ายใช้ เอ็ดวิน ฟาน เดอร์ ซาร์ ลงเฝ้าเสา สี่แนวรับประกอบด้วย เวส บราวน์, ริโอ เฟอร์ดินานด์, เนมานย่า วิดิชและ ปาทริซ เอวร่า

               แดนกลางส่ง พอล สโคลส์ มิดฟิลด์จอมเก๋าที่ยิงประตูสุดสวยให้ทีมดับฝัน บาร์ซ่า ในรอบตัดเชือก ลงเป็นจอมทัพร่วมกับ
ไมเคิ่ล คาร์ริค มี พาร์ค ชี ซอง จอมอึดจากแดนกิมจิ ทำเกมฝั่งซ้าย ส่วนกราบขวาเป็นใครไม่ได้นอกจาก คริสเตียโน่ โรนัลโด้ คู่หน้าส่ง เวย์น รูนี่ย์ ลงล่าตาข่ายคู่กับ คาร์ลอส เตเบซ

MAK ATTACK ... Claude Makelele catches Ashley Cole with a two-footed lunge last night
เชลซี ต้องรอดูอาการของ แอชลี่ย์ โคล ที่ถูก มาเกเลเล่ สไลด์ขาคู่จนข้อเท้าเดี้ยง
 
               ทางด้าน เชลซี ของ อัฟราม แกรนท์ กุนซือชาวยิว มีสภาพความพร้อมสมบูรณ์ไม่แพ้กัน โดยบรรดาแกนหลักของทีมที่ก่อนหน้านี้ต้องรอทดสอบความพร้อมของร่างกายอย่าง จอห์น เทอร์รี่และ ดิดิเย่ร์ ดร็อกบา เตรียมลงช่วยทีมอย่างครบครัน

               กระนั้นก็ดี แกรนท์ มีปัญหาต้องให้กังวลอยู่หนึ่งจุดนั่นก็คือ อาการของ แอชลี่ย์ โคล แบ็กซ้ายทีมชาติอังกฤษ ที่ได้รับบาดเจ็บบริเวณข้อเท้าขวาจากการปะทะกับ มาเกเลเล่ ระหว่างซ้อม ซึ่งหาก โคล หายไม่ทันจริง ๆ ก็มี เวย์น บริดจน์ พร้อมลงทำหน้าที่แทน

               ทีมดังแห่งมหานครลอนดอน จะลงสนามด้วยรูปแบบการเล่น 4-3-3 มี ปีเตอร์ เช็ก ลงเฝ้าเสา ขณะที่ 4 แนวรับประกอบด้วย
มิชาเอล เอสเซียง, จอห์น เทอร์รี่, ริคาร์โด้ คาร์วัลโญ่ และ แอชลี่ย์ โคล

               แผงกลางส่ง มิชาเอล บัลลัค จอมทัพทีมชาติเยอรมันที่ฟอร์มสดมากในช่วงหลัง ลงขับเคลื่อนเกมร่วมกับ แฟร้งค์ แลมพาร์ดและ โคล้ด มาเกเลเล่ สามแนวรุกประกอบด้วย โจ โคล, ดิดิเย่ร์ ดร็อกบาและ ซาโลมง กาลู 

รายชื่อนักเตะที่คาดว่าจะลงสนาม


แมนฯยูไนเต็ด
:

1-เอ็ดวิน ฟาน เดอร์ ซาร์
6-เวส บราวน์ - 5-ริโอ เฟอร์ดินานด์ - 15-เนมานย่า วิดิช - 3-ปาทริซ เอวร่า
7-คริสเตียโน่ โรนัลโด้ - 18-พอล สโคลส์ - 16-ไมเคิ่ล คาร์ริค - 13-พาร์ค ชี ซอง
10-เวย์น รูนี่ย์ - 32-คาร์ลอส เตเบซ

