LOMTOE.CLUB
ทางด่วนเดิมพัน & สถิติน่าสนใจ ลา ลีกา วิเคราะห์บอล พรีเมียร์ลีก : วูล์ฟส์ -vs- พาเลซ วิเคราะห์บอล ลา ลีกา : กิโรน่า -vs- เลกาเนส วิเคราะห์บอล บุนเดสลีก้า : โฮลสไตน์ เคียล -vs- ไฮเด้นไฮม์ วิเคราะห์บอล พรีเมียร์ดัตช์ : เฮราเคิ่ลส์ -vs- เบรด้า สถิติสูงต่ำทำเงินได้ - เซเรีย อา วิเคราะห์บอล เซเรีย อา : อูดิเนเซ่ -vs- ยูเวนตุส วิเคราะห์บอล ตุรกี ซุปเปอร์ลีก : เบซิคตัส -vs คาซิมปาซ่า วิเคราะห์บอล ตุรกี ซุปเปอร์ลีก : ชีวาสสปอร์ -vs ริเซ่สปอร์ วิเคราะห์บอล เซเรีย อา : มอนซ่า -vs- เอซี มิลาน วิเคราะห์บอล พรีเมียร์ดัตช์ : ฟอร์ทูน่า ซิตตาร์ด -vs ฮีเรนวีน วิเคราะห์บอล ลา ลีกา : โอซาซูน่า -vs- เรอัล บายาโดลิด วิเคราะห์บอล เซเรีย อา : โบโลญญ่า -vs- เลชเช่ วิเคราะห์บอล บุนเดสลีก้า : ดอร์ทมุนด์ -vs- ไลป์ซิก วิเคราะห์บอล พรีเมียร์ดัตช์ : เฟเยนูร์ด -vs- อาแจ็กซ์ สูง-ต่ำ พรีเมียร์ลีก ออกเวย์ไหนต้องดู? วิเคราะห์บอล พรีเมียร์ลีก : เซาท์แฮมป์ตัน -vs- เอฟเวอร์ตัน วิเคราะห์บอล ลา ลีกา : บียาร์เรอัล -vs- ราโย่ บาเยกาโน่ วิเคราะห์บอล พรีเมียร์ลีก : ฟอเรสต์ -vs- เวสต์แฮม วิเคราะห์บอล พรีเมียร์ดัตช์ : วิลเล่ม ทเว -vs- ทเวนเต้ วิเคราะห์บอล พรีเมียร์ลีก : ลิเวอร์พูล -vs- ไบรท์ตันฯ วิเคราะห์บอล พรีเมียร์ลีก : อิปสวิช -vs- เลสเตอร์ วิเคราะห์บอล ลา ลีกา : บาเลนเซีย -vs- เรอัล มาดริด วิเคราะห์บอล พรีเมียร์ลีก : บอร์นมัธ -vs- แมนฯซิตี้ วิเคราะห์บอล พรีเมียร์ลีก : นิวคาสเซิ่ล -vs- อาร์เซน่อล สถิติมีไว้ข่ม!....สูง-ต่ำ บุนเดสลีก้า วิเคราะห์บอล บุนเดสลีก้า : โวล์ฟสบวร์ก -vs- เอ๊าก์สบวร์ก วิเคราะห์บอล บุนเดสลีก้า : ฮอฟเฟ่นไฮม์ -vs- ซังต์ เพาลี วิเคราะห์บอล บุนเดสลีก้า : แฟร้งค์เฟิร์ต -vs- โบคุ่ม วิเคราะห์บอล บุนเดสลีก้า : บาเยิร์น -vs- ยูนิโอน เบอร์ลิน วิเคราะห์บอล พรีเมียร์ดัตช์ : อาแจ็กซ์ -vs พีเอสวี วิเคราะห์บอล สก็อตติช พรีเมียร์ : เซนต์ เมียร์เรน -vs รอสส์ เคาน์ตี้ วิเคราะห์บอล สก็อตติช พรีเมียร์ : เซนต์ จอห์นสโตน -vs ฮาร์ทส์ ทีเด็ด 1 ตัว ชัวร์ ตัวตึง!! "จับกระแสบอลแรง" บอลทำตังค์ในชั่วโมงนี้...อยากบวกตามมาด่วน ทีเด็ดอันเดอร์...เจอ จับ แจก!! (คัดเน้นๆ) ทีเด็ดโอเวอร์...เจอ จับ แจก!! (คัดเน้นๆ)

ufafat
ufa1919 ufazeed วิเคราะห์บอล
redefine | 29 / 06 / 2008 15:03
team Adivisionteam B

ฟุตบอล ชิงแชมป์แห่งชาติยุโรป "ยูโร 2008" 


ฟุตบอล ยูโร 2008 รอบชิงชนะเลิศ

เยอรมัน (อันดับฟีฟ่า 5) -vs- สเปน (อันดับฟีฟ่า 4) ....(01.45 น.)

