ฟุตบอล ยูโร 2008 รอบแบ่งกลุ่ม กลุ่มดี นัดสาม
รัสเซีย (อันดับฟีฟ่า 24) -vs- สวีเดน (อันดับฟีฟ่า 30)
สนาม : ติโวลี่ เนอ สตาดิโอน, อินน์สบรัค, ออสเตรีย
เวลาเตะ : 01.45 น. (ถ่ายทอดสดทาง ช่อง 9)
ผู้ตัดสิน : ฟร้องค์ เดอ บลีกแกร์ (เบลเยี่ยม)
ราคา : สวีเดน เลือก
สถิติการพบกัน 10 ครั้งหลังสุด21-08-02 รัสเซีย เสมอ สวีเดน 1-1 (อุ่นเครื่อง) (มอสโก, รัสเซีย)
19-08-98 สวีเดน ชนะ รัสเซีย 1-0 (อุ่นเครื่อง) (โอเรโบร, สวีเดน)
24-06-94 สวีเดน ชนะ รัสเซีย 3-1 (บอลโลก 1994 รอบสุดท้าย) (ดีทรอยท์, สหรัฐฯ)
13-06-91 สวีเดน แพ้ สหภาพโซเวียต 2-3 (อุ่นเครื่อง) (โกเตเบิร์ก, สวีเดน)*
02-04-88 สหภาพโซเวียต แพ้ สวีเดน 0-2 (อุ่นเครื่อง) (เบอร์ลิน, เยอรมัน)*
18-04-87 สหภาพโซเวียต แพ้ สวีเดน 1-3 (อุ่นเครื่อง) (ทบิลิซี่, จอร์เจีย)*
20-08-86 สวีเดน เสมอ สหภาพโซเวียต 0-0 (อุ่นเครื่อง) (โกเตเบิร์ก, สวีเดน)*
27-05-64 สหภาพโซเวียต ชนะ สวีเดน 3-1 (ยูโร 1964 รอบคัดเลือก) (มอสโก, สหภาพโซเวียต)*
13-05-64 สวีเดน เสมอ สหภาพโซเวียต 1-1 (ยูโร 1964 รอบคัดเลือก) (สต็อคโฮล์ม, สวีเดน)*
19-06-58 สวีเดน ชนะ สหภาพโซเวียต 2-0 (บอลโลก 1958 รอบสุดท้าย) (โซลน่า, สวีเดน)*
(*หมายเหตุ : สมัยยังไม่แตกตัวมาจากสหภาพโซเวียต)สรุป : สวีเดน ชนะ 5 ครั้ง / เสมอกัน 3 ครั้ง / รัสเซีย ชนะ 2 ครั้ง
สถิติการพบกันทั้งหมด 23 ครั้ง
สรุป : สวีเดน ชนะ 7 ครั้ง / เสมอกัน 8 ครั้ง / รัสเซีย ชนะ 8 ครั้ง
ผลการแข่งขันในรอบที่ผ่านมา
รัสเซีย (อันดับ 3 ของตาราง)
รอบแบ่งกลุ่ม
14-06-08 ชนะ กรีซ 1-0
10-06-08 แพ้ สเปน 1-4สวีเดน (อันดับ 2 ของตาราง)
รอบแบ่งกลุ่ม
14-06-08 แพ้ สเปน 1-2
10-06-08 ชนะ กรีซ 2-0สถิติการเล่นเกมยูโร รอบสุดท้าย ที่ผ่านมา
รัสเซีย
ยูโร 2004 รอบสุดท้าย ที่ ประเทศ โปรตุเกส (ตกรอบแรก)
รอบแบ่งกลุ่ม
20-06-04 ชนะ กรีซ 2-1
16-06-04 แพ้ โปรตุเกส 0-2
12-06-04 แพ้ สเปน 0-1
(ตกรอบแรก ในฐานะทีมอันดับสุดท้ายของกลุ่ม)ยูโร 1996 รอบสุดท้าย ที่ประเทศ อังกฤษ (ตกรอบแรก)
รอบแบ่งกลุ่ม
19-06-96 เสมอ สาธารณรัฐเช็ก 3-3
