ถึงเวลา "กระทิง" ดุ จริงๆ เสียที
หลุยส์ อราโกเนซ เทรนเนอร์วัยคุณปู่ของทีมชาติสเปน ได้ออกมาเตือนลูกทีม ก่อนเริ่มเปิดฉากฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติยุโรป หรือ "ยูโร 2008" ว่า ขุนพล "กระทิงดุ" ชุดนี้ ขาดคุณสมบัติ 2 สิ่ง ในการที่จะกลายเป็นแชมเปี้ยนส์ นั่นคือ การจัดการกับเกมการเล่น และ โชคชะตาที่ไม่ค่อยเข้าข้างพวกเขานัก อย่างไรก็ตาม พวกเขาก็ทดสอบให้เห็นแล้วว่า สิ่งที่พวกเขาหวาดกลัวนั้น คงไม่มีอีกแล้ว เมื่อ สเปน สามารถเล่นได้เหนือกว่า อิตาลี และคว้าชัยชนะได้จากการดวลจุดโทษ ในรอบ 8 ทีมสุดท้ายที่ผ่านมา
ศึกยูโร ที่ ออสเตรีย และ สวิตเซอร์แลนด์ สเปน กลายเป็นทีมที่สมบูรณ์เต็มที่ และมีโชคหนุนหลังอยู่บ้าง อันเป็นผลตอบแทนจากการทำงานหนักของทุกคนภายในทีม เห็นได้จาก คู่ต่อกรในรอบรองชนะเลิศ ก็คือ ทีม รัสเซีย ซึ่งพวกเขา ถล่มเอาชนะมาได้ในรอบแบ่งกลุ่ม ขณะที่ ในรอบที่ผ่านมา พวกเขา ก็ ชนะจุดโทษ อิตาลี มาได้ จากผลงานอันยอดเยี่ยมของ อีเกร์ กาซิยาส ที่โชว์ฟอร์มเซฟได้เหนือกว่า นายทวารระดับแชมป์โลก อย่าง จิอันลุยจิ บุฟฟ่อน
กล่าวได้ว่า เส้นทางก่อนที่จะเข้ามาถึงรอบนี้ ของ สเปน ค่อนข้างสวยหรูทีเดียว เพราะเปิดฉากประเดิมสนามนัดแรกในกลุ่ม ดี แบบสุดอลังการ ด้วยการพบกับ รัสเซีย โดยที่เมื่อเกมผ่านไปเพียง 20 นาที ประตูแรกของ สเปน ในศึกยูโร 2008 ของบังเกิดขึ้น ก่อนที่หนังชีวิตชุดใหญ่จะถาดโถมใส่ รัสเซีย แบบไม่มีชิ้นดี จบเกม สเปน เป็นฝ่ายชนะไปด้วยสกอร์ท้วมท้น 4-1 พร้อมกับการทำแฮตทริกของ ดาบิด บีย่า หัวหอกตัวเก่งของทีม
4 วันให้หลัง สเปน ต้องปะทะแข้งกับ สวีเดน และประตูของเกมก็เกิดขึ้นเร็วอีกเช่นเคย ต้องขอบคุณ การฝึกซ้อมลูกตั้งเตะที่เตี๋ยมกันมาเป็นอย่างดี และ ความแข็งแกร่งของ เฟร์นานโด ตอร์เรส ที่เบียดแย่งกับกองหลังร่างสูงใหญ่ของสวีเดนได้อย่างไม่เป็นรอง ก่อนจิ้มบอลผ่านมือ อันเดรียส อิซัคส์สันไปได้ แต่ ก็เป็น ซลาตัน อิบราฮิโมวิช หัวหอกตัวเก่งของทัพ "ไวกิ้ง" ที่ตามตีเสมอได้ทันควัน อย่างไรก็ตาม บีย่า ก็มาสวมบทฮีโร่ให้กับ สเปน อีกครั้ง ด้วยการซัดประตูชัยให้กับทีม ก่อนที่ เสียงนกหวีดจะดังขึ้น เพียงไม่กี่อึดใจ
ด้วยผลงานชัยชนะรวด 2 เกม เก็บได้ 6 คะแนน เต็ม ก็เพียงพอแล้วที่ คุณปู่หลุยส์ จะพักตัวผู้เล่นแกนหลักไว้เป็นโขยง ในเกมที่พบกับ กรีซ ในนัดสุดท้ายของรอบแบ่งกลุ่ม และนักเตะเบอร์สองของพวกเขา ก็ไม่ทำให้คุณปู่ผิดหวัง หลังพลิกเชือด ทีมแชมป์เก่า 2-1 โดยได้สองประตูจาก รูเบน เดอ ลา เรด และ ดาเนี่ยล กีซ่า
