ตุรกี ไม่มีอะไรที่เป็นไปไม่ได้
แฟนบอลของตุรกี กำลังเริ่มเชื่อในเรื่องของปฏิหาริย์ เพราะการมีชีวิตรอดมาได้จากการอยู่ในกลุ่มเดียวกับ โปรตุเกส ซึ่งเป็นหนึ่งในทีมเต็งประจำทัวร์นาเม้นต์ ยูโร 2008 รอบสุดท้ายที่ ประเทศ ออสเตรีย และ สวิตเซอร์แลนด์ และ ยอดทีมของยุโรป อย่าง สาธารณรัฐเช็ก ถือเป็นอะไรที่มหัศจรรย์ยิ่งของทีมระดับอย่างพวกเขาที่ถูกมองข้ามก่อนเกมจะคิกออฟเสียอีก ตอนนี้ ลูกทีมของ ฟาติห์ เตริม ถูกมองว่า กำลังจะกลายเป็นทีมม้ามืด ที่เตรียมสร้างประวัติศาสตร์ลูกหนังยุโรป ได้เฉกเช่น กรีซ ที่เคยทำไว้เมื่อ 4 ปี ก่อน แล้ว
ชัยชนะเหนือ สวิตเซอร์แลนด์ 2-1 คือจุดเริ่มต้นปาฏิหาริย์ของ ตุรกี
การโกงความตายถึง 3 ครั้ง ติดต่อกัน ทำให้ ทีมตุรกี ชุดนี้ ต้องมีอะไรไม่ธรรมดา แน่นอน แม้จะออกสตาร์ทเกมยูโร 2008 ไม่สวยหรู ด้วยการพ่าย โปรตุเกส 0-2 ในเกมรอบแรกของ กลุ่มเอ แต่ หลังจากนั้น ขุนพลเติร์ก ก็ได้สร้างความฮือฮาให้กับ ทัวร์นาเม้นต์ อย่างต่อเนื่องทุกครั้งที่พวกเขาลงสนาม โดยพวกเขา สามารถยิงประตูแซงเอาชนะ สวิตเซอร์แลนด์ เจ้าภาพร่วมมาได้ 2-1 ในช่วงทดเวลาบาดเจ็บ จากประตูของ เซมิห์ เซนเติร์ก และ อาร์ดา ตูราน หลังจากนั้น พวกเขาก็พลิกแซงชนะ เช็ก ได้ 3-2 ภายในเวลา 15 นาที ก่อนหมดเวลาแข่งขัน หลังจากที่ เช็ก นำพวกเขาอยู่ 2-1 ส่งผลให้ ตุรกี ผ่านเข้ารอบ 8 ทีมสุดท้ายได้เป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ ของศึกยูโร รอบสุดท้าย
ส่วนเกมกับ ทีม"ตาหมากรุก" ในรอบ 8 ทีมสุดท้าย จบ 90 นาที ต่างฝ่ายต่างยิงประตูกันไม่ได้ เสมอกันไป 0-0 ทำให้มีการต่อเวลาพิเศษออกไป และ โครเอเชีย ก็มาได้ประตูออกนำก่อนที่เกมจะหมดเวลา อีก 1 นาที เท่านั้น อย่างไรก็ตาม ตุรกี ก็สร้างปาฏิหาริย์ ยิงประตูตีเสมอเป็น 1-1 ได้ทันควัน ก่อนที่เสียงนกหวีดจะดังขึ้นในไม่อีกกี่อึดใจถัดมา จากลูกยิงของ เซมิห์ ส่งผลให้ต้องตัดสินเกมจากการดวลจุดโทษ ซึ่ง ตุรกี ชนะมาได้ 3-1 แต่หลังจบเกม ตุรกี ก็ต้องมีปัญหานักเตะบาดเจ็บและติดโทษแบนเพิ่มขึ้น ก่อนเกมที่จะไปพบกับ เยอรมัน ในรอบ 4 ทีมสุดท้าย อย่างไรก็ตาม เตริม โค้ชหัวใจเพชรของพวกเขา ก็ไม่ยอมแพ้ และจะกระตุ้นสปิริตนักสู้ของลูกทีมให้เกิดขึ้นให้ได้อีกครั้ง
ตุรกี โกงความตายได้ถึง 3 ครั้ง ก่อนที่จะผ่านเข้ามาถึงรอบรองชนะเลิศ