16-06-96 แพ้ เยอรมัน 0-3
11-06-96 แพ้ อิตาลี 1-2
(ตกรอบแรก ในฐานะทีมอันดับสุดท้ายของกลุ่ม)ยูโร 1992 รอบสุดท้าย ที่ประเทศ สวีเดน (ตกรอบแรก)
รอบแบ่งกลุ่ม
18-06-92 แพ้ สกอตแลนด์ 3-0
15-06-92 เสมอ ฮอลแลนด์ 0-0
12-06-92 เสมอ เยอรมัน 1-1
(ตกรอบแรก ในฐานะทีมอันดับสุดท้ายของกลุ่ม)สวีเดน
ยูโร 2004 รอบสุดท้าย ที่ ประเทศ โปรตุเกส (รอบก่อนรองชนะเลิศ)
รอบก่อนรองชนะเลิศ
26-06-04 เสมอ ฮอลแลนด์ 0-0 (สวีเดน แพ้ จุดโทษ 4-5)
รอบแบ่งกลุ่ม
22-06-04 เสมอ เดนมาร์ก 2-2
18-06-04 เสมอ อิตาลี 1-1
14-06-04 ชนะ บัลแกเรีย 5-0
(ผ่านเข้ารอบ 8 ทีมสุดท้าย ในฐานะ แชมป์ ของกลุ่ม)ยูโร 2000 รอบสุดท้าย ที่ประเทศ เบลเยี่ยม-ฮอลแลนด์ (ตกรอบแรก)
รอบแบ่งกลุ่ม
19-06-00 แพ้ อิตาลี 1-2
15-06-00 เสมอ ตุรกี 0-0
10-06-00 แพ้ เบลเยี่ยม 0-1
(ตกรอบแรก ในฐานะ ทีมอันดับสุดท้ายของกลุ่ม)ยูโร 1992 รอบสุดท้าย ที่ประเทศ สวีเดน (รอบรองชนะเลิศ)
รอบรองชนะเลิศ
21-06-92 แพ้ เยอรมัน 2-3
รอบแบ่งกลุ่ม
17-06-92 ชนะ อังกฤษ 2-1
14-06-92 ชนะ เดนมาร์ก 1-0
10-06-92 เสมอ ฝรั่งเศส 1-1
(ผ่านเข้ารอบ 8 ทีมสุดท้าย ในฐานะ แชมป์ของกลุ่ม)ฟอร์ม 5 นัดล่าสุด
รัสเซีย
14-06-08 ชนะ กรีซ 1-0 (กลาง) (ยูโร 2008 รอบสุดท้าย)
10-06-08 แพ้ สเปน 1-4 (กลาง) (ยูโร 2008 รอบสุดท้าย)
04-06-08 ชนะ ลิธัวเนีย 4-1 (เยือน) (อุ่นเครื่อง)
28-05-08 ชนะ เซอร์เบีย 2-1 (เยือน) (อุ่นเครื่อง)
23-05-08 ชนะ คาซัคสถาน 6-0 (เหย้า) (อุ่นเครื่อง)
26-03-08 แพ้ โรมาเนีย 0-3 (เยือน) (อุ่นเครื่อง)
21-11-07 ชนะ อันดอร์ร่า 1-0 (ยูโร 2008 รอบคัดเลือก)
17-11-07 แพ้ อิสราเอล 1-2 (ยูโร 2008 รอบคัดเลือก)
17-10-07 ชนะ อังกฤษ 2-1 (ยูโร 2008 รอบคัดเลือก)
12-09-07 แพ้ อังกฤษ 0-3 (ยูโร 2008 รอบคัดเลือก)สรุป : ชนะ 6 ครั้ง / เสมอ 0 ครั้ง / แพ้ 4 ครั้ง
สวีเดน
14-06-08 แพ้ สเปน 1-2 (กลาง) (ยูโร 2008 รอบสุดท้าย)
10-06-08 ชนะ กรีซ 2-0 (กลาง) (ยูโร 2008 รอบสุดท้าย)
01-06-08 แพ้ ยูเครน 0-1 (เหย้า) (อุ่นเครื่อง)
26-05-08 ชนะ สโลวีเนีย 1-0 (เหย้า) (อุ่นเครื่อง)