ในที่สุด สเปน เข้าสู่รอบ 8 ทีมสุดท้าย ด้วยความสง่าผ่าเผย ในฐานะแชมป์ กลุ่มดี ซึ่งเก็บชัยได้ 3 เกมรวด โดยมาพบกับ อิตาลี โดยเกม 90 นาที และ ช่วงต่อเวลาพิเศษ ต่างฝ่ายต่างทำอะไรกันไม่ได้ บทสรุปสุดท้าย ก็ต้องมาตัดสินด้วยการดวลจุดโทษ แม้ว่า จานลุยจิ บุฟฟ่อน โกล์จอมหนึบของ ทีมแชมป์โลก จะเซฟลูกยิงของ กีซ่า ได้ แต่ อีเกร์ กาซิยาส กลับทำได้ดีกว่า ด้วยการปฏิเสธลูกยิงของทั้ง ดาเนี่ยล เด รอสซี่ และ อันโตนิโอ ดิ นาตาเล่ ได้สำเร็จ และ ก็เป็น เชส ฟาเบรกัส ที่ซัดจุดโทษปิดเกมให้สเปน คว้าชัยมา ด้วยสกอร์ 4-2
เกม รอบรองชนะเลิศ ที่ สเปน จะเล่นกับ รัสเซีย ในวันพฤหัสบดีนี้ ที่ เวียนน่า จะเป็นเกมนัดตัดเชือกครั้งที่ 3 ของพวกเขาเท่านั้น จากการเข้าร่วมการแข่งขันฟุตบอลยูโร ตลอด 48 ปี ที่ผ่านมา แม้จะค่อนข้างน้อยเมื่อเทียบกับยอดทีมอย่างพวกเขา แต่ทว่า พวกเขาก็มีสถิติที่ดีในรอบนี้ เนื่องจาก 2 ครั้งที่ผ่านมา พวกเขาสามารถผ่านเข้าไปถึงรอบชิงชนะเลิศได้ทั้งหมด
โดยครั้งแรก บทสรุปของทีมค่อนข้างสวยหรู เพราะทีม สามารถผ่าน ฮังการี ในรอบดังกล่าว ด้วยการชนะไปในช่วงต่อเวลาพิเศษ 2-1 ก่อนที่จะก้าวขึ้นมาคว้าแชมป์ได้สำเร็จ หลังโค่น สหภาพโซเวียต มาได้ 2-1 ในปี 1964 ซึ่งพวกเขาได้รับเกียรติเป็นเจ้าภาพ จากประชัยของ มาร์เซลิโน่
ส่วนครั้งที่สองนั้น กว่ายอดทีมอย่างพวกเขาที่มีนักเตะระดับเทพมากมาย จะได้มาสัมผัสบรรยากาศเกมรอบ 4 ทีมสุดท้ายอีกครั้ง ก็ต้องร้องเพลงรอ นานถึง 20 ปี ซึ่งพวกเขาได้ปะทะแข้งกับ เดนมาร์ก และเกมก็ต้องยืดเยื้อจนถึงการดวลจุดโทษตัดสินหาผู้ชนะ และ สเปน อาศัยความแม่นที่เหนือกว่า เอาชนะ ทีม "โคนม" มาได้ 5-4 หลังจาก ในเวลา 120 นาที ทั้งคู่เสมอกันอยู่ 1-1 อย่างไรก็ตาม สเปน ก็ต้องไปพ่าย ให้กับ ฝรั่งเศส ในท้ายที่สุด 0-2 ในศึกยูโร ปี 1984 ที่ ประเทศ ฝรั่งเศส
ผลงานในรอบรองชนะเลิศ ศึกยูโร รอบสุดท้าย
- 1964 ชนะ ฮังการี 2-1 (ต่อเวลาพิเศษ)
- 1984 เสมอ เดนมาร์ก 1-1 (ชนะจุดโทษ 5-4)
สเปน สามารถผ่านรอบรองฯ เข้าไปถึง รอบชิงชนะเลิศได้ทุกครั้ง ในศึกยูโร