จะว่าไปแล้ว นี่เป็นเกมรอบรองชนะเลิศ ครั้งแรก ของ ตุรกี ในศึกยูโร รอบสุดท้าย แต่สำหรับในเกมฟุตบอลโลกนั้น ก่อนหน้านี้ พวกเขา เคยทะลุเข้าถึงรอบนี้ มาแล้วหนึ่งครั้ง ในฟุตบอลโลก ที่ เกาหลีใต้ และ ญี่ปุ่น เมื่อปี 2002 ซึ่ง ตุรกี เป็นฝ่ายแพ้ให้กับ บราซิล ไปแบบหวุดหวิด 0-1 และ การยิงจุดโทษในเกมที่ พบกับ โครเอเชีย ในรอบ 8 ทีมสุดท้ายที่ผ่านมา เป็นการดวลจุดโทษครั้งแรกของทีม ในทัวร์นาเม้นต์ฟุตบอลระดับใหญ่ๆ เลยทีเดียว
จุดพลิกผันของขุนพล "ไก่งวง" ก่อนที่จะมาถึงรอบนี้ได้สำเร็จ น่าจะเป็นการโกงความตายหลายต่อหลายครั้งของ ทีม ตุรกี ที่สามารถยิงประตูตีเสมอ ร่วมถึง ยิงแซงคู่ต่อสู้ได้ในช่วงท้ายเกม โดยเริ่มจากช็อตที่ เซมิห์ ซึ่งถูกเปลี่ยนตัวลงมาเป็นตัวสำรอง และยิงประตูตีเสมอ 1-1 ให้ทีมได้สำเร็จ ในเกมที่ พบกับ สวิตเซอร์แลนด์ ในรอบแรก ก่อนที่ ตูราน จะเป็นผู้ยิงประตูชัย ให้ทีม ตุรกี ชนะไป 2-1
ประตูของ นิฮัต คาห์เวชี่ ทำให้ ตุรกี พลิกแซงชนะ เช็ก 3-2 ก่อนหมดเวลาเพียงไม่กี่นาที
หลังจากนั้นต่อมา ในเกมนัดสุดท้ายรอบแบ่งกลุ่ม ที่พบ กับ สาธารณรัฐเช็ก ตุรกี ก็สามารถสร้างปาฏิหาริย์ ยิงประตูพลิกแซงเป็นผู้ชนะในช่วงท้ายกมได้สำเร็จ 3-2 อีกครั้ง หลังจากที่โดนนำไปก่อน 2-1 เช่นเดียวกับในนัดที่เตะกับ โครเอเชีย ในรอบ 8 ทีมสุดท้าย ซึ่ง พวกเขา ยิงประตูตีเสมอทีม "ตาหมากรุก" เป็น 1-1 ในเพียงไม่กี่อึดใจก่อนที่ เสียงนกหวีดจะดังขึ้นในช่วง ต่อเวลาพิเศษ ส่งผลให้ต้องตัดสิน ยิงจุดโทษ ซึ่ง พวกเขาก็เอาชนะมาได้ 3-1
คาห์เวชี่ ฮีโร่ ของตุรกี แต่น่าเสียดายที่ต้องปิดฉากการเล่นให้กับทีมไปแล้วในศึกยูโร ครั้งนี้ เนื่องจากบาดเจ็บ
ปฏิเสธไม่ได้ว่า นิฮัต คาห์เวชี่ กองหน้าตัวเก่งจาก บียาร์เรอัล ที่ทำให้ ตุรกี ผ่านเข้ามาถึงรอบนี้ได้สำเร็จ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในนัดที่ เขายิงประตูตัดสินเกมกับ เช็ก ในนัดสุดท้ายรอบแบ่งกลุ่ม ซึ่งเป็นประตูแห่งชีวิตเลยทีเดียว ขณะที่ ในนัดที่พบกับ โครเอเชีย แม้เขาจะยิงประตูให้ทีมไม่ได้ แต่ คาห์เวชี่ ยังเป็นนักเตะที่ทำงานหนักกับทีมอย่างมาก ซึ่งเขาอยู่ในสนามถึง 117 นาที ก่อนที่ อาการบาดเจ็บที่ต้นขา จะฉุดให้เขาต้องออกจากการแข่งขันในครั้งนี้ไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
ด้าน สภาพความพร้อมก่อนเกม ตุรกี ค่อนข้างมีปัญหาในการจัดทัพทีเดียว เพราะจะหมดสิทธิ์ใช้งาน ผู้เล่นตัวหลักหลายราย เริ่มจาก 4 แข้ง ที่ติดโทษแบน อย่าง โวลคาน เดมิเรล นายทวารมือ 1 ที่ชดใช้โทษแบนเป็นนัดสุดท้าย จาก 2 นัด ขณะที่ เอ็มเร่ เอซิก และ ตุนกาย ซานลี่ และ ตูราน จะพลาดลงสนาม เนื่องจาก สะสมใบเหลืองครบ 2 ใบ ในเกมที่เตะกับ โครเอเชีย ส่วน คาห์เวชี่ ก็ออกจากแค้มป์ไปแล้ว หลังได้รับบาดเจ็บอย่างหนัก เช่นเดียวกับ เอ็มเร่ กุนกอร์ และ เซร์เว็ต เซติน รวมไปถึง ตูเมอร์ เมติน และ เอ็มเร่ เบเลโซกลู ที่สภาพร่างกายยังไม่พร้อมช่วยทีมได้ทันในเกมนี้
