ทีมชาติรัสเซีย กับพัฒนาการที่เติบโตราวเวทมนต์
ทีมพลังหนุ่มของ รัสเซีย โชว์ฟอร์มดีวัน ดีคืน จนคว้าสิทธิ์ผ่านเข้าสู่รอบรองชนะเลิศสำเร็จในที่สุด
กุส ฮิดดิ้งค์ กุนซือชาวดัตช์เคยกล่าวถึงทีมชาติรัสเซียในยุคของเขาว่า "ผู้เล่นชุดนี้มากด้วยความสามารถ" แต่ภายหลังจากเกมนัดเปิดสนามที่พวกเขาเสียท่าให้ สเปน แบบหมดรูป 1-4 หลายฝ่ายมองว่าคงเร็วเกินไปที่กองเชียร์แดนหลังม่านเหล็กจะคาดหวังจากทีมชุดนี้ที่ยังเป็นรองทีมอื่นในเรื่องของประสบการณ์ในทัวร์นาเมนต์สำคัญ แต่ด้วยมันสมองของ ฮิดดิ้งค์ บวกกับความมุ่งมั่นในการฝึกซ้อมของผู้เล่น ส่งผลให้ รัสเซีย เริ่มกลับมาได้ในเกมเฉือนชนะ กรีซ 1-0
จากชัยชนะที่เกิดขึ้น ทำให้โอกาสลุ้นผ่านเข้าสู่รอบ 8 ทีมสุดท้ายของทีมหมีขาวยังคงเปิดกว้าง แต่มีข้อแม้ว่านัดส่งท้ายของรอบแบ่งกลุ่มพวกเขาจำเป็นต้องชนะทีมแกร่ง สวีเดน ให้ได้ ซึ่งท้ายที่สุดขุนพลรัสเซี่ยนก็ไม่ทำให้แฟนบอลผิดหวัง เพราะเป็นฝ่ายทุบชนะทีมของ ลาร์ส ลาเกอร์บัค แบบเชือดนิ่ม 2-0 พร้อมซิวตั๋วทะยานเข้าสู่รอบก่อนรองชนะเลิศในฐานะทีมอันดับ 2 ของกลุ่ม ดี และในรอบ 8 ทีมสุดท้าย ฮิดดิ้งค์ พาลูกทีมสร้างผลงานระดับมาสเตอร์พีซ ด้วยการเผาเครื่องทีมเต็งอย่าง ฮอลแลนด์ ในช่วงต่อเวลาพิเศษ 3-1 และทะยานเข้าสู่รอบตัดเชือก โดยพวกเขาจะได้แก้มือกับ สเปน อีกครั้ง
ความน่าสนใจนอกเหนือจากการทำทีมของ ฮิดดิ้งค์ ที่เคยพาทีมเกรดธรรมดาอย่าง เกาหลีใต้ คว้าอันดับ 4 ของศึกฟุตบอลโลก 2002 แล้ว สิ่งที่ได้รับความสนใจมากเป็นพิเศษคือการผ่านเข้าถึงรอบรองชนะเลิศของฟุตบอลรายการสำคัญของ รัสเซีย เป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ยกตัวมาจากอดีตสหภาพโซเวียต ที่เคยสัมผัสความสำเร็จในช่วงทศวรรษ 60-80 มาแล้วมากมาย
กุส ฮิดดิ้งค์ กุนซือสมองเพชรที่ประสบความสำเร็จมาแล้วกับทั้ง ฮอลแลนด์, เกาหลีใต้และ ออสเตรเลีย
จุดเปลี่ยนสำคัญของ รัสเซีย คงหนีไม่พ้นการได้ อังเดร อาร์ชาวิน สตาร์จากสโมสร เซนิต เซนต์ ปีเตอร์สเบิร์ก กลับมาจากโทษแบน เพราะความสดของเพลย์เมคเกอร์วัย 27 ปี ช่วยเพิ่มจินตนาการและสร้างสรรค์โอกาสให้เพื่อนร่วมทีมได้มากมาย ซึ่งตำแหน่ง "แมน อ๊อฟ เดอะ แมตช์" ในเกมฉลองการคัมแบ็กของเขาเป็นตัวบ่งบอกความยอดเยี่ยมของเขาได้เป็นอย่างดี