ผู้จัดการทีม : เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน

STAR GAZER ... Manchester United boss Alex Ferguson looks to the heavens

เชลซี
1-ปีเตอร์ เช็ก
4-มิชาเอล เอสเซียง - 26-จอห์น เทอร์รี่ - 6-ริคาร์โด้ คาร์วัลโญ่ - 3-แอชลี่ย์ โคล (เวย์น บริดจ์)
10-โจ โคล - 13-มิชาเอล บัลลัค - 4-โคล้ด มาเกเลเล่ - 8-แฟร้งค์ แลมพาร์ด 
11-ดิดิเย่ร์ ดร็อกบา - 21-ซาโลมง กาลู 

ผู้จัดการทีม : อัฟราม แกรนท์

GRIN THE MOOD ... Chelsea manager Avram Grant in Red Square yesterday

นานาทรรศนะจากทีมงาน "ล้มโต๊ะ"

Socceroos : เทียบศักยภาพแล้วบอลคู่นี้แยกระดับฝีเท้ากันแทบไม่ออกเพราะสูสีกันมากและสถิติการพบกันในช่วงที่ผ่านมานั้นถือว่าใกล้เคียง พิจารณาจากภาพรวมแล้วเกมที่ รัสเซีย น่าจะดำเนินไปด้วยความอึดอัด เนื่องจากบอลหาผลชี้ขาดในเกมเดียวแบบนี้ไม่มีทีมใดผลีผลามเปิดเกมบุกอย่างแน่นอน

               ผู้สันทัดกรณีลูกหนังเมืองผู้ดีหลายรายมองว่าตัวแปรของศึกชิงจ้าวยุโรปในค่ำคืนนี้คือความเหนียวแน่นของแนวรับ เพราะทั้งสองทีมต่างมีผู้เล่นที่สามารถชี้ขาดผลการแข่งขันได้กว่าครึ่งค่อนทีม หากแผงหลังฝ่ายใดพลาดน้อยกว่า.....โอกาสคว้าแชมป์ก็น่าจะเปิดกว้างขึ้นตามไปด้วย

               วัดจากสถิติที่ผ่านมาดูเหมือนว่าทาง แนวรับ ยูไนเต็ด จะข่มกว่านิด ๆ เพราะยามที่ วิดิช ลงจับคู่ เฟอร์ดินานด์ ทีมแชมป์พรีเมียร์ชิพมีค่าเฉลี่ยเสียประตูเพียง 0.56 ลูกต่อเกม ขณะที่คู่ของ เทอร์รี่ กับ คาร์วัลโญ่ เสียประมาณ 0.7 ประตูต่อเกม ที่สำคัญ เทอร์รี่ ยังถูกตั้งข้อสงสัยในเรื่องของสภาพความฟิต เพราะเพิ่งหายกลับมาจากอาการบาดเจ็บ

                ข้อได้เปรียบอีกอย่างของ แมนฯยูไนเต็ด คือ การมีผู้นำอย่าง เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน ที่เหนือกว่า อัฟราม แกรนท์ ตรงความ "เก๋า" เพราะกุนซือชาวสกอตแลนด์ผ่านประสบการณ์การคุมทีมมาอย่างโชกโชนในเกมระดับสูง ขณะที่เทรนเนอร์ชาวยิว แม้จะได้รับการยอมรับในระดับหนึ่ง แต่ดูแล้วกึ๋นยังเป็น "เฟอร์กี้" อยู่ไม่น้อย

                อย่างไรก็ดีสิ่งที่มองข้ามไม่ได้เลยของทาง เชลซี ก็คือการมี ดิดิเย่ร์ ดร็อกบา ปักหลักบนแนวรุกและนี่น่าจะเป็นความได้เปรียบจุดเดียวที่รองแชมป์พรีเมียร์ชิพนั้นเป็นต่อ แมนฯยูไนเต็ด เพราะถึง เฟอร์กูสัน จะมีดาวยิงระดับพระกาฬไว้ใช้งานหลายราย แต่เทียบแล้วยังไม่มีรายใดมีศักยภาพในการจบสกอร์เฉียบคมเทียบเท่า ดร็อกบา เลย