สนาม : แอร์นส์ท ฮัปเปล สตาดิโอน, เวียนนา, ออสเตรีย


สถิติการพบกันของทั้งสองทีม

12-02-03 สเปน ชนะ เยอรมัน 3-1 (อุ่นเครื่อง) (ปาลม่า, สเปน)
16-08-00 เยอรมัน ชนะ สเปน 4-1 (อุ่นเครื่อง) (ฮันโนเวอร์, เยอรมัน)
22-02-95 สเปน เสมอ เยอรมัน 0-0 (อุ่นเครื่อง) (เฆเรซ, สเปน)
21-06-94 เยอรมัน เสมอ สเปน 1-1 (ฟุตบอลโลก 1994 รอบสุดท้าย) (ชิคาโก้, สหรัฐฯ)
17-06-88 เยอรมันตะวันตก ชนะ สเปน 2-0 (ยูโร 1988 รอบคัดเลือก) (มิวนิค, เยอรมันตะวันตก)
15-10-86 เยอรมันตะวันตก เสมอ สเปน 2-2 (อุ่นเครื่อง) (ฮันโนเวอร์, เยอรมันตะวันตก)
20-06-84 เยอรมันตะวันตก แพ้ สเปน 0-1 (ยูโร 1984 รอบสุดท้าย) (ปารีส, ฝรั่งเศส)
02-07-82 สเปน แพ้ เยอรมันตะวันตก 1-2 (ฟุตบอลโลก 1982 รอบสุดท้าย) (มาดริด, สเปน)
22-05-76 เยอรมันตะวันตก ชนะ สเปน 2-0 (ยูโร 1978 รอบคัดเลือก) (มิวนิค, เยอรมัน)
24-04-76 สเปน เสมอ เยอรมันตะวันตก 1-1 (ยูโร 1978 รอบคัดเลือก) (มาดริด, สเปน)

สรุป : เยอรมัน ชนะ 4 ครั้ง / เสมอกัน 4 ครั้ง / สเปน ชนะ 2 ครั้ง 


ผลการพบกันทั้งหมด 19 ครั้ง

สรุป : เยอรมัน ชนะ 8 ครั้ง / เสมอกัน 6 ครั้ง / สเปน ชนะ 5 ครั้ง 


ผลการแข่งขันในรอบที่ผ่านมา

เยอรมัน

รอบรองชนะเลิศ
25-06-08 ชนะ ตุรกี 3-2

รอบก่อนรองชนะเลิศ
19-06-08 ชนะ โปรตุเกส 3-2

รอบแบ่งกลุ่ม
16-05-08 ชนะ ออสเตรีย 1-0
12-06-08 แพ้ โครเอเชีย 1-2
08-06-08 ชนะ โปแลนด์ 2-0
(เข้ารอบเป็นอันดับสองของกลุ่มบี)

สเปน

รอบรอบชนะเลิศ
26-06-08 ชนะ รัสเซีย 3-0

รอบก่อนรองชนะเลิศ
22-06-08 เสมอ อิตาลี 0-0 (สเปน ชนะจุดโทษ 4-2)

รอบแบ่งกลุ่ม
18-06-08 ชนะ กรีซ 2-1
14-06-08 ชนะ สวีเดน 2-1
10-06-08 ชนะ รัสเซีย 4-1
(ผ่านเข้ารอบในฐานะแชมป์กลุ่ม ดี)


ผลงานในศึกยูโร รอบสุดท้าย

เยอรมัน

ยูโร 2004 รอบสุดท้าย ที่ ประเทศ โปรตุเกส (ตกรอบแรก)

รอบแบ่งกลุ่ม

23-06-04 แพ้ สาธารณรัฐเช็ก 1-2
19-06-04 เสมอ ลัตเวีย 0-0
15-06-04 เสมอ ฮอลแลนด์ 1-1
(ตกรอบแรก ในฐานะทีมอันดับสุดท้ายของกลุ่ม)

ยูโร 2000 รอบสุดท้าย ที่ ประเทศ เบลเยี่ยม-ฮอลแลนด์ (ตกรอบแรก)

รอบแบ่งกลุ่ม
20-06-00 แพ้ โปรตุเกส 0-3
17-06-00 แพ้ อังกฤษ 0-1
12-06-00 เสมอ โรมาเนีย 1-1 
(ตกรอบแรกในฐานะทีมอันดับสุดท้ายของกลุ่ม)

ยูโร 1996 รอบสุดท้าย ที่ประเทศ อังกฤษ (แชมป์)

รอบชิงชนะเลิศ

30-06-96 เสมอ เช็ก 1-1 (เยอรมัน ชนะช่วงต่อเวลาพิเศษ 2-1)
รอบรองชนะเลิศ
26-06-96 เสมอ อังกฤษ 1-1 (เยอรมัน ชนะจุดโทษ 6-5)
รอบก่อนรองชนะเลิศ
23-06-96 ชนะ โครเอเชีย 2-1
รอบแบ่งกลุ่ม
19-06-96 เสมอ อิตาลี 0-0
16-06-96 ชนะ รัสเซีย 3-0
09-06-96 ชนะ สาธารณรัฐเช็ก 2-0
(ผ่านเข้ารอบ 8 ทีมสุดท้าย ในฐานะ ทีมอันดับ 1 ของกลุ่ม)

ยูโร 1992 รอบสุดท้าย ที่ประเทศ สวีเดน (รองแชมป์)

รอบชิงชนะเลิศ

26-06-92 แพ้ เดนมาร์ก 0-2
รอบรองชนะเลิศ
21-06-92 ชนะ สวีเดน 3-2
รอบแบ่งกลุ่ม
18-06-92 แพ้ ฮอลแลนด์ 1-3
15-06-92 ชนะ สกอตแลนด์ 2-0
12-06-92 เสมอ กลุ่มประเทศเครือรัฐเอกราช 1-1
(ผ่านเข้ารอบรองชนะเลิศ ในฐานะทีมอันดับ 2 ของกลุ่ม)

ยูโร 1988 รอบสุดท้าย ที่ประเทศ เยอรมันตะวันตก (รอบรองชนะเลิศ)

รอบรองชนะเลิศ

21-06-88 แพ้ ฮอลแลนด์ 1-2
รอบแบ่งกลุ่ม
17-06-88 ชนะ สเปน 2-0
14-06-88 ชนะ เดนมาร์ก 2-0
10-06-88 เสมอ อิตาลี 1-1
(ผ่านเข้ารอบรองชนะเลิศ ในฐานะ แชมป์กลุ่ม)

ยูโร 1984 รอบสุดท้าย ที่ประเทศ ฝรั่งเศส (ตกรอบแรก)

