ฟุตบอลยูโร 2008 รอบก่อนรองชนะเลิศโปรตุเกส (อันดับฟีฟ่า 11) -vs- เยอรมนี (อันดับฟีฟ่า 5) ....(01.45 น.)
สนาม : เซนต์ จาค็อบ พาร์ค, บาเซิ่ล, สวิตเซอร์แลนด์
ราคา : โปรตุเกส ต่อ บวกสิบ
สถิติการพบกันของทั้งสองทีม08/07/06 เยอรมนี 3-1 โปรตุเกส ฟุตบอลโลก 2006
20/06/00 โปรตุเกส 3-0 เยอรมนี ยูโร 2000
06/09/97 เยอรมนี 1-1 โปรตุเกส ฟุตบอลโลก 1998 รอบคัดเลือก
14/12/96 โปรตุเกส 0-0 เยอรมนี ฟุตบอลโลก 1998 รอบคัดเลือก
21/02/96 โปรตุเกส 1-2 เยอรมนี กระชับมิตร
ผลงานในรอบแบ่งกลุ่มโปรตุเกส
15/06/08 แพ้ สวิตเซอร์แลนด์ 0-2
11/06/08 ชนะ สาธารณรัฐเชก 3-1
07/06/08 ชนะ ตุรกี 2-0
(เข้ารอบเป็นอันดับหนึ่งของกลุ่มเอ : ชนะ 2 เสมอ 0 แพ้ 1 ได้ 5 เสีย 3 มี 6 คะแนน)เยอรมนี
16/05/08 ชนะ ออสเตรีย 1-0
12/06/08 แพ้ โครเอเชีย 1-2
08/06/08 ชนะ โปแลนด์ 2-0
(เข้ารอบเป็นอันดับสองของกลุ่มบี : ชนะ 2 เสมอ 0 แพ้ 1 ได้ 4 เสีย 2 มี 6 คะแนน)
ผลการแข่งขัน 5 นัดล่าสุดโปรตุเกส
15/06/08 แพ้ สวิตเซอร์แลนด์ 0-2 (เยือน) ยูโร 2008
11/06/08 ชนะ สาธารณรัฐเชก 3-1 (กลาง) ยูโร 2008
07/06/08 ชนะ ตุรกี 2-0 (กลาง) ยูโร 2008
31/05/08 ชนะ จอร์เจีย 2-0 (เหย้า) กระชับมิตร
26/03/08 แพ้ กรีซ 1-2 (กลาง) กระชับมิตรเยอรมนี
16/05/08 ชนะ ออสเตรีย 1-0 (เยือน) ยูโร 2008
12/06/08 แพ้ โครเอเชีย 1-2 (กลาง) ยูโร 2008
08/06/08 ชนะ โปแลนด์ 2-0 (กลาง) ยูโร 2008
31/05/08 ชนะ เซอร์เบีย 2-1 (เหย้า) กระชับมิตร
27/05/08 เสมอ เบลารุส 2-2 (เหย้า) กระชับมิตร
ความพร้อมล่าสุดของทั้งสองทีมโปรตุเกส
ทีมแชมป์กลุ่มเอ ที่พักผู้เล่นตัวจริงถึง 8 รายในเกมสุดท้ายของรอบแบ่งกลุ่ม จนมอบชัยชนะเป็นของกำนัลให้กับเจ้าภาพสวิตเซอร์แลนด์ ทำให้มีเสียงวิพากษ์วิจารณ์ถึงการจัดทีมของ หลุยส์ เฟลิเป้ สโคลารี่ ที่ทำให้ทีมต้องเสียสถิติชนะรวดไปในเกมดังกล่าว