26-03-08 แพ้ บราซิล 0-1 (กลาง) (อุ่นเครื่อง)
06-02-08 เสมอ ตุรกี 0-0 (เยือน) (อุ่นเครื่อง)
19-01-08 แพ้ สหรัฐฯ 0-2 (เยือน) (อุ่นเครื่อง)
14-01-08 ชนะ คอสตาริก้า 1-0 (เยือน) (อุ่นเครื่อง)
21-11-07 ชนะ ลัตเวีย 2-1 (เหย้า) (ยูโร 2008 รอบคัดเลือก)
17-11-07 แพ้ สเปน 0-3 (เยือน) (ยูโร 2008 รอบคัดเลือก)สรุป : ชนะ 4 ครั้ง / เสมอ 1 ครั้ง / แพ้ 5 ครั้ง
ความพร้อมล่าสุดของทั้งสองทีม
รัสเซีย
กุส ฮิดดิ้งค์ กุนซือชาวดัตช์วัย 61 ปี ของทีมหมีขาว ต้องเอาชนะเกมนี้ ให้ได้สถานเดียว หากต้องการผ่านเข้ารอบ 8 ทีมสุดท้ายได้เป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ของทีม หลังจากที่ศึกยูโร รอบสุดท้าย 3 ครั้งก่อนหน้านี้ (2006, 1996,1992) พวกเขากระเด็นตกรอบแรกมาโดยตลอด
ทั้งนี้ รัสเซีย มีข่าวดีไม่น้อย เมื่อจะได้ต้อนรับ อังเดร อาร์ชาวิน กองหน้าคนสำคัญของจากสโมสร เซนิต เซนต์ปีเตอร์เบิร์ก แชมป์ยูฟ่า คัพ พ้นโทษแบน 2 นัดกลับคืนสู่ทีม เป็นครั้งแรก ในเกมยูโร 2008 แต่คาดว่า น่าจะเป็นตัวสำรองไปก่อน เนื่องจาก ร้างสนามไปนาน ซึ่งอาจทำให้นักเตะไม่ฟิตและยังจับจังหวะการเล่นตามเพื่อนร่วมทีมได้ไม่ดีนัก
ขณะที่ เซร์กี้ เซมัค กัปตันทีม, ยูริ เชอร์คอฟ และ ดินิยาร์ บิลยาเลตดินอฟ คาดว่า ยังพร้อมเป็นตัวเลือกลงสนามเช่นเดิม แม้ว่าจะมีอาการบาดเจ็บรบกวนมาจากเกมที่เอาชนะ กรีซ 1-0 ก็ตาม เช่นเดียวกับ ดมิทรี ทอร์บินสกี้ มิดฟิลด์ ที่สภาพร่างกายยังไม่สมบูรณ์ร้อยเปอร์เซ็นต์
คาดว่า เกมนี้ ฮิดดิ้งค์ ปรับระบบมาเล่น แบบ 4-3-2-1 โดยมี โรมัน พาฟลิวเชนโก้ เป็นกองหน้าตัวเป้า แดนกลาง ประกอบด้วย เซอร์เก เซมัค, ดมิทรี ทอร์บินสกี้, อิกอร์ เซมชอฟ, ดินิยาร์ บิลยาเลตดินอฟ และ คอนสแตนติน ซีเรียนอฟ แนวรับใช้งาน อเล็กซานเดอร์ อันยูคอฟ, เดนิส โคโลดิน, เซอร์เก อิ๊กนาเชวิช และ ยูริ เซียร์คอฟ ส่วนปราการด่านสุดท้ายยังเป็น อิกอร์ อคินเฟเยฟ เช่นเดิมสวีเดน
ลาร์ส ลาเกอร์บัค เทรนเนอร์ ของทีมไวกิ้ง จะผ่านเข้ารอบ 8 ทีมสุดท้าย เป็นสมัยที่ 2 ติดต่อกัน หากสามารถรักษาผลเสมอกับรัสเซียได้เป็นอย่างน้อยในเกมนี้ แต่ทีมก็มีปัญหาในการจัดทัพไม่น้อย เมื่อจะไม่มี คริสเตียน วิลเฮล์มส์สัน ปีกตัวเก่งที่เจ็บเอ็นหลังหัวเข่า และปิดฉากทัวร์นาเม้นต์นี้ไปแล้ว