                ดูจากหลาย ๆ องค์ประกอบแล้วบอลสูสีคู่คี่แบบนี้ แฟนบอลทั้งสองทีมคงต้องลุ้นกันเหนื่อยและเกม 90 นาที อาจไม่ใช่บทสรุปของนัดชิงดำของศึกชิงจ้าวยุโรปในค่ำคืนนี้ บอลสไตล์หยั่งเชิงแบบนี้ เดิมพันที่น่าลงทุนคือ วางสกอร์ต่ำที่ 2 ลูก เพราะหน้าเสมอแบบไร้สกอร์ค่อนข้างเปิดกว้าง

                ทว่าหากต้องชี้ขาดจริง ๆ ส่วนตัวแล้วผมมองว่า ยูไนเต็ด ยังดูเหลื่อมกว่านิด ๆ ตรงการวางหมากของกุนซือและปัจจัยนี้น่าจะเป็นตัวแปรสำคัญให้ขุนพล "เร้ด เดวิลส์" นำถ้วย แชมเปี้ยนส์ ลีก กลับไปประดับตู้โชว์ที่ โอลด์ แทร็ฟฟอร์ด สำเร็จ แม้อาจต้องลุ้นกันเหนื่อยถึงช่วงต่อเวลาพิเศษก็ตาม

สกอร์ที่คาด : เจ๊า 0-0 ใน 90 นาที / ปีศาจแดง เฉือน 1-0 ช่วงต่อเวลาพิเศษ


  :

         ให้เจอ อาร์เซน่อล หรือ ลิเวอร์พูล ในรอบนี้ ยังจะเป็นงานง่ายกว่า สำหรับ แมนฯ ยูไนเต็ด เพราะสถิติการพบกันที่ผ่านมา แม้ว่า ขุนพล "ผีแดง" จะรั้งตำแหน่งเป็นยอดทีมแห่งเกาะอังกฤษ พ.ศ.นี้ นั่นก็หาได้ทำให้พวกเขามีภาษีเหนือกว่า เชลซี เลยซักกะนิด ไม่ว่าจะเป็นเกมเหย้า, เกมเยือน หรือแม้กระทั่ง เกมสนามเป็นกลาง แมนฯ ยูไนเต็ด ก็มีผลงานเป็นรองอยู่ร่ำไป

          ถ้าจำไม่ผิดในช่วงหลาย 10 ปีที่ผ่านมา เวลาที่ "ผีแดง" เข้าชิงกับ "สิงห์บูลส์" ทีไร เจ้าของแชมป์พรีเมียร์ 10 สมัยอย่างพวกเขา ก็ยังไม่สามารถเอาชนะ เชลซี ได้ภายในเวลา 90 นาทีซักกะครั้ง นั่นจึงบ่งบอกให้เห็นว่า แม้ แมนฯ ยูไนเต็ด จะชนะมาสิบทิศ แต่เกมนี้ ไม่ใช่เรื่องง่าย สำหรับพวกเขาเสียเลย

          มาดูในเรื่องของ ผลงานในรอบที่ผ่านมา เห็นได้ชัดเจนว่า ลูกทีมของ เซอร์ อเล็กซ์ ยิงประตูได้น้อยมาก โดยเฉพาะในรอบน็อกเอ้าท์ ขณะที่ เชลซี นั้น ยิงประตูได้เยอะกว่าแมนฯ ยูไนเต็ด ในรอบนี้ ซึ่งน่าจะบ่งบอกถึงแท็กติกของแต่ละทีมได้ดี โดยทาง แมนฯ ยูฯ จะเน้นเกมแบบรัดกุม ไม่บุกผลีผลาม แม้ว่า ทีมจะมี ดาวซัลโว สูงสุดประจำทัวร์นาเม้นต์ อย่าง โรนัลโด้ ก็ตาม