รอบแบ่งกลุ่ม

20-06-84 แพ้ สเปน 0-1
17-06-84 ชนะ โรมาเนีย 2-1
14-06-84 เสมอ โปรตุเกส 0-0
(ตกรอบแรกในฐานะทีมอันดับ 3 ของกลุ่ม)

ยูโร 1980 รอบสุดท้าย ที่ประเทศ อิตาลี (แชมป์)

รอบชิงชนะเลิศ
22-06-08 ชนะ เบลเยี่ยม 2-1
รอบแบ่งกลุ่ม
17-06-80 เสมอ กรีซ 0-0
14-06-80 ชนะ ฮอลแลนด์ 3-2
11-06-80 ชนะ เชโกสโลวาเกีย 1-0
(ผ่านเข้ารอบในอันดับ 1 ของกลุ่ม)

ยูโร 1976 รอบสุดท้าย ที่ ประเทศ ยูโกสลาเวีย  (รองแชมป์)

รอบชิงชนะเลิศ
20-06-76 เสมอ เชโกสโลวาเกีย 2-2 (เยอรมัน แพ้จุดโทษ 3-5)
รอบรองชนะเลิศ
17-06-76 เสมอ ยูโกสลาเวีย 2-2 (เยอรมัน ชนะต่อเวลาพิเศษ 4-2)

ยูโร 1972 รอบสุดท้าย ที่ ประเทศ เบลเยี่ยม (แชมป์)

รอบชิงชนะเลิศ

18-06-72 ชนะ สหภาพโซเวียต 3-0
รอบรองชนะเลิศ
14-06-72 ชนะ เบลเยี่ยม 2-1

สเปน

ยูโร 2004 รอบสุดท้าย ที่ ประเทศ โปรตุเกส (ตกรอบแรก)

รอบแบ่งกลุ่ม
20-06-04 แพ้ โปรตุเกส 0-1
16-06-04 เสมอ กรีซ 1-1
12-06-04 ชนะ รัสเซีย 1-0
(ตกรอบแรก ในฐานะ ทีมอันดับ 3 ของกลุ่ม)

ยูโร 2000 รอบสุดท้าย ที่ประเทศ เบลเยี่ยม-ฮอลแลนด์ (รอบก่อนรองชนะเลิศ)

รอบก่อนรองชนะเลิศ
25-06-04 แพ้ ฝรั่งเศส 1-2
รอบแบ่งกลุ่ม
21-06-04 ชนะ ยูโกสลาเวีย 4-3
18-06-04 ชนะ สโลวีเนีย 2-1
13-06-04 แพ้ นอร์เวย์ 1-0
(ผ่านเข้ารอบ 8 ทีมสุดท้าย ในฐานะ แชมป์ ของกลุ่ม)

ยูโร 1996 รอบสุดท้าย ที่ประเทศ อังกฤษ (รอบก่อนรองชนะเลิศ)

รอบก่อนรองชนะเลิศ
22-06-96 เสมอ อังกฤษ 0-0 (สเปน แพ้ จุดโทษ 2-4)
รอบแบ่งกลุ่ม
18-06-96 ชนะ โรมาเนีย 2-1
15-06-96 เสมอ ฝรั่งเศส 1-1
09-06-96 เสมอ บัลแกเรีย 1-1
(ผ่านเข้ารอบ 8 ทีมสุดท้าย ในฐานะ ทีมอันดับ 2 ของกลุ่ม)

ยูโร 1988 รอบสุดท้าย ที่ประเทศ เยอรมันตะวันตก (ตกรอบแรก)

รอบแบ่งกลุ่ม
17-06-88 แพ้ เยอรมันตะวันตก 0-2
14-06-88 แพ้ อิตาลี 0-1
11-06-88 ชนะ เดนมาร์ก 3-2
(ตกรอบแรก ในฐานะทีมอันดับ 3 ของกลุ่ม)

ยูโร 1984 รอบสุดท้าย ที่ประเทศ ฝรั่งเศส (รองแชมป์)

รอบชิงชนะเลิศ
27-06-84 แพ้ ฝรั่งเศส 0-2
รอบรองชนะเลิศ
23-06-84 เสมอ เดนมาร์ก 1-1 (สเปน ชนะจุดโทษ 5-4)
รอบแบ่งกลุ่ม
20-06-84 ชนะ เยอรมันตะวันตก 1-0
17-06-84 เสมอ โปรตุเกส 1-1
14-06-84 เสมอ โรมาเนีย 1-1
(ผ่านเข้ารอบรองชนะเลิศ ในฐานะแชมป์ กลุ่ม)

ยูโร 1980 รอบสุดท้าย ที่ประเทศ อิตาลี (ตกรอบแรก)

รอบแบ่งกลุ่ม
18-06-80 แพ้ อังกฤษ 1-2
15-06-80 แพ้ เบลเยี่ยม 1-2
12-06-80 เสมอ อิตาลี 0-0
(ตกรอบแรก ในฐานะทีมอันดับสุดท้ายของกลุ่ม)

ยูโร 1964 รอบสุดท้าย ที่ประเทศ สเปน (แชมป์)

รอบชิงชนะเลิศ
21-06-64 ชนะ สหภาพโซเวียต 2-1
รอบรองชนะเลิศ
17-06-64 เสมอ ฮังการี 1-1 (สเปน ชนะต่อเวลาพิเศษ 2-1)