ตลอดสองเกมหลังสุดทั้งในแมตช์ปะทะ สวีเดน รวมถึง ฮอลแลนด์ นั้น อาร์ชาวิน แสดงให้เห็นการเล่นฟุตบอลที่น่าดึงดูดใจ เพราะทำหน้าที่ได้อย่างสมบูรณ์แบบทั้งการทำเกม รวมถึงผ่านบอลให้เพื่อนร่วมทีมเข้าทำ โดยสิ่งเหล่านั้นถือเป็นตัวแปรสำคัญในการพาทีม
ชาติรัสเซียทะลุเข้าถึงรอบรองชนะเลิศเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์สำเร็จ
ข่าวร้ายของ รัสเซีย คือนัดนี้ต้องขาดสองผู้เล่นคนสำคัญทั้ง ตอร์บินสกี้และเซนเตอร์ฮาล์ฟตีนระเบิดอย่าง เดนิส โคโลดิน ที่ติดโทษแบน ขณะที่ ดินิยาร์ บิลยาเลตดินอฟ, อิวาน ซาเอนโก้และ อเล็กซานเดอร์ อันยูคอฟ ถูกอาการบาดเจ็บเล่นงานและยังต้องรอลุ้นอาการกันอีกทีว่าจะหายทันหวดเกมนัดสำคัญหรือไม่
จุดพลิกผันสำคัญอีกอย่างคือการกลับมาพร้อมกับฟอร์มอันเฉียบขาดของ อังเดร อาร์ชาวิน (ขวา)
มาว่ากันในเรื่องของการวางแท็คติก เดิมที ฮิดดิ้งค์ ยึดระบบสามเซนเตอร์แบ็กและใช้ฟูลแบ็กเติมเกมตลอดการแข่งขันรอบคัดเลือก แต่ทว่าพอเข้าถึงรอบสุดท้าย กุนซือชาวดัตช์ ปรับรูปแบบการเล่นมาเป็น 4-5-1 ใช้เซนเตอร์ฮาล์ฟคู่และเติมมิดฟิลด์เชิงรับลงตัดเกมสองตัว โดยเรียกตัว เซอร์เก เซมัค ห้องเครื่องจอมเก๋ากลับมาติดธงอีกครั้งเพื่อคุมจังหวะเกมแดนกลางร่วมกับ อิกอร์ เซมชอฟ
ส่วนแนวรุกใช้ คอนสแตนติน ซีร์ยานอฟ, ดินิยาร์ บัลยาเลตดินอฟและ อังเดร อาร์ชาวิน ป่วนแนวรับฝ่ายตรงข้าม มีคู่ฟูลแบ็กจอมลุยอย่าง อเล็กซานเดอร์ อันยูคอฟและ ยูริ เซอร์คอฟ รับหน้าที่ขึ้นเกมริมเส้นทั้งสองด้าน ส่วนหน้าเป้าเป็น โรมัน พาฟลูเชนโก้ ที่ทดแทนการขาดหายไปของ พาเวล โพเกร็บเนี๊ยค ได้อย่างลงตัว
สำหรับเกมรอบรองชนะเลิศที่จะมีขึ้นในวันพฤหัสบดีนี้ น่าเป็นห่วงทาง รัสเซีย ตรงจุดหนึ่ง นั่นก็คือหากเกมต้องยืดเยื้อกันถึงช่วงดวลเป้า ขุนพลลูกหนังแดนหลังม่านเหล็กนั้นจะตกเป็นรองทาง สเปน อย่างแน่นอน เพราะนอกจากผู้เล่นส่วนใหญ่จะชั่วโมงบินเป็นรองผู้เล่นแดนกระทิงดุแล้ว พลิกปูมหลังในอดีตที่ผ่านมาปรากฏว่า รัสเซีย ไม่เคยดวลจุดโทษกับคู่แข่งในทัวร์นาเมนต์หลักมาก่อน ซึ่งสถิตินี้นับย้อนหลังไปถึงเมื่อครั้งยังลงสนามภายใต้ชื่อ สหภาพโซเวียต เลยด้วย