         ส่วน เชลซี ดูจะเน้นเกมบุกมากกว่า โดยจะขับเคลื่อนเกมจากแดนกลาง ซึ่งพวกเขามีผู้เล่นเหนือกว่า แผงมิดฟิลด์ของ แมนฯยูฯ แน่นอน ไม่ว่าจะเป็น แฟร้งค์ แลมพาร์ด, มิชาเอล บัลลัค, มิชาเอล เอสเซียง หรือ โคล้ด มาเกเลเล่ ต่างก็เป็นผู้เล่นเชิงสูงด้วยกันทั้งสิ้น ผิดกับ แดนกลางของ แมนฯยูฯ ที่ฝีเท้าไม่ได้มีทักษะโดดเด่นอะไร แต่เน้นระบบทีมเวิร์ก มากกว่า

         มาที่ เรื่องสนาม ซึ่งน่าจะเป็นปัจจัยสำคัญปัจจัยหนึ่งเลยทีเดียว เนื่องจาก ก่อนหน้านี้ ก็มีข่าวออกมาว่า สนามไม่สมบูรณ์นัก เพราะเพิ่งมีการเปลี่ยนหญ้าใหม่ ซึ่งนั่น น่าจะส่งผลกระทบโดยตรงกับทีมที่เล่นบอลบนพื้น หรือ สร้างสรรค์ เกมจากการต่อเกมบนพื้น ซึ่งทั้งสอง มีสไตล์ตรงนี้ คล้ายๆ กัน

        แต่ ในจังหวะการปิดบัญชี นั่น จะเห็นได้ว่า เชลซี มีทีเด็ด จากลูกตั้งเตะ, ลูกโหม่ง มากกว่า แมนฯ ยูไนเต็ด ที่ส่วนใหญ่ ได้ประตูจากการยิงหรือเลี้ยงเข้าไปยิง มากกว่า ลูกกลางอากาศ ซึ่งนั่น อาจทำให้ แมนฯ ยูไนเต็ด อาจเจอปัญหาในจังหวะสุดท้าย มากกว่า ขณะที่ เชลซี ก็น่าจะมีโอกาสลุ้นส่องประตูได้มากกว่า แมนฯยูฯ อีกด้วย 

        ด้านความพร้อมอื่นๆ ไม่ว่าจะเป็น สภาพความฟิต, อาการบาดเจ็บ หรือ ผู้เล่นติดโทษแบน ต่างก็ไม่มีปัญหาด้วยกันทั้งสองฝ่าย ดังนั้น ก็ข้ามไปเลยละกัน

        สรุปแล้ว แม้ว่า หากเทียบ ประสบการณ์บนเส้นทางลูกหนังของ อัฟราม แกรนท์ จะเทียบไม่ได้กับ ป๋าเฟอร์กี้ แต่เกมวันนี้ น่าจะเป็น เชลซี ที่สามารถครองเกมได้มากกว่า ไม่ว่าจะเป็นไปตามแท็กติกของแต่ละฝ่ายหรืออีกทีมสู้ไม่ได้จริงๆ ก็ตาม  อีกทั้ง หากเทียบขุมกำลังแต่ละตำแหน่ง ก็เป็น "สิงห์บูลส์" ที่เหนือกว่าชัดเจน เมื่อบวกกับสถิติการพบกันที่ผ่านมา ก็ทำให้ ณ จุดนี้ โอกาสของผู้ชนะ จึงเอียงไปที่ เชลซี ถึง 65 %

       อย่างก็ตาม ยังมี อีก 35 % ในสนาม ซึ่งเป็นเรื่องเกี่ยวกับ โชคชะตา, เหตุการณ์เฉพาะหน้า (ใบแดง), ผู้ตัดสิน, สภาพสนาม ฯลฯ ที่จะมีส่วนส่งผลต่อความเป็นไปของเกมนี้ได้ไม่น้อยเช่นกัน ....