ขณะที่ ยังต้องรอทดสอบความฟิตของ นิคลาส อเล็กซานเดอร์สสัน แบ็กขวาตัวเก๋าที่เจ็บน่อง จนชวดลงเล่นในเกมที่แพ้ สเปน 1-2 ซึ่งหากผ่าน จะทำให้ เฟรดริก สตูร์ กลับไปนั่งที่ข้างสนามเช่นเดิม
ส่วน ในรายของ ซลาตัน อิบราฮิโมวิช หัวหอกตัวสำคัญ จาก อินเตอร์ มิลาน ที่ถูกเปลี่ยนตัวออกในช่วงพักครึ่งของเกมเดียวกันนั้น เนื่องจากมีปัญหาอาการบาดเจ็บที่หัวเข่ารบกวน น่าจะถูกเข็นลงสนาม แต่ไม่น่าลงเล่นครบ 90 นาทีได้เหมือนเดิม โดยอาจได้เป็นตัวสำรองตามคำแนะนำของ ราล์ฟ เอ็ดสตรอฟ แพทย์ประจำทีมสวิดิช
คาดว่า เกมนี้ สวีเดน น่าจะเล่นในระบบ 4-1-3-2 โดยมี อันเดรียส อิซัคส์สัน นายทวารร่างโย่ง ลงเฝ้าเสา แนวรับใช้งาน โอลอฟ เมลเบิร์ก กับ เพ็ตเตอร์ ฮันส์สัน ยืนเป็นคู่เซนเตอร์ฮาล์ฟ และมี นิคลาส อเล็กซานเดอร์สสัน กับ มิคาเอล นีลส์สัน รบบทเป็นแบ็กทั้งสองข้าง
แดนกลาง โยฮัน เอลมานเดอร์ ยังน่าจะมีภาษีดีกว่า เซบาสเตียน ลาร์สสัน ในตำแหน่งมิดฟิลด์ฝั่งขวา แม้ว่า จะมีอาการบาดเจ็บที่เท้าเล็กน้อยก็ตาม โดยเขาจะประสานงานร่วมกับ อันเดอร์ส สเวนส์สัน, ดาเนี่ยล อันเดอร์สสัน และ เฟรดริก ลุงเบิร์ก อีกครั้ง ส่วนคู่หน้า เฮนริค ลาร์สสัน น่าจะได้จับคู่กับ มาร์คุส โรเซนเบิร์ก แทน
รายชื่อผู้เล่นที่คาดว่าจะลงสนาม
รัสเซีย (4-3-2-1)
ผู้รักษาประตู : อิกอร์ อคินเฟเยฟ
กองหลัง : อเล็กซานเดอร์ อันยูคอฟ - เดนิส โคโลดิน - เซร์เก อิ๊กนาเชวิช - ยูริ เชอร์คอฟ
กองกลาง : คอนสแตนติน ซีเรียนอฟ - เซอร์เก เซมัค - อิกอร์ เซมซอฟ - ดินิยาร์ บิลยาเลตดินอฟ - ดมิทรี ทอร์บินสกี้
กองหน้า : โรมัน พาฟลูเชนโกสวีเดน (4-1-3-2)
ผู้รักษาประตู : อันเดรียส อิซัคส์สัน
กองหลัง : นิคลาส อเล็กซานเดอร์สสัน - โอลอฟ เมลเบิร์ก - เพตเตอร์ ฮันส์สัน - มิคาเอล นีลส์สัน
กองกลาง : โยฮัน เอลมานเดอร์ - อันเดอร์ส สเวนส์สัน - ดาเนี่ยล อันเดอร์สสัน - เฟรดริก ลุงเบิร์ก
กองหน้า : มาร์คุส โรเซนเบิร์ก - เฮนริค ลาร์สสันความน่าจะเป็นของเกม :
