ความน่าจะเป็นของศึกฟุตบอล "ยูโร 2008" กลุ่ม ซี
อิตาลี : ฝรั่งเศส : เนเธอร์แลนด์ : โรมาเนีย
ทีมชาติอิตาลี : อัตราคว้าแชมป์กลุ่ม 1 จ่าย 2.70 : อัตราคว้าแชมป์ยูโร : 1 จ่าย 7.95
ศักดิ์ศรีแชมป์โลกที่ค้ำคอ
อิตาลี แบกศักดิ์ศรีแชมป์โลกมาทำศึก ยูโร 2008 ด้วยหวังที่จะล้างอายจากการตกรอบแรกเมื่อ 4 ปีก่อนที่ โปรตุเกส และแม้การคว้าแชมป์ฟุตบอลโลกสมัยล่าสุดจะช่วยลบเสียงวิพากษ์วิจารณ์ลงไปบ้าง แต่ความคาดหวังถึงความสำเร็จในระดับทวีปก็ยังมีสูง
ยูโร 2008 จะเป็นทัวร์นาเมนท์ใหญ่ครั้งแรกในอาชีพเทรนเนอร์ของ โรแบร์โต้ โดนาโดนี่ ผู้เข้ามารับงานหลังจบศึกฟุตบอลโลก 2006 แต่ปัญหาสำคัญของทีมชาติอิตาลีชุดนี้คือการอำลาทีมชาติของของ ฟรานเชสโก้ ต๊อตตี้ เพลย์เมกเกอร์กัปตันทีมโรม่า ผู้เปรียบดังกระดูกสันหลังของขุนพล "อัซซูรี่" เมื่อครั้งครองบัลลังก์โลก รวมถึงการผ่านรอบคัดเลือก ยูโร 2008 ด้วยการมีแต้มเป็นอันดับ 1 เหนือคู่ปรับสำคัญอย่าง ฝรั่งเศส
"กลุ่มแห่งความตาย" จะเป็นบททดสอบครั้งสำคัญกับสไตล์การเล่นเน้นเกมรับของ อิตาลี ซึ่งแม้มันจะเป็นแผนการเล่นที่นำทีมพิชิตฟุตบอลโลก แต่แทคติกดังกล่าวก็พาพวกเขาหลุดจากวงโคจรอย่างรวดเร็วในศึกชิงจ้าวยุโรปครั้งก่อนมาแล้ว ทั้งน้ทั้งนั้นก็ขึ้นอยู่กับความสามารถของ โดนาโดนี่ ว่าจะกระตุ้นให้ลูกทีมเห็นความสำคัญของเกมรุกให้เท่าเทียมกับเกมรับ ซึ่งหากทำได้ กองทัพลูกหนังโรมันก็มีโอกาสไม่น้อยที่จะประกาศความเกรียงไกรอีกครั้งในทัวร์นาเมนท์นี้
ไม่มีที่ว่างสำหรับเทรเซเก้ต์
รายชื่อผู้เล่นของ ฝรั่งเศส ชุดลุย ยูโร 2008 บ่งบอกถึงความแข็งแกร่งของทีมๆนี้ได้เป็นอย่างดี เมื่อไม่มีชื่อของ ดาวิด เทรเซเก้ต์ อดีตฮีโร่ผู้ทำประตูชัยให้พวกเขาคว้าแชมปยุโรปเมื่อ 8 ปีก่อน หรือแม้กระทั่ง กาแอล คลิชี่ แบ็คซ้ายฟอร์มแรงของ อาร์เซนอล ที่ได้รับโหวตให้ติดทีมยอดเยี่ยมประจำฤดูกาลล่าสุดของ พรีเมียร์ชิพ อังกฤษ