สกอร์ที่คาด : แมนฯ ยูไนเต็ด แพ้ เชลซี 1-2 (ในเวลา 90 นาที)


redefine :

        
จากเกมชิงชนะเลิศของทีมจากชาติเดียวกันที่ผ่านมา สังเกตได้ว่าสโมสรจากชาตินั้นๆจะกลับไปใช้วิธีการเล่นแบบเดียวกับในเกมลีก ไม่ว่าจะเป็นในปี 2000 ที่สองทีมจากสเปนอย่าง เรอัล มาดริด กับ บาเลนเซีย ห้ำหั่นกันด้วยเกมรุกและเทคนิคของผู้เล่น จนเป็น มาดริด ที่จัดจ้านมากกว่าถล่มเอาชนะไป ขณะที่ปี 2003 นั้นเป็นการเจอกันของสองทีมจากอิตาลีคือ เอซี มิลาน กับ ยูเวนตุส ซึ่งต่างก็อาศัยเกมรับแล้วรอจังหวะสวนกลับ จนกระทั่งไม่มีฝ่ายใดทำประตูได้ และต้องตัดสินกันด้วยการดวลจุดโทษ ซึ่งเป็นขุนพล มิลาน ที่แม่นเป้ามากกว่าจึงคว้าแชมป์ไปครอง ดังนั้นแล้วนัดชิงชนะเลิศครั้งนี้ น่าจะออกมาในรูปแบบการเล่นเกมรุกที่อาศัยความเร็วของตัวริมเส้น บวกกับเกมหนักในแดนกลางตามสไตล์อังกฤษ

         การพบกันของ แมนฯ ยูไนเต็ด และ เชลซี ในเกมลีกฤดูกาลนี้ ต่างฝ่ายต่างก็เก็บชัยชนะในบ้านตัวเองได้ แต่ก็ไม่สามารถเอามาเป็นตัวชี้วัดได้ เนื่องจากเกมที่ โอลด์ แทร็ฟฟอร์ดนั้น เชลซี กำลังอยู่ในช่วงวิกฤติหลังจากการลาออกของ โจเซ่ มูรินโญ่ กุนซือคนเก่า ขณะที่การพบกันที่ สแตมฟอร์ด บริดจ์ นั้น แมนฯ ยูไนเต็ด ก็ส่งผู้เล่นสำรองลงบู๊หลายราย เพราะเป็นฝ่ายควบคุมสถานการณ์ในตารางคะแนน และมีเกมหนักกับ บาร์เซโลน่า รออยู่ในอีกไม่กี่วัน

         ขณะที่การพบกันที่สนามกลาง 2 ครั้งล่าสุด คือการพบกันที่ เวมบลีย์ โดยการพบกันใน เอฟเอ คัพ นัดชิงชนะเลิศเมื่อปลายฤดูกาลก่อนเป็น เชลซี ที่เฉือนชนะได้ในช่วงต่อเวลาพิเศษ หลังจากเสมอกันในเวลาปกติ 0-0 ขณะที่การพบกันอีกครั้งเป็นรายการ คอมมูนิตี้ ชิลด์ ซึ่งก็เสมอกันในเวลาปกติ 1-1 ก่อนที่ แมนฯ ยูไนเต็ด จะเอาชนะไปด้วยการดวลจุดโทษ ซึ่งทั้งสองเกมนั้นเป็น แมนฯ ยูไนเต็ด ที่ครองบอลบุกเข้าใส่มากกว่า แต่ก็ไม่สามารถเผด็จศึกได้ใน 90 นาที

         เมื่อดูจากขุมกำลังแล้วพบว่าต่างก็มีความพร้อมเต็มพิกัดพอกันทั้งคู่และมีศักยภาพใกล้เคียงกัน ด้านประสบการณ์ผู้เล่นนั้น เชลซี ดูเหนือกว่าเนื่องจากมีนักเตะถึง 6 รายเคยคว้าแชมป์รายการนี้กับทีมเก่าแล้ว ประกอบด้วย อเนลก้า, เชฟเชนโก้, มาเกเลเล่, เบลเล็ตติ, เฟอร์ไรร่า และ คาร์วัลโญ่ ขณะที่ แมนฯ ยูไนเต็ด มีเพียง บราวน์, สโคลส์ และ กิ๊กส์ ที่ยังคงหลงเหลือจากชุดเทรเบิ้ลแชมป์เมื่อ 9 ปีก่อน ขณะที่ ฟาน เดอร์ ซาร์ เคยได้รองแชมป์สมัยที่เล่นให้กับ อาแจ็กซ์ เมื่อปี 1996 แต่ตัวกุนซือนั้น เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน เจ้าของเกียรติประวัติแชมป์ยุโรป 3 สมัย ทั้งกับ อเบอร์ดีน และ แมนฯ ยูไนเต็ด ถือว่ามีชั่วโมงบินและเครดิตสูงกว่า อัฟราม แกรนท์ ซึ่งยังไม่เคยเคยคว้าแชมป์ใดๆภายนอก อิสราเอล บ้านเกิด อยู่มากพอดู