ทั้งสองทีมดูจะมีปัญหาในเกมรุก เมื่อกองหน้าคนสำคัญมีอาการบาดเจ็บและสภาพร่างกายไม่สมบูรณ์ ทำให้โอกาสยิงประตูคงเกิดขึ้นไม่เยอะนัก งานหนักจึงอาจตกไปที่แผงมิดฟิลด์ที่จะต้องคอยขับเคลื่อนเกมให้กับทีม ซึ่งดูแล้ว ด้วยประสบการณ์ของทีมชาติสวีเดน น่าจะทำให้พวกเขาได้เปรียบได้เกมนี้เล็กน้อย
อย่างไรก็ตาม การที่รัสเซีย จำเป็นต้องเก็บชัยชนะให้ได้สถานเดียว ก็อาจทำให้ลูกทีมพลังหนุ่มของ กุส ฮิดดิ้งค์ เปิดเกมบุกกดดันเต็มที่ แต่ต้องยอมรับว่า แผงหลังของขุนพล "ไวกิ้ง" ค่อนข้างเหนียวแน่น โดยเฉพาะ โอลอฟ เมลเบิร์ก ที่เล่นได้เด่นทั้งลูกบนพื้นและกลางอากาศ ดังนั้น จึงไม่ใช่เรื่องง่ายที่ รัสเซีย จะเจาะแนวรับของ สวีเดนขณะเดียวกับ เกมรุก ของ สวีเดน ที่อาจไม่มี ซลาตัน อิบราฮิโมวิช หรือ ใช้งานได้ไม่เต็มที่ ในเกมนี้ ก็น่าจะส่งผลต่อ ประสิทธิภาพในการทำประตูของพวกเขา เนื่องจาก เห็นได้ชัดว่า ในรอบที่ผ่านมา สวีเดน พึ่งพาการทำสกอร์ แต่กับ ดาวยิงจากอินเตอร์ มิลาน ที่ร่างกายไม่สมบูรณ์ เพียงคนเดียว ขณะที่ รัสเซีย เป็นทีมที่เล่นด้วยทีมเวิร์ก ไม่ยึดติดให้ใครคนใดคนหนึ่งทำประตู ทำโอกาสเข้าทำจึงน่าจะหลากหลายกว่า
ดูแล้ว รูปเกมที่ออกมา น่าจะเป็น รัสเซีย ที่เป็นฝ่ายเปิดเกมบุกใส่ตั้งแต่ต้น ส่วน สวีเดน จะเล่นเกมรัดกุม รอโอกาสสวนกลับและใช้ลูกวางยาวขึ้นหน้าให้กับแนวรุก เช่นเดียวกับในเกมที่พบกับ สเปน ซึ่งทำให้ โอกาสที่จะออกเสมอก็มีค่อยข้างเยอะ เพราะรัสเซีย ที่มีปัญหาในแดนหน้า ต้องเจอกับ เกมรับที่แข็งแกร่งของ สวีเดน ขณะที่ สวีเดน เองก็ไม่ผลีผลามบุกแหลก เพราะสถานการณ์ถือไพ่เหนือกว่า แต่ถ้าจะให้หาผู้ชนะแล้วละก็ แน่นอนว่า ต้องยกเครดิตให้กับทีมที่มีความตั้งใจสร้างสรรค์เกมรุก และหาโอกาสส่องประตูได้มากกว่า ที่สมควรจะเป็นผู้ชนะในเกมนี้
ผลการแข่งขัน : รัสเซีย เสมอ สวีเดน 1-1, ชนะ 2-1
ข้อมูลที่น่าสนใจรัสเซีย
- รัสเซีย ต้องเอาชนะ สวีเดน อย่างเดียวเท่านั้น ถึงจะผ่านเข้ารอบต่อไป
- รัสเซีย ยังไม่เคยผ่านรอบแบ่งกลุ่มใน 3 ครั้งหลังสุดในยูโร รอบสุดท้าย (1992, 1996, 2004)