ฟอร์ม 10 นัดล่าสุด

เยอรมัน

25-06-08 ชนะ ตุรกี 3-2 (กลาง) (ยูโร 2008 รอบสุดท้าย)
19-08-08 ชนะ โปรตุเกส 3-2 (กลาง) (ยูโร 2008 รอบสุดท้าย)
16-06-08 ชนะ ออสเตรีย 1-0 (เยือน) (ยูโร 2008 รอบสุดท้าย)
12-06-08 แพ้ โครเอเชีย 1-2 (กลาง) (ยูโร 2008 รอบสุดท้าย)
08-06-08 ชนะ โปแลนด์ 2-0 (กลาง) (ยูโร 2008 รอบสุดท้าย)
31-05-08 ชนะ เซอร์เบีย 2-1 (เหย้า) (อุ่นเครื่อง)
27-05-08 เสมอ เบลารุส 2-2 (เหย้า) (อุ่นเครื่อง)
26-03-08 ชนะ สวิตเซอร์แลนด์ 4-0 (เยือน) (อุ่นเครื่อง)
06-02-08 ชนะ ออสเตรีย 3-0 (เยือน) (อุ่นเครื่อง)
21-11-07 เสมอ เวลส์ 0-0 (เหย้า) (ยูโร 2008 รอบคัดเลือก)

สรุป : ชนะ 7 ครั้ง / เสมอ 2 ครั้ง / แพ้ 1 ครั้ง


สเปน

26-06-08 ชนะ รัสเซีย 3-0 (กลาง) (ยูโร 2008 รอบสุดท้าย)
22-06-08 เสมอ อิตาลี 0-0 (กลาง) (สเปน ชนะจุดโทษ 4-2) (ยูโร 2008 รอบสุดท้าย)
18-06-08 ชนะ กรีซ 2-1 (กลาง) (ยูโร 2008 รอบสุดท้าย)
10-06-08 ชนะ รัสเซีย 4-1 (กลาง) (ยูโร 2008 รอบสุดท้าย )
04-06-08 ชนะ สหรัฐอเมริกา 1-0 (เหย้า) (อุ่นเครื่อง)
31-05-08 ชนะ เปรู 2-1 (เหย้า) (อุ่นเครื่อง)
26-03-08 ชนะ อิตาลี 1-0 (เหย้า)  กระชับมิตร
06-02-08 ชนะ ฝรั่งเศส 1-0 (เหย้า) (อุ่นเครื่อง)
21-11-08 ชนะ ไอร์แลนด์เหนือ 1-0 (เหย้า) (ยูโร 2008 รอบคัดเลือก)
17-11-08 ชนะ สวีเดน 3-0 (เหย้า) (ยูโร 2008 รอบคัดเลือก)

สรุป : ชนะ 9 ครั้ง / เสมอ 1 ครั้ง / แพ้ 0 ครั้ง


ความพร้อมล่าสุดของทั้งสองทีม

        และแล้วการแข่งขันฟุตบอล "ยูโร 2008" ก็เดินทางมาถึงรอบชิงชนะเลิศอย่างรวดเร็ว โดยคู่ชิงในค่ำคืนนี้ถือว่าสมศักด์ศรี เพราะเป็นการพบกันระหว่าง 2 ทีมเต็งซึ่งเป็นชาติมหาอำนาจลูกหนังของยุโรปอย่าง เยอรมัน และ สเปน ซึ่งจะลงดวลแข้งกันที่ แอร์นท์ ฮัปเปล สตาดิโอน ในกรุงเวียนนา ประเทศออสเตรีย ตามเวลา 01.45 น.ของบ้านเรา

        มาดูกันที่สภาพความพร้อมล่าสุด มีข่าวไม่สู้ดีสำหรับทางทัพลูกหนังเมืองเบียร์ เมื่อ มิชาเอล บัลลัค จอมทัพกัปตันทีมที่มีปัญหาบาดเจ็บบริเวณกล้ามเนื้อต้นขาและไม่ได้ร่วมฝึกซ้อมกับลูกทีม เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา ซึ่งหากสตาร์ เชลซี หายไม่ทันจริง ๆ ก็ถือเป็นเรื่องน่าเสียดายยิ่ง เพราะก่อนหน้านี้ บัลลัค เคยชวดลงสนามให้ "อินทรีเหล็ก" ในเกมชิงชนะเลิศของศึกเวิลด์ คัพ 2002 กับ บราซิล เนื่องจากติดโทษแบนมาแล้ว

        กรณีที่ บัลลัค ไม่อาจเรียกความฟิตได้ทัน ก็มีแนวโน้มว่าเทรนเนอร์ โยอาคิม เลิฟ จะส่ง ทอร์สเท่น ฟริงก์ส ที่เพิ่งหายกลับมาจากอาการกระดูกซี่โครงร้าว ลงคุมจังหวะเกมร่วมกับ โธมัส ฮิตเซิ่ลสแปร์เกอร์ เนื่องจากตัวสำรองทางเลือกหมายเลขหนึ่งอย่าง ไซม่อน โรลเฟส ได้รับบาดเจ็บบริเวณใบหน้าจากเกมเฉือนชนะ ตุรกี 3-2 และไม่น่าจะถูกเสี่ยงส่งลงสนามในนัดนี้

        ส่วนตำแหน่งตัวริมเส้นด้านขวายังคงใช้ บาสเตียน ชไวน์สไตเกอร์ เช่นเคย เพราะฟอร์มกำลังฮ็อตและเข้าขากับ ลูคัส โพดอลสกี้ เป็นอย่างดี โดยอดีตคู่หูในทีมชาติเยอรมัน ชุด ยู-21 ร่วมกันสอยตาข่ายคู่แข่งรวมกันไปแล้ว 5 ตุงในรายการนี้ แดนหน้าส่ง มิโรสลาฟ โคลเซ่ ลงยืนเป็นศูนย์หน้าตัวเป้า นั่นก็หมายความว่า มาริโอ โกเมซ จะต้องรอโอกาสบนม้านั่งสำรองเช่นเคย
  