         เชื่อว่ารูปเกมในนัดนี้จะเป็นในทำนองเดียวกับการพบกันที่ เวมบลีย์ 2 ครั้งหลังสุด คือ แมนฯ ยูไนเต็ด ซึ่งมีดีที่การสร้างโอกาสทำประตู เป็นฝ่ายเดินเกมรุกเข้าใส่ ขณะที่ เชลซี จะอาศัยจังหวะตัดเกมแล้วใช้ความสามารถของแนวรุกที่ใช้โอกาสไม่เปลืองในการเข้าทำ นอกจากนี้ สองทีมนี้ยังมีความคล้ายกันอีกอย่างคือ หากตกเป็นฝ่ายตามหลังเมื่อไร จะฟื้นตัวกลับมาทำเกมบุกแหลกดุจทะเลคลั่งได้ในทันที ดังนั้นหากมีฝ่ายที่ขึ้นนำ ก็มีโอกาสโดนตีเสมอค่อนข้างสูง และน่าจะเป็นเกมที่ต้องดูกันยาวๆ เพราะเวลา 90 นาทีอาจไม่พอสำหรับการหาผู้ชนะ และอาจรวมไปถึง 120 นาทีอีกด้วย


สกอร์ที่คาด : แมนฯ ยูไนเต็ด 1-1 เชลซี / 2-2 ใน 120 นาที

พื้นที่โฆษณา

สมาชิกโปรดล็อกอินก่อนร่วมแสดงความคิดเห็น

ความคิดเห็นที่ 1

21 / 05 / 2008 14:06

:P :P :P

ความคิดเห็นที่ 2

21 / 05 / 2008 14:16

สิงโตชนะแน่นอน นำก่อน 1-0 แล้วมาโดนตอนท้ายเกมช่วงทดเจ็บอีกดอก จบเกม สิงโต กัด ผี 2-0 :P :P :P

ความคิดเห็นที่ 3

21 / 05 / 2008 14:42

ใครชนะไม่ทราบครับ แต่วันนี้ชี้ไปที่สกอร์ต่ำ หมื่นล้านเปอร์เซนต์ครับ

ความคิดเห็นที่ 4

21 / 05 / 2008 16:00

เชลซีจงเจริญ :D ;) :-o :P (H) :@ :S :$ :(

ความคิดเห็นที่ 5

21 / 05 / 2008 16:53

;) ;) ;) ;) ;)

ความคิดเห็นที่ 6

21 / 05 / 2008 19:10

:D ;)

ความคิดเห็นที่ 7

21 / 05 / 2008 19:42

จุดเปลี่ยนของเกมส์ คือใครจะยิงก่อนครับ :P

ความคิดเห็นที่ 8

21 / 05 / 2008 19:46

3 คน ก็ 3 แบบ ชั่วโมงนี้ต้องเชื่อใจตัวเองแล้ว รักชอบทีมใดก็ใส่ไปเลย ไม่ต้องคิดมาก นานปีจึงจะได้มาเจอกันในถ้วยใบใหญ่อย่างงี้สักที เต็ม 100% ทั้งคู่แน่ แต่ความเก๋าเกมส์และประสบการณ์ เชื่อว่า แมนฯยูยังได้เปรียบอยู่นิดๆครับ น่าจะเบียดได้ช่วงท้ายเกมส์ สกอร์แมนยูจะชนะ 1-0 ครับ

ความคิดเห็นที่ 9

21 / 05 / 2008 21:13

ขอบคุณสำหรับข้อมูลครับ :P