เจาะลึก ยูโร 2008 : สเปน -vs- รัสเซีย

ฟุตบอลยูโร 2008 รอบรองชนะเลิศ

 สเปน (อันดับฟีฟ่า 4) -vs-  รัสเซีย (อันดับฟีฟ่า 24) ....(01.30 น.)

สนาม : แอร์นส์ท ฮัปเปิล สตาดิโอน, เวียนนา, ออสเตรีย

ราคา : สเปน ต่อ ปป

สถิติการพบกันของทั้งสองทีม

10/06/08 สเปน 4-1 รัสเซีย  ยูโร 2008 รอบสุดท้าย
27/05/08 สเปน 0-0 รัสเซีย  กระชับมิตร
12/06/04 สเปน 1-0 รัสเซีย  ยูโร 2004 รอบสุดท้าย
23/09/98 สเปน 1-0 รัสเซีย  กระชับมิตร

ผลงานในรอบที่ผ่านมา

 สเปน

รอบก่อนรองชนะเลิศ

22/06/08 เสมอ อิตาลี 0-0 (สเปน ชนะจุดโทษ 4-2)

รอบแบ่งกลุ่ม

18/06/08 ชนะ กรีซ 2-1
14/06/08 ชนะ สวีเดน 2-1
10/06/08 ชนะ รัสเซีย 4-1
(ผ่านเข้ารอบในฐานะแชมป์กลุ่ม ดี)

 รัสเซีย

รอบก่อนรองชนะเลิศ

21/06/08 เสมอ เนเธอร์แลนด์ 1-1 (รัสเซีย ชนะต่อเวลาพิเศษ 3-1)

รอบแบ่งกลุ่ม

18/06/08 ชนะ สวีเดน 2-0
14/06/08 ชนะ กรีซ 1-0
10/06/08 แพ้ สเปน 1-4
(ผ่านเข้ารอบในฐานะรองแชมป์กลุ่ม ดี)

ผลการแข่งขัน 5 นัดล่าสุด

 สเปน

22/06/08 เสมอ อิตาลี 0-0 (กลาง)  ยูโร 2008 (สเปน ชนะจุดโทษ 4-2)
18/06/08 ชนะ กรีซ 2-1 (กลาง)  ยูโร 2008
14/06/08 ชนะ สวีเดน 2-1 (กลาง)  ยูโร 2008
10/06/08 ชนะ รัสเซีย 4-1 (กลาง)  ยูโร 2008
04/06/08 ชนะ สหรัฐอเมริกา 1-0 (เหย้า)  กระชับมิตร

 รัสเซีย

21/06/08 เสมอ เนเธอร์แลนด์ 1-1 (กลาง)  ยูโร 2008 (รัสเซีย ชนะต่อเวลาพิเศษ 3-1)
18/06/08 ชนะ สวีเดน 2-0 (กลาง)  ยูโร 2008
14/06/08 ชนะ กรีซ 1-0 (กลาง)  ยูโร 2008
10/06/08 แพ้ สเปน 1-4 (กลาง)  ยูโร 2008
04/06/08 ชนะ ลิธัวเนีย 4-1 (เยือน)  กระชับมิตร

ความพร้อมล่าสุดของทั้งสองทีม

 สเปน

     กระทิงดุซึ่งเคยถล่มเอาชนะรัสเซียมาแล้วในรอบแบ่งกลุ่ม ดูจะฟอร์มฝืดลงไปเมื่อเจอกับอิตาลีซึ่งเน้นเกมรับจนจบ 120 นาทีแบบไร้สกอร์ในรอบก่อนรองชนะเลิศ แต่ยังโชคดีเอาตัวรอดมาได้ด้วยการพิชิตจุดโทษ 4-2 ซึ่ง อิเคร์ คาซิยาส นายทวารกัปตันทีมได้รับความดีความชอบไปแบบเต็มๆ