        ด้าน หลุยส์ อราโกเนส กุนซือวัยดึกของทัพลูกหนังแดนกระทิง มีปัญหาใหญ่ที่ต้องแก้ไข นั่นก็คือทีมส่อแววไม่มี ดาบิด บีย่า ผู้นำดาวซัลโวสูงสุดของทัวร์นาเมนต์ที่เจ็บกล้ามเนื้อต้นขาและอย่างดีหัวหอก บาเลนเซีย คงฟิตพอแค่เป็นตัวสำรองเท่านั้น

        จากอาการบาดเจ็บของ บีย่า ทำให้ อราโกเนส อาจต้องปรับรูปแบบการเล่นจาก 4-4-2 มาเป็น 4-2-3-1 ที่ได้ผลดีในเกมถล่ม รัสเซีย 3-0 ด้วยการส่ง เชส ฟาเบรกาส มิดฟิลด์ อาร์เซน่อล ลงเดินเกมแดนกลางร่วมกับ อิเนียสต้าและ ซิลบา รวมถึง ชาบี เอร์นานเดซ แนวรุกส่ง เฟร์นานโด ตอร์เรส ลงเป็นตัวเป้า โดยมี ดาเนี่ยล กุยซ่า ดาวซัลโวศึก ลา ลีกา ฤดูกาลล่าสุดเป็นตัวสอดแทรก


รายชื่อนักเตะที่คาดว่าจะลงสนาม

เยอรมัน (4-2-3-1) : เยนส์ เลห์มันน์ - อาร์เน่ ฟรีดริช, แพร์ แมร์เตซัคเกอร์, คริสโตฟห์ เม็ตเซลเดอร์, ฟิลิปป์ ลาห์ม - ทอร์สเท่น ฟริงก์ส, โธมัส ฮิตเซิ่ลสแปร์เกอร์ - บาสเตียน ชไวน์สไตเกอร์, มิชาเอล บัลลัค, ลูคัส โพดอลสกี้ - มิโรสลาฟ โคลเซ่

สเปน (4-5-1) : อิเกร์ กาซิยาส - เซร์คิโอ รามอส, การ์เลส ปูโยล, การ์ลอส มาร์เชน่า, โจน กัปเดบีย่า - อันเดรส อิเนียสต้า, ชาบี เอร์นานเดซ, มาร์กอส เซนน่า, เชส ฟาเบรกาส, ดาบิด ซิลบา - เฟร์นานโด ตอร์เรส



ในทรรศนะส่วนตัวของผู้เขียน

        เป็นเกมถูกคู่ของฟุตบอลสองสไตล์ ฝั่งเยอรมันเป็นทีมเน้นระเบียบวินัย เล่นเป็นทีมได้ดี ใช้ความสูงใหญ่ของผู้เล่นเป็นประโยชน์ทั้งรุกและรับ จังหวะเข้าทำเน้นการเจาะริมเส้นแล้วเปิดเข้ากลางให้กองหน้าหรือกองกลางเข้าฮอส เล่นลูกตั้งเตะได้น่ากลัวไม่ว่าจะยิงโดยตรงหรือเปิดเข้ามาให้โหม่ง ทางฝั่ง สเปน มีความสามารถเฉพาะตัวที่เหนือกว่า ผู้เล่นรูปร่างไม่ใหญ่แต่มีความคล่องตัวสูง เล่นบอลกับพื้นแบบเท้าต่อเท้าได้อย่างแม่นยำ จังหวะเข้าทำใช้การต่อบอลเร็วเจาะแผงหลังเข้าทำได้อย่างมีประสิทธิภาพ

        อย่างไรก็ดี นี่คือเกมนัดชิงชนะเลิศที่ผู้แพ้จะต้องเป็นฝ่ายเจ็บปวดรวดร้าวยิ่งกว่าการตกรอบไหนๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งทั้งคู่ก็เป็นสองทีมชั้นนำแห่งทวีป ศักดิ์ศรีจึงยอมกันไม่ได้ และการระวังตัวก็ย่อมมีมากขึ้นเช่นกัน จะเห็นได้ว่านัดชิงชนะเลิศระยะหลังๆมักเป็นเกมที่หืดจับหรือต้องดูกันยาวๆ ไม่ว่าจะเป็นปี 1996 และ 2000 ที่ต้องต่อเวลาพิเศษทั้งคู่ หรือครั้งล่าสุดที่มีประตูเกิดขึ้นแค่ลูกเดียว ดังนั้นแม้ทั้งสองทีมจะกระทุ้งตาข่ายคู่แข่งมาได้มากมายในรอบที่ผ่านมา ก็คาดว่าเกมชิงดำนัดนี้น่าจะเป็นเหมือนภาพยนตร์ดราม่าทริลเลอร์ที่เต็มไปด้วยการชิงไหวชิงพริบ มากกว่าจะเป็นแนวบู๊ล้างผลาญที่จะพาทั้งคู่เสี่ยงตาย

        เยอรมัน กับ สเปน ต่างมีดีกันไปทีมละด้านดังที่กล่าวมา บวกกับสถานการณ์สุดกดดันของนัดชิงชนะเลิศ จะทำให้เกมมีแนวโน้มไม่จบภายใน 90 นาทีสูงทีเดียว แต่หากจะชี้ชัดว่าฝั่งใดน่าจะมีโอกาสดีที่จะครองยุโรปมากกว่ากัน ผู้เขียนมองไปทาง สเปน เพราะนอกจากจะโดดเด่นที่เกมรุกแล้ว เกมรับก็ยกระดับขึ้นมามากซึ่งเกิดจากการตัดเกมในแดนกลางของ มาร์กอส เซนน่า และ ซาบี เอร์นานเดซ นั่นเอง ขณะที่เยอรมันมีจังหวะพลาดเสียประตูให้เห็นบ่อยครั้ง โดยเฉพาะ 2 เกมหลังเสียถึง 4 ประตู ซึ่งก็น่าจะเกิดจากการขาดหายไปของตัวตัดเกมแดนกลางอย่าง ฟริงก์ส ซึ่งแม้วันนี้จะกลับมาช่วยทีมได้ แต่สภาพที่เพิ่งหายเจ็บเช่นนี้ก็ไม่น่าจะดุเหมือนเดิม จึงขอชี้ไปที่ สเปน ว่าจะเบียดคว้าแชมป์ยูโรสมัยที่สองได้สำเร็จ ไม่ว่าจะเป็นการเอาชนะได้ใน 90 นาที หรือในช่วงต่อเวลาพิเศษ