อย่างไรก็ดีเกมนี้ สโคลารี่ จะกลับมาใช้ผู้เล่นชุดเก่งที่พาทีมเข้ารอบก่อนรองชนะเลิศอย่างง่ายดายตั้งแต่จบนัดที่สองของรอบแรก เนื่องจากไม่มีผู้เล่นบาดเจ็บและได้พักมาถึง 1 สัปดาห์เต็ม โดยวาง นูโน่ โกเมส กัปตันทีมเป็นศูนย์หน้าตัวเป้า มี โรนัลโด้ และ ซิเมา เดินเกมรุกริมเส้น สามประสานในแดนกลางคือ อาร์มันโด้ เปอตีต์, เดโก้ และ เจา มูตินโญ่ ขณะที่แนวรับส่ง โจเซ่ โบซิงวา กับ ริคาร์โด้ คาร์วัลโญ่ กลับมาร่วมงานกับ เปเป้, เปาโล เฟร์ไรร่า และนายทวาร ริคาร์โด้ ซึ่งเป็นสามตัวหลักที่ได้ลงเล่นในเกมแพ้เจ้าภาพร่วม
เยอรมนี
"อินทรีเหล็ก" เข้ารอบมาได้แบบต้องออกแรงเหนื่อยในเกมสุดท้ายด้วยการเฉือนเพื่อนบ้านและเจ้าภาพร่วมอย่าง ออสเตรีย ที่สู้สุดใจขาดดิ้น และยังมีเหตุการณ์สำคัญเกิดขึ้นในเกมดังกล่าวคือการโดนไล่ออกจากสนามของกุนซือทั้งสองฝั่ง ทำให้เกมนี้ โยอาคิม เลิฟ ต้องอาศัยเทคโนโลยีคอยสั่งการทีมจากบนอัฒจรรย์แทน
ปัญหาหลักของทัพลูกหนังแดนไส้กรอกในเกมนี้คืออาการบาดเจ็บของ ทอร์สเท่น ฟริงก์ส กองกลางคนขยันที่ซี่โครงร้าวจากเกมล่าสุดและต้องรอทดสอบความฟิตจนถึงวินาทีสุดท้ายก่อนเริ่มเกม หากว่าลงไม่ไหวจริงๆน่าจะเป็น ทิม โบรอฟสกี้ ได้ลงทำหน้าที่แทน นอกจากนั้น ลูคัส โพโดลสกี้ ดาวยิงประจำทีมที่ทำไปแล้ว 3 ประตูในรายการนี้ก็มีอาการเจ็บน่องเล็กน้อย ซึ่งคาดว่า "โพลดี้" น่าจะลงสนามได้แบบไม่มีปัญหา นอกจากนั้นแล้วทีมจะได้ บาสเตียน ชไวน์สไตเกอร์ พ้นโทษแบนจากใบแดงในเกมแพ้โครเอเชียกลับมาช่วยแดนกลาง นอกจากนี้ เลิฟ ยังต้องตัดสินใจว่าจะยังคงใช้งาน มาริโอ โกเมซ หัวหอกฟอร์มฝืดต่อไปหรือไม่ หรือจะหมุนเอา โพโดลสกี้ มาเล่นเป็นศูนย์หน้าคู่กับ มิโรสลาฟ โคลเซ่ แล้วส่ง โธมัส ฮิตเซิลสแปร์เกอร์ ลงทำเกมกราบซ้ายแทน
รายชื่อผู้เล่นที่คาดว่าจะลงสนามโปรตุเกส (4-3-3) : ริคาร์โด้ - โจเซ่ โบซิงวา, เปเป้, ริคาร์โด้ คาร์วัลโญ่, เปาโล เฟร์ไรร่า - อาร์มันโด้ เปอตีต์, เดโก้, เจา มูตินโญ่ - คริสเตียโน่ โรนัลโด้, นูโน่ โกเมส, ซิเมา ซาโบรซ่า
เยอรมนี (4-4-2) : เยนส์ เลห์มันน์ - อาร์เน่ ฟรีดริช, แพร์ แมร์เตซัคเกอร์, คริสโตฟห์ เม็ตเซลเดอร์, ฟิลิปป์ ลาห์ม - บาสเตียน ชไวน์สไตเกอร์, ทิม โบรอฟสกี้, มิชาเอล บัลลัค, ลูคัส โพโดลสกี้ - มาริโอ โกเมซ, มิโลสลาฟ โคลเซ่