     หลุยส์ อราโกเนส กุนซือรุ่นคุณปู่ ไม่มีปัญหาบาดเจ็บหรือติดโทษแบนของผู้เล่นมารบกวนใจ พร้อมจัดทีมชุดที่ดีที่สุดลงสนาม ซึ่งก็คือชุดเดียวกับที่ชนะรัสเซียในนัดประเดิมทัวร์นาเมนท์นั่นเอง แต่นักเตะที่มีลุ้นเบียดแย่งตำแหน่งตัวจริงก็มี เชสก์ ฟาเบรกัส ที่ลงสนามเป็นตัวสำรองมาทำผลงานได้ดีในเกมล่าสุด แถมยังสังหารจุดโทษได้อย่างเฉียบขาดอีกด้วย แต่ก็ต้องเบียดแย่งตำแหน่งกับ ซาบี เอร์นานเดซ เพลย์เมกเกอร์หัวใจสำคัญของทีม

 รัสเซีย

     หมีขาวโดนสเปนถล่มยับมาในเกมแรก แต่หลังจากนั้นก็ฟื้นตัวขึ้นมาอย่างรวดเร็วด้วยชัยชนะ 3 เกมรวด โดยเฉพาะในรอบ 8 ทีมสุดท้ายที่อัดทีมเต็งอย่าง เนเธอร์แลนด์ ตกรอบแบบไร้ข้อกังขา 3-1 สร้างชื่อให้ทั้งทีมและนักเตะหลายราย

     กุส ฮิดดิ้งค์ เทรนเนอร์ดัตช์มีปัญหาทั้งอาการบาดเจ็บและการติดโทษแบนของนักเตะ โดยต้องรอทดสอบความฟิตของสองกองกลางอย่าง ดินิยาร์ บิลยาเลตดินอฟ, อิวาน ซาเอนโก้ รวมถึง อเล็กซานเดอร์ อันยูคอฟ แบ็คขวา แต่คาดว่าทั้งหมดน่าจะสลัดอาการเจ็บเพื่อช่วยทีมในเกมนี้ได้ทุกคน อย่างไรก็ดีที่จะต้องขาดแน่ๆได้แก่ เดนิส โคโลดิน เซ็นเตอร์ฮาล์ฟเท้าหนัก และ ดิมิทรี ทอร์บินสกี้ ซูเปอร์ซับในนัดล่าสุด ที่ติดโทษแบนฐานสะสมใบเหลืองครบโควต้า

รายชื่อผู้เล่นที่คาดว่าจะลงสนาม

 สเปน (4-1-3-2) : อิเคร์ คาซิยาส - เซร์คิโอ รามอส, คาร์เลส ปูโยล, คาร์ลอส มาร์เชน่า, โจน กัปเดบีล่า - มาร์กอส เซนน่า - อันเดรส อิเนสต้า, ซาบี เอร์นานเดซ, ดาบิด ซิลบา - ดาบิด บีญ่า, เฟร์นานโด ตอร์เรส

 รัสเซีย (4-5-1) : อิกอร์ อคินเฟเยฟ - อเล็กซานเดอร์ อันยูคอฟ, เซอร์เก อิ๊กนาเชวิช, อเล็กเซ เบเรซุทสกี้, ยูริ เชอร์คอฟ - เซอร์เก เซมัค, อิกอร์ เซมซอฟ, คอนสแตนติน ซีเรียคอฟ, อิวาน ซาเอนโก้, อังเดร อาร์ชาวิน - โรมัน พาฟลูเชนโก

ทรรศนะส่วนตัวของผู้เขียน

     หากมองที่ชื่อชั้นและสถิติแล้ว สเปน เหนือกว่าแน่นอน แต่ในนาทีนี้ไม่มีใครกล้ามองข้าม รัสเซีย ที่กำลังห้าวสุดขีด เชื่อว่าผลการแข่งขันจะไม่เหมือนกับเกมแรกอย่างแน่นอน เนื่องจากกุนซือสมองเพชรอย่าง ฮิดดิ้งค์ น่าจะมองข้อดีข้อเสียของทั้งสองทีมได้อย่างทะลุปรุโปร่งแล้ว นอกจากนั้น แม้ว่าสกอร์ของเกมดังกล่าวจะขาด แต่รูปเกมถือว่าสูสีชนิดที่รัสเซียก็บุกใส่จนแนวรับสเปนเป๋ไปมาบ่อยครั้ง มาคราวนี้ได้ อาร์ชาวิน ผู้ผันตัวกลายมาเป็นดาวเตะที่ร้อนแรงที่สุดของทัวร์นาเมนท์มาช่วยเดินเกมรุกอีกแรง อีกปัจจัยหนึ่งคือความกดดัน ฝั่ง สเปน มีความคาดหวังที่ต้องแบกรับอยู่ในฐานะทีมเต็ง ขณะที่ รัสเซีย ถือว่าประสบความสำเร็จแล้วที่เข้ามาถึงรอบนี้ ดังนั้นแล้วฝ่ายที่จะเดินเกมอย่างเต็มประสิทธิภาพมากกว่าก็น่าจะเป็น รัสเซีย และมีลุ้นสู้กันยาวๆถึงช่วงต่อเวลาพิเศษ หรืออาจถอนแค้นได้สำเร็จหากพัฒนาความเฉียบขาดในการเข้าทำได้แล้ว