ผู้เล่นที่น่าจับตามอง

เยอรมัน

        มิชาเอล บัลลัค : จอมทัพกัปตันทีมผู้เล่นหัวใจหลักของทีมชุดนี้มีโอกาสจะล้างอาถรรพ์ตำแหน่ง "พระรอง" ตลอดกาล เพราะก่อนหน้านี้เขาผ่านการคว้าตำแหน่ง "รองแชมป์โลก 2002", "ทริปเปิ้ลรองแชมป์กับ เลเวอร์คูเซ่น" มาจนถึง "รองแชมป์ ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก, พรีเมียร์ลีกและ ลีก คัพ" ในฤดูกาลล่าสุด เชื่อว่าประเด็นนี้จะจุดประกายความมุ่งมั่นให้กับ บัลลัค เป็นพิเศษ เพราะที่ผ่านมาเขาพิสูจน์ฝีเท้าให้เป็นที่ยอมรับไปทั่วยุโรป แต่ก็แทบไม่เคยได้สัมผัสแชมป์รายการต่าง ๆ เหมือนบรรดาแข้งระดับซูเปอร์สตาร์รายอื่น ๆ เลย

        ข่าวร้ายคือเกมนี้ "ไกเซอร์น้อย" ยังต้องลุ้นว่าจะหายทันลงช่วยทีมหรือไม่ ภายหลังถูกอาการบาดเจ็บเล่นงานบริเวณกล้ามเนื้อต้นขาและอาการค่อนข้างรุนแรงเลยทีเดียว ซึ่งหากดาวเตะ เชลซี ลงไม่ไหวจริง ๆ ก็จะนับเป็นข่าวร้ายของ เยอรมัน เพราะ บัลลัค กำลังอยู่ในช่วงเวลาที่ดีและมีความอันตรายครบเครื่องทั้งการผ่านบอล, ลูกกลางอากาศ รวมถึงบรรดาลูกตั้งเตะต่าง ๆ ซึ่งฟอร์มอันยอดเยี่ยมของเขาในรอบตัดเชือกกับ ตุรกี บดบังรัศมีของดาวเด่นอย่าง อังเดร อาร์ชาวิน เสียดับสนิทและนั่นเป็นตัวบ่งบอกความสำคัญของเขาต่อทีมแชมป์ ยูโร 1996 ได้เป็นอย่างดี

        บาสเตียน ชไวน์สไตเกอร์ : ช่วงแรกของทัวร์นาเมนต์ดาวเตะ "เสือใต้" บาเยิร์น มิวนิค ต้องเสียตำแหน่งให้ เคลเมนส์ ฟริตซ์ ตามการวางแท็คติกของเทรนเนอร์ โยอาคิม เลิฟ ที่เน้นความรัดกุมในเกมรับและดูเหมือนว่าหายนะจะมาเยือน "ชไวนี่" ภายหลังถูกไล่ออกในฐานะตัวสำรอง นัดปะทะ โครเอเชีย อย่างไรก็ตาม ชไวน์สไตเกอร์ ยังโชคดีที่บุนเดสเทรนเนอร์ไม่ได้สูยเสียเชื่อมั่นในตัวเขาไป

        เมื่อรอบน็อกเอาท์เริ่มขึ้น มิดฟิลด์ผมบลอนด์ก็ตอบแทนความไว้วางใจของเจ้านาย ด้วยการคัมแบ็กแบบสุดหรู ยิง 1 จ่าย 2 พา เยอรมัน โค่น โปรตุเกส 3-2 ในเกมรอบ 8 ทีมสุดท้าย ซึ่งข้อได้เปรียบของเขาคือการเล่นที่เข้าขากับ ลูคัส โพดอลสกี้ อดีตคู่หู่ในทีมรุ่น ยู-21 เป็นอย่างดีและประสานงานจนทำได้ 2 ประตูใน 2 รอบที่ผ่านมา ดูแล้วเกมนี้แนวรับ สเปน จะประมาทผู้เล่นรายนี้ไม่ได้เลย

        ลูคัส โพดอลสกี้ : กล่าวได้ว่าผู้นำดาวซัลโวของทีม "อินทรีเหล็ก" เป็นอีกคนที่สร้างสรรค์ผลงานได้อย่างน่าประทับใจในรายการนี้ ทั้ง ๆ ที่ก่อนเริ่มการแข่งขัน "ปริ๊นซ์ โพดอล" ถูกมองข้าม เนื่องจากในฤดูกาลปกติที่ผ่านมาเขาตกอยู่ใต้ร่มเงาของตัวหลักอย่าง โคลเซ่และ ลูก้า โทนี่ เสียเป็นส่วนใหญ่ ที่สำคัญดันถูกจับย้ายให้ไปเล่นในตำแหน่งที่ไม่ถนัดอย่างตัวริมเส้นด้านซ้ายเสียอีก