สำหรับเกมรอบรองชนะเลิศ ในศึกฟุตบอลโลกนั้น สเปน ผ่านเข้ามาถึงรอบนี้ได้เพียง 1 ครั้งเท่านั้น และก็ต้องนั่งไทม์แมชชีนย้อนเวลาหาอดีตไปถึงปี 1950 โดยเป็นเกมฟุตบอลโลก ที่ ประเทศ บราซิล ซึ่งรอบตัดเชือกในสมัยนั้น เป็นการคัด 4 ทีมแชมป์จากรอบแบ่งกลุ่ม มาแข่งแบบพบกันหมด ในรอบชิงชนะเลิศ โดย สเปน จบทัวร์นาเม้นต์ ด้วยการเป็นอันดับ 4 นั่นเอง
ส่วนช็อตแห่งชีวิตของ สเปน ก่อนที่จะมาถึงในรอบนี้ คงหนีไม่พ้น ช่วงวินาที ที่ กาซิยาส มือกาวดีกรีแชมป์ ลา ลีกา สเปน ของ เรอัล มาดริด โชว์ฟอร์มเซฟลูกยิงจุดโทษของ เด รอสซี่ และ ดินาตาเล่ ในรอบ 8 ทีมสุดท้าย เมื่อวันที่ 22 มิ.ย.ที่ผ่านมา และช่วยให้ทีมทำลายสถิติ อาถรรพ์ ซึ่งพวกเขาไม่เคยยิงจุดโทษชนะเลย ในรอบนี้ ได้แก่ เกมกับ เบลเยี่ยม ในฟุตบอลโลก 1986, เกมกับ อังกฤษ ในยูโร 1996 และ เกมกับ เกาหลีใต้ ในฟุตบอลโลก ปี 2002
อีเกร์ กาซิยาส ฮีโร่ ตัวจริง จากเกมเกมรอบ 8 ทีมสุดท้าย ที่ เอาชนะ อิตาลี มาได้ ด้วยการดวลจุดโทษชนะ อิตาลี 4-2
ขณะที่ ผู้เล่นสำคัญของทีม ก็ต้องเป็นดาวซัลโวสูงสุดประจำศึกยูโร ตอนนี้ นั่นก็คือ บีย่า กองหน้าจาก บาเลนเซีย ที่แม้จะไม่อาจช่วยต้นสังกัดทำผลงานได้ดีในลีก ฤดูกาลที่ผ่านมา แต่ก็ไม่สายที่เขาจะมาช่วยให้ สเปน เล่นได้อย่างโดดเด่นอยู่ ขณะนี้ แม้เกมกับ อิตาลี บีย่า จะทำอะไรไม่ได้มากนัก แต่ความทุ่มเทในเกมของเขา ก็มีประสิทธิภาพ เทียบเท่าได้กับ 4 ประตูที่เขายิงให้ทีมไม่ต่างกัน และด้วยบุคลิกการเป็นนักฟุตบอลที่มีทักษะรอบด้าน ไม่ว่าจะเป็นการยิง, จ่ายบอล, ยิงฟรีคิก, ยิงจุดโทษ, ลูกกลางอากาศ และ อ่านทางได้ดี จึงทำให้ เขายังคงเป็นผู้เล่นที่สร้างปัญหาให้กับของคู่ต่อสู้ของทีมสเปนมากที่สุด และ แฮตทริกของเขาในเกมที่พบกับ รัสเซีย ถือเป็น แฮตทริก แรก ในรอบหลายปี ของศึกยูโร รอบสุดท้าย อีกด้วย
ดาบิด บีย่า ดาวซัลโวสูงสุดประจำทัวร์นาเม้นต์ ในตอนนี้
ด้านสภาพทีมของสเปน ก่อนเกมกับ รัสเซีย นั้น ถือว่าสมบูรณ์สุดๆ เพราะยังไม่มีข่าวนักเตะคนใดบาดเจ็บหรือติดโทษแบนเลยซักกะคน โดย การ์เลส ปูโยล กับ ซานติ กาซอร์ล่า ก็เพิ่งจะหายเจ็บข้อเท้า กลับมาเสริมทัพให้ปึ้กขึ้นไปอีก เช่นเดียวกับ ดาบิด ซิลบา กองกลางเนื้อหอม ที่สลัดอาการบาดเจ็บข้อเท้าบิดกลับมาบู๊ให้ทีมได้ไม่มีปัญหา