ทรรศนะส่วนตัวของผู้เขียนเป็นคู่ที่น่าสนใจที่สุดคู่หนึ่งของรองก่อนรองชนะเลิศ เยอรมนีมีอดีตอันเกรียงไกร ขณะที่โปรตุเกสกำลังรุ่งขึ้นมาและดีขึ้นเรื่อยๆ แต่เมื่อเทียบผลงานและฟอร์มระยะหลังแล้วพบง่าโปรตุเกสดูจะลื่นไหลลงตัวกว่าเยอรมนีที่กว่าจะชนะคู่แข่งได้มักจะหืดจับ นักเตะส่วนใหญ่ไม่อยู่ในฟอร์มเก่ง ที่เห็นได้ชัดมีเพียงบัลลัคกับโพโดลสกี้เท่านั้น ต่างกับโปรตุเกสที่แม้ว่าโรนัลโด้จะโดดเด่นแต่นักเตะคนอื่นๆอย่างเดโก้หรือมูตินโญ่ต่างก็อยู่ในฟอร์มที่ดี จึงมองว่าโปรตุเกสมีโอกาสคว้าชัยได้ใน 90 นาทีด้วยสกอร์ 1-0 หรือ 2-1
ผู้เล่นที่คาดว่าจะมีอิทธิพลต่อเกมวันนี้โปรตุเกส - คริสเตียโน่ โรนัลโด้
ได้รับการยกย่องว่าเป็นนักเตะหมายเลขหนึ่งของโลกในฤดูกาลล่าสุดด้วยผลงาน 42 ประตู และเกียรติยศแชมป์พรีเมียร์ชิพ, แชมป์ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก และนักฟุตบอลยอดเยี่ยมของอังกฤษ ปีกดาวยิงของ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด รายนี้ จึงเป็นผู้เล่นที่น่าจับตามองที่สุดของโปรตุเกส แม้ว่าภายในทีมจะอุดมไปด้วยดาวเตะสารพัดพิษก็ตาม และแม้จะมีข่าวลือหนาหูว่าเขากำลังจะย้ายไปร่วมทีม เรอัล มาดริด ยักษ์ใหญ่แห่งสเปนในฤดูกาลหน้า แต่ โรนัลโด้ ยังคงมุ่งมั่นทุ่มเทในทัวร์นาเมนท์นี้ เพื่อพาทีมชาติโปรตุเกสประสบความสำเร็จให้ได้มากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้
เยอรมนี - มิชาเอล บัลลัคบุรุษผู้กอบกู้ทีม "อินทรีเหล็ก" ได้อย่างถูกที่ถูกเวลา เมื่อยิงฟรีคิกอันหนักหน่วงตามสไตล์เข้ากระทบก้นตาข่ายเป็นประตูชัยให้ทีมเฉือน ออสเตรีย เข้าสู้รอบแปดทีมสุดท้ายได้สำเร็จ แต่งานของกัปตันวัย 31 ปียังไม่จบเท่านี้ เพราะยังต้องพาเยอรมนีเข้าถึงเกียรติยศครั้งใหม่หลังจากมือเปล่ามานานถึง 12 ปีเต็ม รวมถึงล้างอาถรรพ์ส่วนตัวจากการได้แค่รองแชมป์ถึง 3 รายการในระดับสโมสรเป็นครั้งที่สองในชีวิตเมื่อฤดูกาลล่าสุด นอกจากนี้การขาดกุนซือข้างสนามในวันนี้จะทำให้ บัลลัค ต้องแสดงภาวะผู้นำอย่าเงต็มที่เพื่อให้ทีมยังอยู่บนเส้นทางแห่งแชมป์ยุโรปต่อไป