ผู้เล่นที่น่าจะมีอิทธิพลต่อเกมนี้

 สเปน - ดาบิด บีญ่า

     ดาวยิงสูงสุดของรายการด้วยจำนวน 4 ประตู ผู้กระซวกแฮททริกใส่รัสเซียในเกมประเดิมสนามเมื่อสองสัปดาห์ก่อน แม้ว่าจะไม่มีชื่อขึ้นบนสกอร์บอร์ดมาสองเกมติด (ได้พักในเกมกับกรีซ และยิงไม่ได้ในเกมกับอิตาลี) แต่ก็ยังเป็นศูนย์หน้าที่แนวรับฝั่งตรงข้ามจะประมาทไม่ได้แม้ก้าวเดียว จุดเด่นของบีญ่านอกจากเกมรุกแล้วยังมีความขยันไม่แพ้ผู้เล่นเกมรับ ดังจะเห็นได้ว่าดาวยิงบาเลนเซียมักวิ่งไล่บอลและเข้าสไลด์ทำลายเกมโต้กลับของคู่ต่อสู้ได้สำเร็จหลายครั้ง อันเป็นคุณสมบัติที่เห็นได้ไม่บ่อยในตัวกองหน้าผู้ได้ชื่อว่ามีความเฉียบคมในการทำประตูขั้นเทพ

 รัสเซีย - โรมัน พาฟลูเชนโก

     นอกจาก รัสเซีย จะมี อาร์ชาวิน เป็นดาวดังที่กำลังถูกจับตามองจากทั่วโลกแล้ว ก็ยังมีมือปืนประจำทีมอย่าง พาฟลูเชนโก้ ที่ช่วยสร้างมิติในการเดินเกมรุก ทั้งการเก็บบอลในแดนหน้าและลั่นไกในจังหวะสุดท้าย เขาเป็นผู้เบิกสกอร์แรกให้ทีมในทัวร์นาเมนท์ก่อนจะตามมาอีก 2 ประตูในเกมกับ สวีเดน และ เนเธอร์แลนด์ ตามลำดับ กลายมาเป็นรองดาวยิงประจำรายการรองจาก บีญ่า แค่คนเดียวเท่านั้น แม้การจบสกอร์อาจไม่แน่นอนในระดับพระกาฬ แต่การหาตำแหน่งในการเล่นบอลนั้นถือว่าไม่เป็นรองใครในใต้หล้า ทำให้ พาฟลูเชนโก้ เอาชนะกองหลังได้บ่อยๆและสร้างความได้เปรียบให้กับทีมอย่างเห็นได้ชัด