ทีมชุดนี้เป็นส่วนผสมระหว่างผู้เล่นประสบการณ์สูงอย่าง ปาทริค วิเอร่า, โคล้ด มาเกเลเล่ และ ลิลิยง ตูราม กับคลื่นลูกใหม่ที่จะก้าวมาเป็นกำลังหลักในอนาคตอย่าง คาริม เบนเซม่า, ซามีร์ นาสรี่ และ บาเฟแต็งบี โกมิส ขณะที่นักเตะผู้ที่ยังคงเป็นตัวชูโรงอย่าง เธียร์รี่ อองรี ก็น่าจะใช้ทัวร์นาเมนท์ที่จะถึงนี้ เป็นโอกาสในการฟื้นฟูฟอร์มการเล่นและชื่อเสียงของตัวเอง หลังจากประสบกับฤดูกาลอันน่าผิดหวังในสีเสื้อ บาร์เซโลน่า
ฟุตบอลโลกครั้งล่าสุด ถือเป็นความสำเร็จเกินคาดหมายของทีมชาติฝรั่งเศส ภายใต้การคุมทีมของ เรย์มงด์ โดเมอเน็ค ทั้งการเอาชนะ บราซิล และห้ำหั่นกับ อิตาลี ในรอบชิงชนะเลิศก่อนจะแพ้ไปจากการดวลลูกโทษเท่านั้น ซึ่งกุญแจสำคัญที่จะพาพวกเขากลับไปสู่จุดเดิมได้อีกครั้งน่าจะอยู่ที่ฟอร์มอันดีวันดีคืนของ ฟร้องค์ ริเบรี่ ปีกจอมเทคนิคของ บาเยิร์น มิวนิค นั่นเอง
บทพิสูจน์ของอัศวินสีส้ม
เมื่อฤดูร้อนที่แล้ว ทีมชาติเนเธอร์แลนด์ชุดยู 21 สามารถคว้าแชมป์ฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติยุโรป รุ่นอายุไม่เกิน 21 ปี แสดงให้เห็นว่าประเทศแห่งนี้ไม่เคยขาดแคลนนักเตะฝีเท้าดีแม้แต่รุ่นเดียว แต่ความเก่งกาจของผู้เล่นก็กลายเป็นดาบสองคมเช่นกัน เมื่อทิฐิมานะอันสูงส่งของบรรดาดาวดังทำให้ทีมไม่สามารถประสบความสำเร็จได้ตามศักยภาพที่มี
"อัศวินสีส้ม" ชุดลุยศึก ยูโร 2008 ก็ยังเป็นทีมที่อุดมไปด้วยผู้เล่นตัวหลักของสโมสรชั้นนำระดับทวีป ไม่ว่าจะเป็น เอ็ดวิน ฟาน เดอร์ ซาร์ (แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด), โรบิน ฟาน เพอร์ซี (อาร์เซนอล), เดิร์ก เค้าท์ (ลิเวอร์พูล), อาร์เยน ร็อบเบน, เวสลี่ย์ สไนเดอร์ และ รุด ฟาน นิสเตลรอย (เรอัล มาดริด) ซึ่งหากกุนซือ มาร์โก ฟาน บาสเทน สามารถรวมทีมให้เป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันได้สำเร็จ โอกาสที่พวกเขาจะคว้าเกียรติยศเช่นเดียวกับที่รุ่นน้องทำได้เมื่อปีกลายก็มีอยู่ไม่น้อย
อย่างไรก็ดี แม้จะมีแนวรุกและแดนกลางอันเลื่องชื่อไม่แพ้ทีมใดในโลก แต่เกมรับก็ยังคงเป็นปัญหาที่แก้ไม่ตกมาเป็นเวลานานของทีมชาติเนเธอร์แลนด์ ซ้ำร้ายยังต้องมาร่วมกลุ่มเดียวกับ ทีมชาติโรมาเนีย ซึ่งพวกเขาแบ่งมาได้แค่คะแนนเดียวจากการพบกัน 2 นัดในรอบคัดเลือก ดังนั้นแล้ว จึงมีอุปสรรคจำนวนไม่น้อยที่ทัพนักเตะแดนกังหันลมต้องฟันฝ่าให้ได้ หากคิดครองบัลลังก์ยุโรปในครานี้