จากรอบแรกจนถึงรอบ 8 ทีมสุดท้าย การเล่นของ รัสเซีย ดูพัฒนาขึ้นอย่างเห็นได้ชัด โดยเฉพาะการเล่นเกมสวนกลับเร็วที่น่าตื่นตาตื่นใจที่เรียกความประทับใจจากผู้ชมได้มากมาย แต่จุดบกพร่องของทีมชุดนี้ยังมีในเรื่องของจังหวะการปิดสกอร์ที่ไม่เฉียบคมเท่าที่ควร อย่างไรก็ตามการมี อาร์ชาวิน อยู่ในแดนหน้าคงจะทำให้ทัพ "หมีขาว" ต่อกรกับ สเปน สมน้ำสมเนื้อกว่าในรอบแรก ที่แน่ ๆ ถึงตอนนี้คงไม่มีเกจิคนไหนกล้ากาชื่อของพวกเขาออกจากทีมลุ้นแชมป์ศึก "ยูโร 2008" อย่างแน่นอน
รัสเซีย จะ "ถอนแค้น" หรือถูก สเปน "ย้ำแค้น" วันพฤหัสบดี นี้รู้กันแน่นอน
วาทะเด็ดจากแคมป์ รัสเซีย
• "เราคงต้องกระเสือกกระสนเพื่อชนะ สวีเดน ให้ได้ถึง 4-0" ซีร์ยานอฟ ออกมากระตุ้นเพื่อนร่วมทีมให้เก็บชัยชนะเหนือ กรีซ ให้ได้ หากไม่ต้องการลำบากในการลงเล่นเกมนัดสุดท้ายของรอบแบ่งกลุ่ม กับ สวีเดน
• "นี่คือช่วงเวลาที่ยอดเยี่ยม" บิลยาเลตดินอฟ ให้สัมภาษณ์ต่อผู้สื่อข่าวตอบข้อซักถามที่ว่ารู้สึกอย่างไรที่ รัสเซีย คว้าสิทธิ์ผ่านเข้าสู่รอบรองชนะเลิศสำเร็จ
• "ถ้าเลือกได้ผมยอมเป็น คนทรยศแห่งปีของ ฮอลแลนด์" เทรนเนอร์ กุส ฮิดดิ้งค์ กล่าวติดตลกก่อนพาทีมชาติรัสเซีย ลงเผชิญหน้ากับทีมบ้านเกิด ฮอลแลนด์ ในรอบ 8 ทีมสุดท้าย
• "ผมรู้สึกเสียใจที่ใช้คำว่า "ผู้ทรยศ" ก่อนเกมกับ ฮอลแลนด์ เพราะในความคิดของผมนั่นเป็นคำพูดที่รุนแรงและเลวร้ายมาก" ฮิดดิ้งค์ กล่าวภายหลัง รัสเซีย ชนะ ฮอลแลนด์ 3-1 ในช่วงต่อเวลาพิเศษ
พาดหัวข่าวของสื่อเกี่ยวกับ ทีมชาติรัสเซีย
"โรมัน, อังเดรและสองเสา" นสพ.เดลี่ สปอร์ต-เอ็กซ์เพรส กล่าวถึงความยอดเยี่ยมของ รัสเซีย ในเกมทุบชนะ สวีเดน 2-0 ส่งท้ายรอบแบ่งกลุ่ม
"นาฬิกาสีส้มหยุดเดินและถูกทำลายลงแล้ว" อิซเวสติย่า นสพ.การเมืองรายวัน พาดหัวข่าวถึงชัยชนะของ รัสเซีย เหนือ ฮอลแลนด์ ในเกมรอบก่อนรองชนะเลิศ
"พัฒนาการของ รัสเซีย เติบโตขึ้นราวกับมีเวทมนต์" นสพ.สปอร์ต-เอ็กซ์เพรส ทึ่งการเล่นของ รัสเซีย ที่พัฒนาขึ้นอย่างรวดเร็วในช่วงเวลาเพียงไม่กี่วัน
25 / 06 / 2008 08:42