เกร็ดเล็กเกร็ดน้อยของทั้งสองทีม

 สเปน

-เข้ารอบรองชนะเลิศยูดรเป็นสมัยที่สาม โดยสองครั้งก่อนหน้านี้เป็นปี 1964 และ 1984 ซึ่งขุนพลกระทิงดุสามารถผ่านเข้ารอบชิงชนะเลิศได้ทั้งสองครั้ง
-ไม่แพ้มา 20 นัดติดต่อกันนับตั้งแต่แพ้โรมาเนีย 0-1 เมื่อพฤศจิกายน 2006 โดยสถิติสูงสุดของทีมอยู่ที่ 31 นัด ตั้งแต่กันยายน 1994 ถึงพฤศจิกายน 1997
-ก่อนหน้านี้ หลุยส์ อราโกเนส เคยพาทีมชาติสเปนไม่แพ้ติดต่อกันถึง 25 นัด ระหว่างสิงหาคม 2004 ถึงมิถุนายน 2006
-อราโกเนส เป็นโค้ชที่มีอายุมากที่สุดที่เคยเข้าถึงรอบรองชนะเลิศยูโร ด้วยวัย 69 ปี 334 วัน ทำลายสถิติของ อ๊อตโต้ เรห์ฮาเกล เทรนเนอร์ทีมชาติกรีซที่เคยทำไว้ในปี 2004 ด้วยวัย 65 ปี 327 วัน
-ซานติ คาร์ซอล่า ลงสนามเป็นตัวสำรองของ อันเดรส อิเนสต้า ทุกนัด
-สำหรับนักเตะทีมชาติสเปนสังกัดสโมสร บียาร์เรอัล ได้แก่ โจน กัปเดบีล่า, มาร์กอส เซนน่า และ ซานติ คาร์ซอล่า จะต้องลงดวลแข้งกับผู้เล่นทีมชาติรัสเซียจากสโมสร เซนิต เซนต์ ปีเตอร์สเบิร์ก อันประกอบด้วย วยาเชสลาฟ มาลาเฟเยฟ, อเล็กซานเดอร์ อันยูคอฟ, โรมัน ชิโรคอฟ, คอนสแตนติน ซีเรียนอฟ และ อังเดร อาร์ชาวิน เป็นครั้งที่ 4 ในรอบปี หลังจากที่ทั้งสองสโมสรเคยพบกันมาสองครั้งใน ยูฟ่า คัพ ฤดูกาลล่าสุด

 รัสเซีย

-ผู้เล่นชุดนี้ติดทีมชาติรวมกันได้ 503 นัด เป็นจำนวนน้อยที่สุดใน 32 ทีมสุดท้ายของ ยูโร 2008
-เป็นทีมที่มีอายุเฉลี่ยของนักเตะน้อยที่สุดในทัวร์นาเมนท์ คือ 26 ปี 99 วัน
-กุส ฮิดดิ้งค์ มีประสบการณ์คุมทีมชาติในรายการชิงแชมป์ทวีปและชิงแชมป์โลกรวมกันถึง 5 สมัย และเก็บชัยชนะมาแล้วรวม 11 นัด เทียบเท่ากัย ไรนุส มิเชล โดยเทรนเนอร์ที่มีสถิติเหนือกว่า ฮิดดิ้งค์ มีเพียง แบร์ตี้ โฟกส์ (12 นัด), มาริโอ ซากาโล่ (13 นัด), หลุยส์ เฟลิเป้ สโคลารี่ (16 นัด) และ เฮลมุต โชน (19 นัด) ที่มีสถิติเหนือกว่า
-รัสเซีย กับ ตุรกี เป็นทีมที่ 5 และ 6 ตามลำดับ ที่สามารถผ่านเข้าถึงรอบรองชนะเลิศยูโรได้สำเร็จแม้จะแพ้ในนัดประเดิมสนามก็ตาม
-โรมัน พาฟลูเชนโก้ ผู้ทำไปแล้ว 3 ประตูในทัวร์นาเมนท์นี้ กลายเป็นดาวยิงสูงสุดในยูโรตลอดกาลของรัสเซีย ร่วมกับ วาเลนติน อิวานอฟ และ วิคเตอร์ โปเนเดลนิค (ทำได้คนละ 3 ประตูในระหว่างยูโร 1960 และ 1964)
-ดมิทรี ซีเชฟ เป็นนักเตะชุดนี้เพียงคนเดียวที่เคยดวลกับสเปนในยูโร 2004 โดยลงสนามในฐานะตัวสำรอง และยังมีผู้เล่นชุดนี้อีก 5 คนที่เป็นตัวสำรองในเกมดังกล่าวแต่ไม่ได้ลงเล่น ได้แก่ อิกอร์ อคินเฟเยฟ, วยาเชสลาฟ มาลาเฟเยฟ, อเล็กซานเดอร์ อันยูคอฟ, วลาดิเมียร์ บิสตรอฟ และ อิกอร์ เซมชอฟ