ช้างเผือกจากรอบคัดเลือก
หากจะกล่าวว่า ขุนพล"ผีดิบ" โดนฟ้าดินกลั่นแกล้งก็คงได้ เมื่ออุตส่าห์กรุยทางเข้ามาถึงรอบสุดท้ายรายการใหญ่เป็นครั้งแรกในรอบ 8 ปี แต่กลับถูกจับฉลากให้มาอยู่ใน "กลุ่มแห่งความตาย" เสียอย่างนั้น ซึ่งโอกาสจะหลุดวงโคจรอย่างรวดเร็วมีสูงมาก เพราะสถิติที่ผ่านมาบ่งชี้ว่า ทีมชาติโรมาเนียมักโชว์ฟอร์มแย่ใน ยูโร รอบสุดท้าย โดยชนะแค่นัดเดียวจากที่เคยลงแข่งทั้งหมด 9 นัด
อย่างไรก็ตาม อดีตอันย่ำแย่ของทีมอาจได้รับการชำระล้าง เมื่อได้พกพาเอาอาวุธหนักอย่าง อาเดรียน มูตู หัวหอกสังกัด ฟิออเรนติน่า ผู้โชว์ศิลปะการถล่มประตูจนกลายเป็นหนึ่งในกองหน้าหัวแถวของ เซเรีย อา รวมถึงปราการหลังเจ้าประจำของ อินเตอร์ มิลาน อย่าง คริสเตียน คิวู นอกจากนั้นแล้ว การผ่านเข้ารอบสุดท้ายด้วยการมีแต้มเหนือทีมอย่าง เนเธอร์แลนด์ อาจเป็นสัญญาณแห่งการกลับสู่ยุคทองของวงการฟุตบอลโรมาเนียน ที่เคยประกาศศักดาด้วยการเข้าถึงรองก่อนรองชนะเลิศ ฟุตบอลโลก 1994 มาแล้ว
แม้ปัญหาในด้านระเบียบวินัยของผู้เล่นจะยังไม่เลือนหายไปจากทีมชุดปัจจุบัน แต่ฟอร์มการเล่นในนัดอุ่นเครื่อง 2 นัดล่าสุดบ่งบอกเป็นอย่างดีว่า ทีมชาติโรมาเนีย ไม่ได้มาเพื่อแค่เพิ่มจำนวนการเข้ารอบสุดท้ายเป็น 4 ครั้งเท่านั้น แต่หากกุนซือ วิคเตอร์ ปิตูร์ก้า สามารถควบคุมผู้เล่นให้อยู่ในวินัยได้ พวกเขาอาจดำเนินรอยตาม กรีซ ที่สร้างประวัติศาสตร์ไว้เมื่อ 4 ปีก่อนก็เป็นได้
คำพิพากษาของกลุ่ม ซี :
เป็นกลุ่มที่คาดการณ์ยากที่สุดในทัวร์นาเมนท์ เนื่องจากคุณภาพทีมรวมถึงฟอร์มการเล่นไม่ห่างกันมากนัก แต่ยังเชื่อลึกๆว่าคู่ชิงชนะเลิศฟุตบอลโลก 2006 มีโอกาสที่จะตบเม้าเข้ารอบมากที่สุด ซึ่งเมื่อเทียบกันแล้วมองว่า สไตล์การเล่นของ อิตาลี อาจทำให้พวกเขาได้แค่เสมอมากกว่า 1 นัด ขณะที่ ฝรั่งเศส มีขุมกำลังและแผนการเล่นที่ลงตัวมากกว่า "ทีมตราไก่" จึงน่าจะเป็นฝ่ายเข้ารอบด้วยการมีแต้มสูงสุดในกลุ่ม ซี
03 / 06 / 2008 12:07