เกร็ดเล็กเกร็ดน้อยของทั้งสองทีมโปรตุเกส
-เข้าถึงรอบรองชนะเลิศในยูโร 2 ครั้งหลังสุด
-แข่งรอบแพ้คัดออกในยูโรมาทั้งหมด 7 นัด ชนะ 3 นัด
-เป็นทีมเดียวที่เคยเข้ารอบสุดท้าย 4 สมัยเป็นอย่างน้อย ที่สามารถเข้าถึงรอบแพ้คัดออกได้ทุกสมัย
-หากชนะในเกมนี้ หลุยส์ เฟลิเป้ สโคลารี่ จะคว้าชัยชนะในยูโรรอบสุดท้ายเป็นนัดที่ 6 เทียบเท่ากับสถิติที่ทำไว้โดย แบร์ตี้ โฟกส์ และ ไรนุส มิเชล
-ยังไม่เคยเสียจุดโทษในประวัติศาสตร์การลงเล่นยูโรรอบสุดท้ายทั้งหมด 22 นัด
-ถ้า นูโน่ โกเมส ลงสนามเกมนี้ จะทำสถิติลงเล่นในยูโรรอบสุดท้ายมากนัดที่สุดรวม 14 นัดเทียบเท่ากับ หลุยส์ ฟิโก้
-ถ้า โกเมส ทำประตูได้ ก็จะเป็นนักเตะคนที่ 4 ที่ยิงประตูได้ในยูโร 3 สมัย เช่นเดียวกับ เจอร์เก้น คลิ้นส์มันน์ (เยอรมนี), วลาดิเมียร์ ซมิเซอร์ (สาธารณรัฐเชก) และ เธียร์รี่ อองรี (ฝรั่งเศส)
-เปเป้ กับ ริคาร์โด้ ลงสนามให้ โปรตุเกส ทุกนัดโดยยังไม่เคยถูกเปลี่ยนตัวออกในยูโรครั้งนี้
-โจเซ่ โบซิงวา, เปาโล เฟร์ไรร่า, เฟร์นานโด ไมร่า, มิเกล และ จอร์จ ริเบโร่ คือผู้เล่นทีมชาติโปรตุเกสที่มีใบเหลืองคาดโทษติดตัวมาจากรอบแบ่งกลุ่มเยอรมนี
-แข่งรอบแพ้คัดออกในยูโรมาทั้งหมด 11 นัด แพ้เพียงแค่ 2 นัด โดยแพ้ต่อ เนเธอร์แลนด์ ในรอบรองชนะเลิศปี 1988 และแพ้ต่อ เดนมาร์ก ในรอบชิงชนะเลิศปี 1992 สังเกตุได้ว่าทั้งสองทีมที่ชนะเยอรมนีได้ในรอบแพ้คัดออก สามารถคว้าแชมป์ยูโรในปีนั้นๆได้สำเร็จ
-เป็นทีมที่ทำประตูรวมได้มากที่สุดเป็นอันดับสองในยูโรรอบสุดท้ายทุกสมัย โดยทำได้ 49 ประตู เป็นรองเนเธอร์แลนด์เพียงทีมเดียว
-มิชาเอล บัลลัค เป็นผู้เล่นทีมชาติเยอรมนีที่ทำประตูในนามทีมชาติสูงสุดเป็นอันดับ 7 โดยทำไปแล้ว 37 ประตู
-เกมนี้ บัลลัค จะต้องเป็นอุปสรรคของ สโคลารี่ ซึ่งฤดูกาลหน้าจะทำหน้าที่เป็นกุนซือคนใหม่ของ เชลซี ต้นสังกัดของเขา
-บัลลัค, ชไวน์สไตเกอร์ และ เยนส์ เลห์มันน์ คือผู้เล่นทีมชาติเยอรมนีที่มีใบเหลืองคาดโทษติดตัวมาจากรอบแบ่งกลุ่ม
19 / 06 / 2008 15:40