ฟุตบอล พรีเมียร์ลีก อังกฤษ
สโต๊ค ซิตี้ (18) -vs- เชลซี (2) ......(21.00 น.)
สนาม : บริตันเนีย สเตเดี้ยม
ราคา : เชลซี ต่อ ลูกควบลูกครึ่ง
ผลการพบกันเมื่อฤดูกาลที่แล้ว
- ไม่ได้พบกัน
สถิติการพบกันที่ บริตันเนีย สเตเดี้ยม
ฤดูกาล ผลการแข่งขัน
2002-2003 สโต๊ก ซิตี้ แพ้ เชลซี 0-2 (เอฟเอ คัพ)
1984-1985 สโต๊ก ซิตี้ แพ้ เชลซี 0-1 (ดิวิชั่น 1 เดิม)
1974-1975 สโต๊ก ซิตี้ ชนะ เชลซี 3-0 (ดิวิชั่น 1 เดิม)
1973-1974 สโต๊ก ซิตี้ ชนะ เชลซี 1-0 (ดิวิชั่น 1 เดิม)
1972-1973 สโต๊ก ซิตี้ เสมอ เชลซี 1-1 (ดิวิชั่น 1 เดิม)
ฟอร์ม 5 นัดหลังสุด
สโต๊ค
23-09-08 เสมอ เร้ดดิ้ง 2-2 (เหย้า) (ชนะจุดโทษ 4-3) (คาร์ลิ่ง คัพ)
20-09-08 เสมอ ลิเวอร์พูล 0-0 (เยือน)
14-09-08 แพ้ เอฟเวอร์ตัน 2-3 (เหย้า)
30-08-08 แพ้ มิดเดิ้ลสโบรซ์ 1-2 (เยือน)
26-08-08 ชนะ เชลท์แน่ม 3-2 (เยือน) (คาร์ลิ่ง คัพ)
ฟอร์มเกมเหย้าในลีกล่าสุด ของ สโต๊ค : แข่ง 2 ชนะ 1 เสมอ 0 แพ้ 1 ได้ 5 เสีย 5
เชลซี
24-09-08 ชนะ พอร์ทสมัธ 4-0 (เยือน) (คาร์ลิ่ง คัพ)
21-09-08 เสมอ แมนฯ ยูไนเต็ด 1-1 (เหย้า)
16-09-08 ชนะ บอร์กโดซ์ 4-0 (เหย้า) (แชมเปี้ยนส์ ลีก)
14-09-08 ชนะ แมนฯ ซิตี้ 3-1 (เยือน)
31-08-08 เสมอ สเปอร์ส 1-1 (เหย้า)
ฟอร์มเกมเยือนในลีกล่าสุดของ เชลซี : แข่ง 2 ชนะ 2 เสมอ 0 แพ้ 0 ได้ 4 เสีย 1 แต้ม 6
สภาพความพร้อมล่าสุด
สโต๊ค
โทนี่ พูลิส กุนซือทีม "ช่างปั้นหม้อ" เตรียมปรับแนวรุกในเกมนี้ โดยจะส่ง ริคาร์โด้ ฟูลเลอร์ หัวหอกกลับมาเป็นตัวจริง หลังจากที่หลุดเป็นตัวสำรองในสองนัดก่อน เนื่องจากเจ็บเข่าก่อนเกมคาร์ลิ่ง คัพ และท้องเสียก่อนเกมที่เสมอ ลิเวอร์พูล 0-0 สุดสัปดาห์ที่แล้ว ทำให้ มามาดี้ ซิดิเบ้ หอกจาไมก้า จำต้องหลุดเป็นตัวสำรอง
พร้อมกันนี้ ทีมจะได้ ออมดี้ ฟาย พ้นโทษแบนกลับคืนสู่ทีม เช่นเดียวกับ อิบราฮิม่า ซงโก้ ก็หายเจ็บขา กลับมาเบียด ลีออน คอร์ต ลงยืนเซนเตอร์ฮาล์ฟตัวจริงคู่ อับดูลาย ฟาย ทันที ขณะที่ ตัวหลักเกือบทั้งทีมที่ได้พักมาในเกมคาร์ลิ่ง คัพ เมื่อกลางสัปดาห์ จะกลับคืนทีมตัวจริงทั้งหมด โดยเฉพาะจอมทุ่มไกลอย่าง รอรี่ ดีแล็ป แต่ แอนดรูวส์ เดวิส กองหลัง ที่สภาพร่างกายไม่สมบูรณ์ ยังชวดต่อไป