- รัสเซีย ไม่เคยแพ้ในเกมนัดสุดท้ายของรอบแบ่งกลุ่ม ศึกยูโร
- รัสเซีย มีอายุนักเตะในทีมเฉลี่ยน้อยที่สุดในทัวร์นาเม้นต์นี้ ที่ 26 ปี กับ 83 วัน
- จากทั้งหมด 476 เกมของทั้งสองทีม รัสเซีย เป็นทีมที่มีประสบการณ์น้อยที่สุดในเกมยูโร 2008
- กุส ฮิดดิ้งค์ เป็นหนึ่งในกุนซือที่มีประสบการณ์มากที่สุด ในทัวร์นาเม้นต์นี้ โดยนำทีมมีส่วนร่วมในเกมระดับใหญ่ได้ถึง 5 ครั้ง (ยูโร, ฟุตบอลโลก) และปกติเขามักจะพาลูกทีมผ่านรอบแบ่งกลุ่มได้เสมอ
- ตั้งแต่เป็นโค้ชมา ฮิดดิ้งค์ ไม่เคยนำทีม เจอกับ สวีเดน มาก่อน
- อังเดร อาร์ชาวิน จะกลับมาช่วยทีมหลังติดโทษแบนมาสองเกม แล้ว อาร์ชาวิน เป็นผู้เล่นรัสเซียคนเดียวที่เล่นทุกเกมให้กับรัสเซีย ในรอบคัดเลือก 12 เกม โดยยิงได้ 3 ประตู
- ดมิทรี ตอร์บินสกี้ และ อิวาน ซาเอนโก็ จะติดโทษแบน ถ้าผ่านเข้าไปในรอบก่อนรองชนะเลิศ เมื่อโดนใบเหลืองในเกมนี้สวีเดน
- แค่ผลเสมอ สวีเดน ก็จะผ่านเข้ารอบ 8 ทีมสุดท้ายได้อย่างแน่นอน
- สวีเดน เป็นทีมที่มีอายุเฉลี่ยมากที่สุดในยูโร 2008 อยู่ที่ 29 ปี กับ 85 วัน
- ลาร์ส ลาร์เกอร์บัค เคยพาทีมเข้าไปเล่นในทัวร์นาเม้นต์ใหญ่ 5 ครั้ง ทั้งยูโร และ ฟุตบอลโลก รอบสุดท้าย โดยสวีเดน ตกรอบแบ่งกลุ่มเพียงครั้งเดียว ในทัวร์นาเม้นต์ใหญ่คือ ยูโร 2000
- ลาร์เกอร์บัค คุมทีมในยูโร มา 10 เกม และเหลืออีกเกมเดียว จะทำสถิติเท่ากับ แบร์ตี้ โฟกท์ส (1992-1996)
- จากการติดทีมชาติรวมกันทั้งหมด 1,090 คร้ง ของทั้งสองทีม สวีเดน เป็นทีมที่มีประสบการณ์โชกโชนมากที่สุดในยูโร 2008
- เฮนริค ลาร์สสัน เป็นผู้เล่นที่มีอายุมากที่สุดของสวีเดน ในประวัติศาสตร์ ยูโร (36 ปี กับ 268 วัน)
- ลาร์สสัน เป็นดาวยิงสูงสุดของทีม สวีเดน ในเกมยูโร รอบสุดท้าย เช่นเดียวกับ ซลาตัน อิบราฮิโมวิช โดยทั้งคู่ยิงไป 4 ประตู
- ลาร์สสัน กลายเป็นผู้เล่นคนที่สองที่ยิงประตูได้ 6 ประตู ทั้งในยูโร และ ฟุตบอลโลก ตามหลังเพียง แค่ เจอร์เก้น คลิ้นส์มันน์ (เยอรมัน)
- ถ้า มิคาเอล นีลส์เซ่น ได้ลงสนนาม จะเป็นเกมที่ 50 ของเขา กับ สวีเดน
- อันเดอร์ส สเวนส์สัน จะติดโทษแบน ถ้าเกมนี้ โดนใบเหลือง
18 / 06 / 2008 14:14