สำหรับ แท็คติก ที่คุณปู่หลุยส์ ที่ใช้ควบคุมระบบการเล่นของลูกทีมในเกมที่พบกับ รัสเซีย นั้น น่าจะเป็นแบบด้วยกับที่พบ สวีเดน และ อิตาลี ที่ผ่านมา นั่นคือ ในระบบ 4-1-3-2 ขณะที่ เกมกับ กรีซ นั้น สเปน เล่นในระบบ 4-4-1-1 โดยได้จับ ชาบี อลอนโซ่ และ รูเบน เดอ ลา เรด ไปยืนเป็นคู่ มิดฟิลด์ตัวกลาง กับ และให้ อันเดรียส อิเนสต้า เล่นเป็นปีก ซ้าย-ขวา ที่พร้อมเติมรุกได้ทุกเมื่อ สลับกันไป ส่วน ฟาเบรกัส ถูกดันขึ้นไปเล่นเป็นหน้าต่ำ ยืนอยู่ข้างหลัง กีซ่า ที่ยืนเป็นหน้าเป้า
เมื่อมาดูสถิติการยิงจุดโทษนั้น สเปน ชนะ 3 ครั้งจาก 6 ครั้ง โดยความปราชัยทั้งหมด เกิดจากเกมรอบก่อนรองชนะเลิศทั้งสิ้น นั่นคือ ในเกมที่พบกับ เบลเยี่ยม, อังกฤษ และ เกาหลีใต้ โดยชัยชนะล่าสุดในการดวลจุดโทษของทัพ "กระทิงดุ" เกิดขึ้นในศึกฟุตบอลโลก ที่ ประเทศ เกาหลีใต้ และ ญี่ปุ่น เมื่อปี 2002 ซึ่งพวกเขาชนะ สาธารณรัฐไอร์แลนด์ มาได้ 3-2 ในรอบ 16 ทีมสุดท้าย ซึ่งเป็นชัยชนะครั้งแรกนับตั้งแต่ เกม รอบรองฯ ปี 1984 ที่ พวกเขาชนะเดนมาร์ก มาได้
และชัยชนะเหนือ อิตาลี ประจำศึกยูโร ในปีนี้ ก็ได้เพิ่มสถิติให้ สเปน สามารถคว้าชัยจากการดวลจุดโทษของพวกเขาเป็น ชนะ 2 แพ้ 1 ครั้ง อีกด้วย แต่ทีม ดูจะเหมือนเป็นลางร้ายสำหรับการดวลจุดโทษนิดๆ เมื่อ ผู้เล่นสเปน ชุดนี้ มี ปูโยล, การ์ลอส มาร์เชน่า, โจน กัปเดบีล่า และ ชาบี เอร์นานเดส ซึ่งอยู่ในทีมสเปน ชุด โอลิมปิก ที่แพ้จุดโทษ แคเมอรูน 5-3 หลังจากในเวลา 120 ทั้งสองทีมเสมอกัน 2-2 ในการแข่งขัน โอลิมปิกเกมส์ ที่ออสเตรเลีย เมื่อปี 2000
วาทะเด็ดของทีม สเปน
- "ผมเห็นบีย่ายิ่งเล่นยิ่งเก่ง" พ่อของ บีย่า กล่าวภายหลัง หัวหอกซัดแฮตทริกในเกมกับ รัสเซีย ในรอบแรก ที่ สเปน ชนะ 4-1
- "นี่เป็นเป็นการแข่งดวลจุดโทษครั้งแรก นับตั้งแต่ผมอายุ 15 ปี" ฟาเบรกัส ยอมรับว่า ครั้งสุดท้าย ที่เขารับหน้าที่สังหารจุดโทษ เกิดขึ้นเมื่อสมัยที่เขายังเป็นเด็กกระโปรงบานขาสั้นอยู่เลย
พาดหัวข่าวของสื่อเกี่ยวกับ ทีมชาติสเปน
- "อีเกร์ ปราการเหล็กแห่งเอสปันญ่อล" เอล ปาอิส สรรเสริญ กาซิยาส ฮีโร่ที่เซฟจุดโทษได้ จากเกมรอบ 8 ทีมสุดท้าย
- "อีเกร์ ผู้เปลี่ยนประวัติศาสตร์" มาร์ก้า ระบุว่า ในวันที่ 22 มิ.ย. สเปน สามารถดวลจุดโทษในรอบรองชนะเลิศ ชนะได้เป็นครั้งแรก
- "สเปนจงเจริญ" อัส หนังสือพิมพ์กีฬารายวัน บรรยายถึง ข้อความ ที่ แฟนบอลสเปนร้องซ้ำๆ ที่ เวียนนา เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา
- "ปิดฉากรอบก่อนรองฯที่โหดร้ายของเรา" ลา วองการเดียร์ ยกย่อง สเปน ที่รวมพลังฝ่าด่านอุปสรรคโชคชะตาที่โหดร้ายก่อนหน้านี้มาได้
25 / 06 / 2008 08:41