เชลซี
ด้าน หลุยซ์ เฟลิเป้ สโคลารี่ กุนซือทีม "สิงห์บูลส์" จะชวดใช้บริการ โจ โคล มิดฟิลด์ตัวรุก ที่มีอาการบาดเจ็บกำเริบขึ้นมาเล็กน้อย และไม่ได้เดินทางไป บริทานเนีย สเตเดี้ยม ร่วมกับสองแข้งทีมชาติโปรตุเกส อย่าง เดโก้ มิดฟิลด์ที่เจ็บกล้ามเนื้อต้นขา และ ริคาร์โด้ คาร์วัลโญ่ กองหลังที่เจ็บเข่า
อย่างไรก็ดี ทีมจะได้ จอห์น โอบี มิเกล, นิโกล่าส์ อเนลก้า, แอชลี่ย์ โคล และ โชเซ่ โบซิงวา จะกลับคืนสนามเป็นตัวจริงทั้งหมด หลังได้พักมาในเกมคาร์ลิ่ง คัพที่บุกชนะ พอร์ทสมัธ 4-0 เมื่อกลางสัปดาห์ แต่ในรายของ มิชาเอล เอสเซียง ที่เจ็บเข่าพักยาวประมาณ 6 เดือน ยังชวดเหมือนเดิม
รายชื่อผู้เล่นที่คาดว่าจะลงสนาม
สโต๊ค (4-4-2) : โธมัส โซเรนเซ่น - แอนดี้ กริฟฟิน, อับดูลาย ฟาย, อิบราฮิมา ซงโก้, แดนนี่ ฮิกกิ้นบ็อตทอม - เลียม ลอว์เรนซ์, เซยี่ จอร์จ โอโลฟินยาน่า, ออมดี้ ฟาย, รอรี่ ดีแล็ป - เดฟ คิตสัน, ริคาร์โด้ ฟูลเลอร์
เชลซี (4-1-3-2) : ปีเตอร์ เช็ก - โชเซ่ โบซิงวา, อเล็กซ์, จอห์น เทอร์รี่, แอชลี่ย์ โคล - จอห์น โอบี มิเกล - มิชาเอล บัลลัค, แฟร้งค์ แลมพาร์ด, ฟลอร็องต์ มาลูด้า - นิโกล่าส์ อเนลก้า, ดีดิเย่ร์ ดร็อกบา
จับยามสามตา
เชลซี เหนือกว่า สโต๊ค ทุกอย่าง ทั้งในแง่ศักยภาพ, ตัวผู้เล่น, ฟอร์มการเล่น และ รวมถึงสภาพความฟิต โดยแม้ว่า ทั้งสองทีมจะผ่านศึกคาร์ลิ่ง คัพ เมื่อกลางสัปดาห์ มาเหมือนกัน แต่ทางฝั่งผู้เล่นของ สโต๊ค กลับต้องใช้พลังงานไปถึง 120 นาทีเต็ม ซึ่งน่าจะส่งผลกระทบแน่นอน เพราะฉะนั้น จึงเชื่อว่า เหตุการณ์ที่ "ช่างปั้นหม้อ" เคยบุกไปยันเสมอ "หงส์แดง" มาได้ 0-0 ในสัปดาห์ที่แล้ว คงไม่เกิดขึ้นอีกครั้ง นั่นเป็นเพราะ "ปาฏิหาริย์" คงมีได้แค่ครั้งเดียว
สกอร์ที่คาด : สโต๊ก ซิตี้ แพ้ เชลซี 0-2
27 / 09 / 2008 16:55