        อย่างไรก็ตามสถานการณ์พลิกผัน เพราะมันทำให้ โพดอลสกี้ มีอิสระในการเคลื่อนที่และทำเกมมากขึ้น แม้การเล่นของเขาจะไม่มีหวือหวา แต่ก็เปี่ยมไปด้วยประสิทธิภาพ นอกจากนั้น โพลดี้ ยังมีเท้าซ้ายอันทรงประสิทธิภาพอีกด้วย โดยประตูที่เกิดขึ้นของ เยอรมัน ส่วนใหญ่มาจากการขึ้นเกมทางกราบซ้ายทั้ง โพดอลสกี้ รวมถึง ฟิลิปป์ ลาห์ม ทำให้เชื่อว่าคืนนี้ เซร์คิโอ รามอส แบ็กขวาของ สเปน นั้นต้องเผชิญงานหนักตลอดเกมอย่างแน่นอน

สเปน

        การ์เลส ปูโยล : ขนาดกองหลังเยอรมันที่ว่าแน่ๆในเรื่องของความแข็งแกร่ง ก็ดูจะเทียบกันไม่ได้เลยกับแนวรับของสเปน ซึ่งมีผลงานเสียประตูน้อยสุดเป็นอันดับ 2 ของทัวร์นาเมนต์ และเครดิตส่วนใหญ่ก็คงต้องยกให้กับ การ์เลส ปูโยล ปราการหลังจอมเก๋าจาก บาร์เซโลน่า ที่ทำหน้าที่ได้อย่างโดดเด่น การเสียเพียงสองประตู จาก 4 เกมที่ผ่านมา (ไม่นับประตูที่เสียให้กรีซ เนื่องจาก สเปน ส่งผู้เล่นสำรอง และ ปูโยล ไม่ได้ลงสนาม) คงเป็นเครื่องการันตีได้เป็นอย่างดี

        การเล่นกับเยอรมันในนัดชิงวันนี้ ปูโยล ยังคงจำเป็นต้องรักษาระเบียบวินัยและฟอร์มการเล่นในการคุมแนวรับให้เข้มงวดเช่นเดิม แม้ว่าแนวรุกของคู่ต่อสู้อย่าง มิโรสลาฟ โคลเซ่ กองหน้าดาวเด่นจาก บาเยิร์น มิวนิค จะยังทำผลงานไม่เด็ดดวง แต่ก็ไม่อาจประมาทลูกโหม่งอันเป็นเครื่องหมายการค้าของหัวหอกอินทรีเหล็ก ที่แผลงฤทธิ์ให้เห็นไปแล้วสองครั้งในสองเกมล่าสุด

        เชส ฟาเบรกัส : ถือเป็นยอดซุเปอร์ซับของสเปนประจำทัวร์นาเม้นต์ และยังเป็นผู้เล่นที่โชว์ฟอร์มได้น่าประทับใจที่สุดเลยก็ว่าได้ เพราะเป็นการยากที่จะคาดหวังให้ตัวสำรองคนหนึ่งลุกออกมาจากม้านั่งและทำผลงานได้ดีตลอดเวลาที่อยู่ในสนาม แต่ มิดฟิลด์วัย 21 ปี พิสูจน์ตัวเองแล้วว่าเขาคือข้อยกเว้น และหลังจากความโชคร้ายของ ดาบิด บีย่า กองหน้าดาวซัลโวสูงสุดของศึกยูโรที่มีอาการบาดเจ็บรบกวนจากเกมที่แล้ว จนต้องชวดลงสนามนัดชิงดำอย่างแน่นอน จึงปฏิเสธไม่ได้ว่า ฟาเบรกัส คือผู้ที่เหมาะสมที่สุดที่จะได้ออกสตาร์ทเป็นตัวจริงในเกมนัดชิงชนะเลิศกับเยอรมัน

        นี่อาจเป็นโอกาสดีที่ ฟาเบรกัส จะได้พิสูจน์ว่าเขาสามารถรับภาระอันหนักอึ้งด้วยการเล่นเป็นผู้เล่นตัวรุกอยู่ข้างหน้า ชาบี และ เซนน่า ได้ดีในระบบการเล่นกองกลางสามคน และมี ซิลบา และ อิเนสต้า เดินเกมร่วมกับเขาอยู่ข้างๆ เพื่อสนับสนุนเกมให้กับกองหน้าตัวเป้า ซึ่งก็คือ...

        เฟร์นานโด ตอร์เรส : เมื่อยามที่ สเปน ต้องปราศจาก ดาบิด บีย่า ดาวซัลโวสูงสุดของทีมเช่นนี้ จึงไม่แปลกที่ความกดดันมากมายจะถาโถมไปยัง ตอร์เรส ผู้ต้องแบกภาระในการทำประตูให้กับทีมไว้เพียงผู้เดียว แต่จนถึงวันนี้ ดาวเตะฟอร์มร้อนแรงของลิเวอร์พูลก็เพิ่งจะซัดได้ประตูเดียวจาก 4 เกมที่ลงสนาม แม้ว่าเขาจะเป็นหัวใจสำคัญในเกมรุกของขุนพล "กระทิงดุ" ตั้งแต่ออกสตาร์ททัวร์นาเม้นต์ก็ตาม

        อย่างไรก็ดี ตอร์เรส ก็ยังเป็นกองหน้าที่อันตรายทั้งการเคลื่อนไหว, การวิ่ง, และการจบสกอร์ ซึ่งนั่นเป็นสิ่งที่เขายังไม่สามารถพิสูจน์ให้เห็นเป็นรูปธรรมนักในสีเสื้อทีมชาติสเปน ดังนั้นเกมกับ เยอรมัน ในวันนี้ที่ไม่มี บีย่า มาบดบังรัศมีของเขา ก็อาจเป็นช่วงเวลาอันดีที่เขาจะฉกฉวยโอกาสแจ้งเกิดให้กับตัวเองอีกครั้ง