ฟาติห์ เตริม โค้ชทีม "ไก่งวง" มีปัญหานักเตะบาดเจ็บและติดโทษแบนเป็นโขยงก่อนเกมฟัดกับเยอรมัน
สำหรับ แท็คติก ในเกมพบกับ โครเอเชีย นั้น เตริม ได้ปรับให้ทีมเล่นในระบบ 4-2-3-1 ซึ่งไม่เหมือนในเกมนัดสุดท้าย รอบแบ่งกลุ่ม ที่พบกับ เช็ก ซึ่งพวกเขาใช้กองหน้าคู่ อย่าง เซมิห์ กับ นิฮัต ขณะที่ แดนกลาง ให้ เมห์เม็ต ออเรลิโอ กับ เมห์เหม็ด โตปัล ยืนเป็นมิดฟิลด์ตัวรับ อยู่ข้างหน้าแผงแบ็กโฟร์ ทั้งนี้ เนื่องด้วยทรัพยากรที่มีอย่างจำกัด และก็น่าจะเป็นอีกครั้ง ทีม ตุรกี จะใช้แผน กองหน้าเป้า ในเกมนี้ หลังทีมเจอโรคเดี้ยงและโทษแบนเล่นงานนักเตะ บานตะไท โดย เตริม มีนักเตะที่ฟิตสมบูรณ์พร้อมใช้งานเพียง 12 รายเท่านั้น จึงมีความเป็นไปได้สูง ที่ ก็อคเดนิซ คาราเดนิซ และ คาซิม คาซิม จะได้ออกสตาร์ทเป็นตัวจริงในแผงมิดฟิลด์ ส่วน อายฮาน อั๊คมาน เป็นผู้เล่นเพียงคนเดียวของ ตุรกี ที่ยังไม่ได้สัมผัสเกมยูโร 2008 เลย
วาทะจากแค้มป์ทีมชาติ ตุรกี
- "ไม่มีอะไรที่เป็นไปไม่ได้ ตราบใดที่เวลายังไม่หมด" ฟาติห์ เตริม โค้ชตุรกี ส่งข้อความกระตุ้นนักเตะในทีม
- "ตอนนี้ ผมเข้าใจแล้วว่า ทำไม พวกเขาถึงเรียกพวกเราว่า "เติร์กผู้บ้าคลั่ง" เอ็มเร่ เอซิค กล่าวอ้างอิงจากหนังสือขายดีที่เป็นชื่อเดียวกับทีมชาติ
- "ถ้าจะว่ากันอย่างเป็นกลาง มันอาจเป็นเกมที่ดีที่จะได้ชม" การคาดเดาของ คาซิม คาซิม ใน เกมรอบรองชนะเลิศ ที่พบกับ โครเอเชีย ได้พิสูจน์ความจริงออกมาในตอนจบ
ประเด็นพาดหัวข่าวของหนังสือพิมพ์ เกี่ยวกับ ตุรกี
-"เรากำลังจะไปเวียนน่า" ฮูร์ริเย็ต พาดหัวข่าว ภายหลังชัยชนะเหนือ เช็ก ซึ่งทำให้ ตุรกี แย่งตั๋วเข้าสู่รอบก่อนรองชนะเลิศ ที่จะไปพบกับ โครเอเชีย ที่ สนาม เอิร์นส์ต ฮัปเปิ้ล-สตาติโอน
- "ขอบคุณที่ช่วยเหลือ, เช็ก" อั๊คซาม อ้างถึง ความผิดพลาดของ ปีเตอร์ เช็ก นายทวารของทีม สาธารณรัฐเช็ก ที่ทำให้ ตุรกี ยิงประตูตีเสมอเป็น 2-2 ก่อนที่ ตุรกีจะแซงชนะ 3-2 ในเกมนัดสุดท้ายของรอบแบ่งกลุ่ม
- "มีใครหัวใจแข็งแกร่งเช่นนี้อีกไหม?" มิลลิเย็ต ยกย่อง สปิริตนักสู้ที่ไม่ยอมพ่ายแพ้ ในเกมกับ โครเอเชีย รอบ 8 ทีมสุดท้าย
- "เติร์กส์ คุณจะไม่ถูกลืม" ซาบาห์ พาดหัวข่าว หลัง ตุรกี ผ่านเข้ารอบ 8 ทีมสุดท้ายได้สำเร็จ
25 / 06 / 2008 18:57