เกร็ดเล็กเกร็ดน้อยของทั้งสองทีม

เยอรมัน

-เข้ารอบชิงชนะเลิศยูโรเป็นครั้งที่ 6 โดยเคยคว้าแชมป์ได้สำเร็จ 3 ครั้งในปี 1972, 1980 และ 1996 ส่วน 2 ครั้งที่ได้แค่รองแชมป์นั้นคือปี 1976 ที่แพ้ต่อ เชโกสโลวาเกีย และ 1992 ที่แพ้ต่อ เดนมาร์ก
-หาก เยนส์ เลห์มันน์ ได้ลงสนาม ก็จะทำสถิติเป็นผู้เล่นในรอบชิงชนะเลิศยูโรที่มีอายุมากที่สุด ด้วยวัย 38 ปี 232 วัน ทำลายสถิติเดิมของ อาร์โนลด์ มูห์เรน อดีตกองกลางทีมชาติเนเธอร์แลนด์ ที่ลงสนามในรอบชิงชนะเลฺสกับ สหภาพโซเวียต เมื่อปี 1988 ด้วยวัย 37 ปี 23 วัน
-ลูคัส โพโดลสกี้ ยังคงมีลุ้นดาวซัลโวประจำทัวร์นาเมนท์หลังจากที่ยิงไปแล้ว 3 ประตู ตามหลัง ดาบิด บีย่า เพียงแค่ลูกเดียวเท่านั้น ขณะที่ มิชาเอล บัลลค, มิโรสลาฟ โคลเซ่ และ บาสเตียน ชไวน์สไตเกอร์ ก็มีลุ้นอยู่ห่างๆด้วยจำนวนคนละ 2 ประตู
-เกมนี้จะเป็นการเผชิญหน้ากันของเพื่อนร่วมสโมสรถึง 3 ทีม ได้แก่ เยนส์ เลห์มันน์ กับ เชส ฟาเบรกัส (อาร์เซนอล), คริสตอฟห์ เม็ตเซลเดอร์ กับ อิเคร์ คาซิยาส, เซร์คิโอ รามอส และ รูเบน เด ลา เร้ด (เรอัล มาดริด) รวมถึง เดวิด โอดอนคอร์ กับ ฆัวนิโต้ (เรอัล เบติส)
-เยอรมันเคยมีประสบการณ์ที่ร้ายและดีในการมี โรแบร์โต้ โรเซ็ตติ เป็นผู้ตัดสิน โดยเริ่มจากการแพ้อย่างย่อยยับในนัดอุ่นเครื่องกับ โรมาเนีย ด้วยสกอร์ 1-5 เมื่อปี 2004 หลังจากนั้นก็เป็นชัยชนะเหนือ สาธารณรัฐเชก 2-1 ในรอบคัดเลือกยูโร 2008

สเปน

-สเปนเข้ารอบชิงชนะเลิศยูโรเป็นครั้งที่ 3 หลังจากที่เคยทำได้ในปี 1964 และ 1984 โดยเคยคว้าแชมป์ได้เพียงครั้งเดียวในการเข้าชิงหนแรก ด้วยชัยชนะเหนือสหภาพโซเวียต 2-1 ขณะที่อีกครั้งหนึ่งนั้นพวกเขาแพ้ต่อฝรั่งเศส 0-2
-นับตั้งแต่แพ้ต่อโรมาเนีย 0-1 เมื่อเดือนพฤศจิกายน 2006 สเปนทำสถิติไม่แพ้มาติดกัน 21 นัด แบ่งเป็นชนะ 18 นัด เสมอ 3 นัด ขณะที่สถิติสูงสุดของทีมคือ 31 นัดในระหว่างเดือนกันยายน 1994 ถึงเดือนพฤศจิกายน 1997
-หลุยส์ อราโกเนส ทำสถิติเป็นเทรนเนอร์ในรอบชิงชนะเลิศยูโรที่มีอายุมากที่สุด ด้วยวัย 69 ปี 337 วัน ทำลายสถิติเดิมของ อ็อตโต้ เรห์ฮาเกล กุนซือทีมชาติกรีซที่พาทีมคว้าแชมป์ในปี 2004 ด้วยวัย 65 ปี 327 วัน
-ดาบิด บีย่า ยังคงมีลุ้นรางวัลดาวซัลโวสูงสุดประจำทัวร์นาเมนท์ด้วยจำนวน 4 ประตู แต่คงหมดโอกาสเพิ่มสกอร์เนื่องจากบาดเจ็บ ส่วนรองดาวยิงประจำทีมได้แก่ ดานี่ กุยซ่า ที่ยิงได้ 2 ประตู
-สเปน ก็มีทั้งความทรงจำทั้งร้ายและดีในการลงเล่นโดยมี โรเบร์โต้ โรเซ็ตติ เป็นผู้ตัดสิน โดยครั้งแรกคือการแพ้ต่อฝรั่งเศส 1-3 ตกรอบ 16 ทีมสุดท้าย ฟุตบอลโลก 2006 ขณะที่ครั้งล่าสุดคือเกมที่ สเปน เปิดบ้านต้อนสวีเดน 3-0 ในรอบคัดเลือก ยูโร 2008 นี้เอง

พื้นที่โฆษณา

สมาชิกโปรดล็อกอินก่อนร่วมแสดงความคิดเห็น

ความคิดเห็นที่ 1

29 / 06 / 2008 16:02

;) ;) ;)

ความคิดเห็นที่ 2

29 / 06 / 2008 16:09

;)

ความคิดเห็นที่ 3

29 / 06 / 2008 16:14

spain :P :P :P

ความคิดเห็นที่ 4

29 / 06 / 2008 16:43

ชอบเสปนครับ วิเคราะห์ได้ตรงใจ

ความคิดเห็นที่ 5

29 / 06 / 2008 17:33

;) ;) ;)